พยัคฆ์ไม่ได้คิดอะไรมาก จัดการเล่าเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่เว้นแม้แต่เรื่องเดียว “ทีแรกหลังจากผมรู้ว่าพี่ธิดากลับมาจากต่างประเทศ ก็แอบดูแลเธออยู่ห่าง ๆ มาตลอด มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอบังเอิญเจอกับคุณนิวที่โรงพยาบาล ทั้งสองคนทะเลาะกัน...”
เมื่อได้ฟังเรื่องระหว่างญาธิดากับนิวราที่เกิดขึ้นหลังสวนหินจำลองของโรงพยาบาล ภวินท์ถึงกับขมวดคิ้วแน่นโดยไม่รู้ตัว
คิดไม่ถึงว่านิวราจะโหดร้ายยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก หากไม่ใช้เพราะพยัคฆ์พูดออกมาจากปากของเขาเอง เขาคงไม่มีทางเชื่อ...
พยัคฆ์เล่าตั้งแต่แรกเริ่มที่เจอกับญาธิดาและสารภาพตัวตนที่แท้จริงของตัวเองกับเธอ จนกระทั่งทั้งสองคนตกลงว่าจะตามหาภวินท์ด้วยกัน เรื่องราวทั้งหมดเขาอธิบายทุกอย่างให้ฟังอย่างละเอียดที่สุด
เมื่อเล่าถึงภายหลังที่พวกเขาช่วยกันตามหาเบาะแส พี่เข้มก็พูดต่อขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า “อันที่จริง ครั้งหนึ่งที่ธิดาทำให้ฉันนับถือมากที่สุดคือครั้งที่อยู่วัดเขาราม ครั้งนั้นพวกเราไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้บังเอิญเจอสิงโต...”
เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงสิงโต ภวินท์นึกถึงคำพูดพวกนั้นที่ญาธิดาพูดกับเขาตอนที่เพิ่งเจอหน้ากันในวันนี้ขึ้นมาทันที ที่แท้ เธอก็เคยเจอกับสิงโตมาก่อนจริง ๆ ...
เขานิ่งไป ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ตอนนั้นเรื่องราวเป็นยังไง?”
พี่เข้มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนนั้นอย่างสมจริงสมจัง ภวินท์ได้ฟังก็ใจตุ่ม ๆ ต่อม ๆ ไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ในสถานการณ์แบบนั้นเธอยังสามารถเผชิญหน้ากับอันตรายโดยไม่กระวนกระวายและนิ่งสงบ ซึ่งมันทำให้เขามองเธอใหม่และรู้สึกแปลกหูแปลกตาขึ้นไม่น้อย
ดูเหมือนว่า ผู้หญิงที่เอาแต่ตื่นตระหนกเวลาเจอปัญหาคนนั้นในอดีตได้หายไปแล้ว ญาธิดาในตอนนี้ ทั้งอารมณ์และความคิดของเธอได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น และมันทำให้เขารู้สึกชื่นชมเธออย่างประหลาด
สุดท้าย เมื่อได้ฟังพี่เข้มพูดถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาไปตามหาเขาที่เขารามด้วยกัน ภวินท์เริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างเกิดขึ้นในใจ
ถ้าเป็นอย่างที่พี่เข้มกับพยัคฆ์พูด วันนั้นพวกเขาไปที่สถานปฏิบัติธรรมเป็นแค่เหตุบังเอิญ แถมพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ข้างในสถานปฏิบัติธรรม แต่ทำไมภูผาถึงไปหาเขาได้ล่ะ?
เรื่องนี้ไม่ว่าจะมองจากเบาะแสอะไรมันก็บ่งชี้ว่าภูผาตามญาธิดาไปถึงได้ค้นเจอสถานปฏิบัติธรรม แต่ว่าญาธิดาไม่รู้ว่าเขาอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม แต่ทำไมภูผาถึงได้มั่นใจตำแหน่งที่อยู่ของเขาขนาดนั้น?
เบาะแสเรื่องนี้ดูเหมือนจะมาถึงทางตัน ทำยังไงก็ไม่สามารถแก้มันได้
ภวินท์เริ่มปวดหัวขึ้นมา เขาฟังคำบอกเล่าของพี่เข้มกับพยัคฆ์อย่างเหม่อลอยไม่มีสมาธิ คิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง
"คุณภวินท์"
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของพี่เข้ม ภวินท์ก็ได้สติกลับมา พี่เข้มจึงถามเขาต่อว่า “ขั้นต่อไปพวกเราจะต้องทำตามที่คุณบอกไว้?”
ภวินท์พยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ทำตามที่ฉันบอก อย่าให้ภูผารับรู้ถึงการเคลื่อนไหวใด ๆ เด็ดขาด และคอยรับประกันความปลอดภัยของเธอ”
พี่เข้มกับพยัคฆ์ตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน “เข้าใจแล้วครับ!”
ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อย “โอเค พวกนายไปเตรียมตัวเถอะ”
ภวินท์มองพวกเขาจากไปและนั่งอยู่ในส่วนต่อคนเดียวอีกสักพัก ก่อนจะบังคับรถเข็นให้หันตัวกลับไป
เรื่องในครั้งนี้เป็นปืนนัดแรกระหว่างเขากับภูผาที่ถูกยิงออกมา เขาจะไม่ยอมให้ตัวเองมีจุดอ่อนใด ๆ ตกไปอยู่ในมือของภูผาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องกุมอำนาจของการเป็นผู้เริ่มเกมมาไว้ในมือของตัวเองตั้งแต่แรกเริ่ม
เขาเข็นวีลแชร์เข้าไปในบ้าน เมื่อเข้าไปถึงห้องโถงด้านในเขาก็เหลือบมองไปทางห้องอาหารโดยไม่รู้ตัว ญาธิดายังคงทานอาหารอยู่ และทำเหมือนมองไม่เห็นเขาเหมือนอย่างเคย
คุณป้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถาม “คุณภวินท์ อาหารเย็นพร้อมแล้ว ทานสักหน่อยเถอะค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ภวินท์ก็เหลือบมองไปยังอาหารค่ำที่ตั้งอยู่ข้างญาธิดาที่เตรียมเอาไว้ให้เขาโดยเฉพาะ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ครับ”
เมื่อเขาเข้าไปใกล้ ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ ญาธิดาก็วางตะเกียบ ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับคุณป้าด้วยรอยยิ้มว่า “คุณป้าคะ ฉันทานเสร็จแล้ว อร่อยมากค่ะ”
หลังจากพูดคำเหล่านี้ออกไปอย่างสุภาพแล้ว เธอก็หันตัวเดินจากไป สายตากวาดมองผ่านเขาไปโดยไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่นิดเดียว
ภวินท์ตะลึงเล็กน้อย เหลือบตามองโจ๊กบนโต๊ะที่เธอยังทานไม่เสร็จ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
ญาธิดาทานเสร็จที่ไหนกันล่ะ เธอก็แค่ไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับเขา ไม่อยากร่วมโต๊ะอาหารกินข้าวเย็นกับเขาก็เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...