เมื่อได้ยินชื่อนี้ ทันใดนั้น ธีทัตหน้าเขียวเล็กน้อย
เขาไม่คิดว่า ที่แท้เป็นเขา!
เขากับหลุยส์ก็เคยเจอกันหลายครั้ง ทุกครั้งที่เขากับภวินท์เผชิญหน้ากัน หลุยส์จะมาเป็นตัวแสดงในฐานะผู้สร้างสันติ ความรู้สึกที่เขาให้เขา เป็นคนรอบรู้ ดูผิวเผินเหมือนเยาะเย้ยถากถางสังคม แต่ลับหลังนั้นไม่สามารถจะเข้าใจความคิดของเขา เป็นคนที่ซับซ้อนมาก
ธีทัตสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “แน่ใจใช่ไหม?”
หมอกกล่าวว่า “เจ็ดแปดสิบเปอร์เซ็นต์”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ธีทัตเกือบจะมั่นใจแล้ว
หากไม่ผิด น่าจะเป็นเขา ไม่ว่าอย่างไร ความสามารถของหมอกนั้นเขารู้ดี
สุดท้าย เขากล่าวเสียงเรียบๆ ว่า “ดี ฉันรู้แล้ว ”
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ จะบอกคุณญาธิดาไหม ”
มีประกายความมืดในแววตาของธีทัต หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า “ยัง ”
เขาเพิ่งบอกญาธิดาไปว่าเขาสงสัยว่าเรื่องลักพาตัวครั้งก่อนนั้นนิวราเป็นคนทำ ตอนนี้จู่ๆ ก็บอกว่าหลุยส์เป็นคนทำ มันกลับกลอกเกินไป อีกอย่าง เขายิ่งอยากให้ญาธิดาคิดว่านิวราเป็นคนทำ เมื่อเป็นเช่นนี้ เป็นผลดีกับเขามากกว่า..........
ธีทัตสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า “เรื่องนี้แกรู้ฉันรู้ ห้ามให้คนที่สามรู้เรื่องนี้ เข้าใจใช่ไหม?”
“เข้าใจครับ”
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับของเขา ธีทัตจึงวางสายลง เก็บมือถือ แล้วหันหลังก้าวเดินไปทางรถ
มองข้างแก้มสวยงามของหญิงสาวผ่านกระจกรถ เขาอดที่จะใจเต้นไม่ได้
บางครั้ง ก็จำเป็นที่จะต้องโกหกบ้าง ยิ่งไปกว่านั้น กับผู้หญิงที่เขาอยากได้ด้วย ความหลอกลวงเล็กๆ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาขึ้น เขารู้สึกว่าไม่อาจปฏิเสธว่าไม่ดีหมด
ออกจากพิธีตัดริบบิ้น เมื่อกลับถึงแกรนด์ บูเลอวาร์ดแล้ว ญาธิดาอาบน้ำ กินข้าวกับสองหนูน้อย หลังจากนั้นก็เก็บข้าวของเตรียมจะจากไป
เห็นเธอกำลังพับเสื้อผ้า สองหนูน้อยขวาคนซ้ายคนกอดขาเธอไว้ แล้วเงยหน้าถามว่า “คุณแม่ ยังจะไปอีกหรือ?”
ญาธิดาก้มหน้า มองดูหนูน้อยทั้งสองสีหน้าไม่อยากให้ไป ทันใดนั้นใจอ่อนเล็กน้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวปลอบเบาๆ ว่า “ตอนนี้น้าของพวกหนูยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล แม่จะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ พวกหนูก็อยากจะให้น้าฟื้นในเร็ววันไม่ใช่หรือ?”
แม้จะไม่อยากให้ไปขนาดไหน แต่เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ลูกแฝดก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วออกจากห้องไปอย่างรู้ตัว
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสองคนหนึ่งอยู่ข้างหน้าคนหนึ่งอยู่ข้างหลังกลับมาอีกครั้ง “อันนี้ให้คุณแม่ เอาไว้ฆ่าเวลาได้........”
ญาธิดาก้มหน้า จึงเห็นว่าที่อีธานยื่นมานั้นเป็นหนังสือสารานุกรมดาราศาสตร์เล่มหนึ่ง ทันใดนั้นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เธอยื่นมือไปจะรับ เอลล่าที่อยู่ข้างๆ เอาถุงที่ซ่อนอยู่ข้างหลังออกมา “คุณแม่ขา หนูให้อันนี้ .........”
ในกล่องใสๆ มีลูกอมหลากสีสันลวดลายมากมาย ดูไปแล้วทั้งน่ารักและสวยงาม เอลล่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ ว่า “หากน้าเล็กเจ็บ ก็ให้เธอกินอันนี้ได้ ได้ผลดีมาก ”
เมื่อได้ยินคำพูดไร้เดียงสาของเด็กน้อยสองคน ญาธิดาทั้งอยากหัวเราะและตื้นตันใจ นั่งลงกอดพวกเขาไว้ทันที “ขอบคุณที่ลูกรัก รอให้น้าเล็กฟื้นแล้ว แม่ค่อยมาอยู่กับพวกหนู จะชดเชยกลับมาให้ ”
สำหรับสิ่งที่ติดค้างลูกแฝด เธอจะต้องชดใช้เป็นสิบเท่าร้อยเท่าถึงจะได้
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้ญาธิดาคิดไม่ถึงก็คือ อัญมณีนั้นนอนไม่ได้สตินานขนาดนี้
หลังจากนั้นในหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ เธอเฝ้าอยู่ข้างเตียงทั้งวันทั้งคืน อัญมณียังคงไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลยสักนิด ในทุกสุดหัวใจญาธิดาไม่อาจจะสงบสุข ธีทัตก็ทนไม่ไหวแล้ว ส่วนพายุนั้นก็เหมือนกัน หาเวลามาหาที่โรงพยาบาลบ่อยๆ ........
ทุกคนร้อนรนเหมือนมดในหม้อร้อน
สุดท้าย ญาธิดาทนไม่ไหวแล้ว จึงดึงธีทัตไปสอบถามอาการกับหมออีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...