เบาะแสทุกอย่างค่อยๆ ถูกรวมเข้ากันอย่างช้าๆ ในวินาทีนั้น ธีทัตรู้สึกว่าเลือดในร่างกายร้อนเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วแววตาหม่นหมองลง
ญาธิดาที่อยู่ข้างๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และปรับการหายใจเข้าออก สองมือของเธอถูกันไปมาอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย พยายามระงับความตื่นเต้นไว้
ตั้งแต่ที่ฟังอีธานพูดเรื่องนี้ในห้องผู้ป่วยเมื่อกี้นี้ ในใจของเธอก็มีคำตอบรางๆ อยู่แล้ว และตอนนี้ พูดออกมาต่อหน้าธีทัต คำตอบรางๆ นั้นค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมาแล้ว
นอกจากนิวราแล้ว เธอนึกถึงคนที่เกลียดเธอกับลูกแฝดคนที่สองไม่ออกแล้ว ยิ่งกว่านั้น นิวราคือคนที่รู้ฐานะที่แท้จริงของลูกแฝดดี
น่าจะดูออกว่าญาธิดาอารมณ์ไม่ดี ธีทัตจึงยกมือขึ้น ฝ่ามือใหญ่วางไปบนไหล่ของเธอ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ธิดา เรื่องนี้ให้ผมเป็นคนจัดการ”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความเกลียด ความเศร้าโศก รวมทั้งความรู้สึกที่ติดค้างอันอันปะปนอยู่ในหัวใจ
เรื่องต่างๆ ในอดีตประดังเข้ามาราวกับกระแสน้ำ เรื่องที่นิวราทำกับเธอกับลูกแฝดพวกนั้น สะสมขึ้นเหมือนน้ำมันทีละหยด เมื่อประกายไฟตกลงมา “บูม” หนึ่งเสียง จุดประกายทุกสิ่งทุกอย่าง
เธอกัดฟันแน่น มีกลิ่นคาวเค็มโชยมาจากปากโดยไม่รู้ตัว นั่นมันเป็นกลิ่นเลือด
ในที่สุด น้ำตาร้อนก็ไหลออกมาจากขอบตาของเธอ แล้วเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ทัต ฉันทนไม่ไหวอีกแล้ว......”
ทนไม่ไหวแล้วที่นิวราลงมือกับเธอและคนที่เธอแคร์ที่สุดครั้งแล้วครั้งเล่า ทนไม่ได้ที่เป็นเพราะเธอจึงทำให้คนข้างกายลำบากไปด้วย ทนไม่ได้ที่ต้องทนกับคนบาปที่ไม่มีที่สิ้นสุด
หัวใจธีทัตกระตุก ยื่นมือออกไป แล้วกอดหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอดทันที เธอเจ็บปวดหัวใจยากจะอธิบาย ยกมือขึ้นลูบไปที่แผ่นหลังของเธอ ในที่สุดก็พูดปลอบโยนขึ้นว่า “ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม ”
แม้ในใจจะมีความโกรธมหึมา เวลานี้ เขาก็ยังทำหน้าที่ของผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมา ส่วนเรื่องครั้งนี้ เขาก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่ายแบบนี้เหมือนกัน
รอให้อารมณ์ญาธิดาดีขึ้นแล้ว ธีทัตนั้นพอออกมาจากห้องผู้ป่วย ทันใดนั้นสีหน้าเยือกเย็น เขาหันหน้าไปสั่งลูกน้องข้างกายว่า “ให้หมอกเริ่มสืบจากนิวรา ติดต่อคนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันตรวจสอบ ”
ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านสว่างหรือด้านมืด เขาก็จะหาคนร้ายตัวจริงออกมา จะไม่ให้อภัยตลอดไป!
เวลาเดินเร็วมาก สองวันผ่านไป
สองวันนี้ ญาธิดาส่งลูกแฝดกลับไปที่แกรนด์ บูเลอวาร์ด จัดบอดี้การ์ดคอยเฝ้า ให้ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีคอยดูแลเด็กน้อยสองคน ส่วนเธอเองนั้นคอยเฝ้าอยู่ข้างกายอัญมณีทั้งวันทั้งคืน
อัญมณียังคงนอนอยู่บนเตียงในห้องไอซียู สีหน้าซีดเซียวพร้อมกับหน้ากากออกซิเจน เป็นเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงเต็มแล้ว ยังไม่ฟื้นเลย
ในที่สุดญาธิดานั่งไม่ติดแล้ว เธอปรากฏตัวหน้าประตูสำนักงานของแพทย์เจ้าของไข้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อรอฟังผล
นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี แม้ว่าจะร้ายแรงมาก แต่ตอนนี้สลบไปสองวันสองคืนแล้ว อันอันก็น่าจะขยับตัวบ้างถึงจะถูก
“คุณหมอ เพื่อนของฉัน........”
เป็นคำถามครั้งที่ร้อยที่ถามคุณหมอ คุณหมอเองก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย “คุณญาธิดา เมื่อสองชั่วโมงก่อนผมได้ตอบปัญหานี้กับคุณไปแล้ว ตอนนี้ตัวชี้วัดต่างๆ ของคนไข้ก็ปกติ ผมได้จัดคนไปทำการตรวจเธออย่างครอบคลุมอีกครั้ง ไม่นานก็จะได้แผ่นฟิล์มแล้ว”
ญาธิดาสูดลมหายใจแล้วพยักหน้า ในใจยังคงรู้สึกกังวล “จะได้ฟิล์มประมาณเวลาไหน?”
คุณหมอยกมือขึ้นเหลือบมองดูนาฬิกา หยุดครู่หนึ่ง แล้วพูดพร้อมกับถอนหายใจว่า “คุณตามผมมาเถอะ”
เมื่อเดินไปถึงแผนกห้องแล็บ คุณหมอให้หมอที่นั่นเอาแผ่นฟิล์มของอัญมณีให้ก่อน จากนั้นก็ไปที่สำนักงาน
เขาเอาCTสมอง ออกมามองดู สีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย จากนั้น เขาเอาแผ่นฟิล์มวางบนแผ่นแสง แล้วชี้จุดหนึ่งให้ญาธิดาดู “เห็นหรือยัง ส่วนนี้ก็คือเลือดคลั่งจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ และตอนที่เกิดอุบัติเหตุหัวของเธอได้รับบาดเจ็บ เซลล์สมองได้รับความเสียหาย ดังนั้นผู้ป่วยจึงอยู่ในสถานการณ์สลบไสล แต่หากว่ามันไม่ร้ายแรงมาก หลังจากสลบแล้วผู้ป่วยก็จะรู้สึกตัวขึ้นมาเอง”
หัวใจของญาธิดา “ตุ๊บ” หนึ่งเสียง สูดลมหายใจแล้วถามขึ้นว่า “แล้วถ้าหากมันร้ายแรงมาก จะเกิดอะไรขึ้น?”
คุณหมอหยุดไปครู่หนึ่ง “หากเซลล์สมองเสียหายเป็นวงกว้าง จะทำให้กลายเป็นคนPVS”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...