เขาโบกมือให้ลูกน้องถอยออกไป จู่แต่ ๆ ภวินท์ก็พูดขึ้น “รอก่อน”
“มีอะไรเหรอ?”
ภวินท์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นดูเหมือนรู้อะไรบางอย่างจึงถามเรื่องที่เกิดขึ้น
ยังไม่ทันที่ลูกน้องของเขาจะเอ่ยปาก หลุยส์ก็เดินเข้ามาพูด “ไม่มีอะไร ไม่ต้องกังวลหรอก”
พูดเสร็จ เขาก็โบกมือเป็นสัญญาณให้ออกไป
ใครจะคาดคิดว่าภวินท์กลับพูดขึ้นอีกครั้ง “เมื่อกี้ฉันเห็นนะ เขาพูดถึงญาธิดา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ภวินท์รับรู้ได้จากการอ่านปากเมื่อสักครู่ เห็นว่าลูกน้องของหลุยส์มารายงานถึงเรื่องอะไรบางอย่าง
หลุยส์ไม่ทันได้คาดคิด ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่จำเป็นต้องโกหกอีกต่อไป เขาเดินเข้าไปและพูดว่า “ก่อนที่ภูผาจะไปที่นั่น ญาธิดากับคนจำนวนหนึ่งก็ได้ไปที่สถานปฏิบัติธรรมเช่นกัน”
ภวินท์ได้ยินดังนี้ เขาเผลอขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว พลันนึกอะไรบางอย่างออก วันนี้ขณะที่อยู่บนลานกว้างเขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของญาธิดา ในตอนนั้นเองเขาก็ลองถามพายุด้วย หรือญาธิดาอาจจะมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ได้?
แต่เธอไปที่นั่นทำไมกัน? แล้วเธอหาที่นั่นเจอได้ยังไง? เธอเป็นคนพาภูผาไปที่นั่นเหรอ?
ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เขาค่อย ๆ กำหมัดแน่น ไม่ยอมพูดอะไร
หลุยส์เห็นว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ฉันให้ลูกน้องของฉันอยู่ค้นหาที่สถานปฏิบัติธรรมต่อแล้วล่ะ ฉันคิดว่าท่านเจ้าอาวาสอาจจะกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ ยังไงซะพวกเขากับภูผาก็ไม่เคยมีเรื่องราวบาดหมางกัน คงไม่มีความจำเป็นอะไรต้องกำจัดพวกเขาทั้งหมดหรอก”
เช้าวันรุ่งขึ้นอันสดใส ภวินท์ก็ลุกตื่นขึ้น เขานั่งลงบนรถเข็นที่ริมระเบียงสายตามองออกไปไกล จิตใจของเขากระสับกระส่าย
ตั้งแต่เขากลับมาจากเขารามจนมาถึงเมืองJ เรื่องต่าง ๆ มากมายก็ประดากันเข้ามาให้หัวของเขา
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี
ในตอนนี้ สำหรับคนอื่น ๆ เขาไม่ต่างจากตายไปแล้ว ถ้าเกิดจู่ ๆ เขาปรากฏตัวขึ้นมันจะช่วยอะไร ไหนจะยังมี STN Group อีก
มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวจนเขาคิดอะไรไม่ออก
ในขณะนั้นเอง ก็มีคนเปิดประตูออก เป็นหลุยส์ที่เดินเข้ามา เขามองหาอยู่หนึ่งรอบ สุดท้ายก็เห็นเขานั่งอยู่ที่ระเบียง สายตาของเขาฉายแววแห่งความลังเล
เมื่อภวินท์ได้ยินเสียงของเขา จึงหันมาถาม “เรื่องมันเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
หลุยส์เงียบไปครุ่หนึ่ง เดินตรงมาหาเขา สายตามองทอดยาวไปไกล ตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “อืม”
ใจของภวินท์สั่น ไม่ได้พูดอะไร เฝ้าคอยคำตอบจากหลุยส์
เงียบไปไม่นาน หลุยส์จึงพูดขึ้น “ตอนนี้พบศพของท่านเจ้าอาวาสแล้ว ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรจากสถานปฏิบัติธรรม ถูกมีดแทง ส่วนนักบวชเฒ่ากับเณรน้อยคนอื่น ๆ ยังไม่พบ”
คำพูดพวกนี้ราวกับมีดที่มาทิ่มแทงเขา จิตใจของภวินท์ดำดิ่ง มือที่จับที่วางแขนกำแน่น เส้นเลือดบนแขนปูดขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะพยายามสงบสติเอาไว้ แต่ร่างกายของเขากลับสั่นระริก
ตลอดหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าอาวาสมอบที่พักและคอยดูแลเข้าล่ะก็ เขาคงจะมีชีวิตมาจนถึงวันนี้ไม่ได้ หรือจะพูดอีกอย่างนัยก็คือ คนที่สถานปฏิบัติธรรมทั้งหมดเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้
จนกระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณคนเหล่านั้น เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นตัวเขาเองที่นำหายนะมาสู่ผู้อื่น เจ้าอาวาสเสียชีวิตไปแล้ว คนอื่น ๆ ก็หายตัวไป เขาไม่รู้จะให้อภัยตัวเองยังไงดี !
ความรู้สึกหงุดหงิดและละอายใจอยู่ในส่วนลึกของจิตใจของเขา เป็นเพราะว่าตอนนี้ขาของเขายังใช้การไม่ได้ แม้จะไปหาภูผาเพื่อชำระแค้นก็ยังทำไม่ได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...