หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ญาธิดานั่งรออยู่ที่โซนพักผ่อนตรงประตูลิฟต์ ที่นี่เป็นทางผ่านขึ้นลิฟต์ไปห้องผู้ป่วยอัญมณี หากพายุมา ก็จะต้องผ่านตรงนี้อย่างแน่นอน
ประตูลิฟต์เปิดออกแต่ละครั้ง ในที่สุดลิฟต์ก็หยุดที่ชั้นนี้อีกครั้ง ประตูค่อยเปิดออก ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้ามองไป เห็นพายุเดินออกมาจากข้างในพอดี
สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากที่สุดก็คือ เขาไม่ได้มาคนเดียว ภวินท์ออกมาจากลิฟต์ตามหลังเขาด้วย
หัวใจญาธิดากระตุก นึกถึงคำพูดที่ธีทัตนั้นบอกกับเธอก่อนหน้านั้น ทันใดนั้น ความรู้สึกเกลียดชังและความรู้สึกต่อต้านเกิดขึ้นในใจ ทำให้เธอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
เมื่อพายุเห็นเธอ ก็เดินเข้ามาแล้วจะพูดแต่ก็หยุดไป “อันอันเธอ........”
ตอนนี้ ทุกคนล้วนอยากได้ยินข่าวดี แต่ก็ไม่อาจจะทำใจรับสิ่งเลวร้ายที่สุด
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พาเขาเดินไปตรงหน้าต่างข้างๆ ที่คนค่อนข้างน้อย แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “วันนี้คุณหมอบอกฉันว่า ตอนนี้อาการของอันอันไม่ค่อยดี เธออาจจะตื่นขึ้นมา และก็อาจจะไม่ตื่นก็ได้ กลายเป็น.….เจ้าหญิงนิทรา”
พูดพลาง เธอก็อดที่จะแสบจมูกสะอื้นเล็กน้อย
พายุตกตะลึงอยู่กับที่อยู่เนิ่นนานไม่พูดอะไร ในที่สุด เขาขยับสายตา ดึงสติคืนมา “เจ้าหญิงนิทราหรือ?”
ญาธิดาพยักหน้า
ทันใดนั้น รอบข้างราวกับหยุดนิ่ง พวกเขาทั้งสามคนไม่มีใครพูดอะไร
ในที่สุด พายุค่อยได้สติคืนมา ดวงตาแดงเล็กน้อย “สามารถรักษาได้ไหม?”
ญาธิดาตอบเสียงเบา “ทัตบกว่าได้หาหมอจากต่างประเทศแล้ว มีโอกาสดีขึ้น แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้นต้องรอหมอมาถึงแล้วถึงจะยืนยันได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาพายุเป็นประกาย พยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นว่า “ไม่ว่าอย่างไร ผมจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป ”
น้ำเสียงของเขาเบามาก แต่แน่วแน่ผิดปกติ ปนไปด้วยท่าทางที่ยากจะต่อต้าน
พูดพลาง พายุเงยหน้าขึ้น มองดูเธอแล้วกล่าวขึ้นว่า “ผมไปดูเธอก่อน ”
พูดจบ เขาหันหลัง เดินตรงไปทางห้องผู้ป่วยของอัญมณี
มองดูเงาหลังของชายหนุ่มที่จากไป ญาธิดารู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจ เธอดูออกว่า พายุนั้นปฏิบัติกับอันอันด้วยความจริงใจ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอดึงสติคืนมา หันหน้าไปโดยไม่ตั้งใจ สายตาประสานเข้ากับดวงตาของภวินท์ที่อยู่ข้างๆ เธอสะดุ้งเล็กน้อย ครู่หนึ่ง ขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไร หันหลังจะเดินไปทันที
เมื่อภวินท์เห็นเช่นนั้น ขมวดคิ้ว ยกเท้าเดินตามเธอขึ้นไป สองสามก้าวก็เดินไปถึงตรงหน้าเธอ ขวางทางของเธอไว้ทันที “ญาธิดา ระหว่างเราไม่จำเป็นจะต้องเป็นแบบนี้ ”
ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากันเหมือนศัตรูทุกครั้งที่พบกัน ไม่จำเป็นต้องกลายเป็นความสัมพันธ์ที่พูดคุยกันสักคำก็คิดว่ามากเกินไป และไม่จำเป็นต้องทำให้กลายเป็นแข็งกร้าวแบบนี้
ญาธิดากัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูด
ภวินท์เดินตามเธอไปเรื่อย แล้วกล่าวขึ้นว่า “ทำไมไม่ถ่ายหนังสั้นการกุศลแล้วหรือ? ยังมีสร้อยเส้นนั้น ทำไมคุณถึงให้คุณบิ๊กเอามาให้ผม?”
เมื่อได้ยินเนนั้น ญาธิดาหรี่ตาลง ในใจพอจะเข้าใจแล้ว ภวินท์น่าจะเคยไปที่กองถ่ายมาแล้ว และคุณบิ๊กก็ย่อมต้องส่งมอบของเหล่านั้นให้เขาอยู่แล้ว
หากตามแผนเดิม ตอนนี้เธอกับธีทัตได้พาลูกแฝดไปฝรั่งเศสแล้ว แต่วันตอนนี้ เพราะเรื่องของอันอัน พวกเขาต้องอยู่ต่อ ดังนั้นแผนการเดินทางทั้งหมดได้เลื่อนออกไป
ญาธิดากัดริมฝีปากแน่น ยังคงไม่ยอมพูดสักคำ
ในที่สุด ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย เขายื่นมือออกมา คว้าแขนของเธอไว้ แล้วดึงไปทางประตูลิฟต์ทันที
ญาธิดาตกตะลึง เสียงตะโกนเรียกเกือบหลุดออกมาจากในปาก “ภวินท์ คุณทำอะไร?”
เธอพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ก็ไม่ได้ผล แขนเหล็กของชายหนุ่มล็อกแขนเธอไว้แน่นๆ ไม่ให้โอกาสเธอได้ดิ้นหลุดเลย
พอดีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เธอถูกเขาดึงเข้าไปในลิฟต์ แล้วกดปุ่มลงไปหนึ่งชั้นทันที
ญาธิดาอายจนโกรธ จ้องมองเขาแล้วกล่าวว่า “คุณทำแบบนี้จะได้อะไร??”
เมื่อภวินท์ได้ยินเช่นนั้น เลิกคิ้วเล็กน้อย “ในที่สุดก็ยอมพูดแล้วหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...