ย่านที่พักคนร่ำรวยอันลึกลับแห่งหนึ่งในเมืองJ วิลล่าหลังหนึ่งตั้งอยู่ทางมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าไม้เขียวขจีที่ดูไม่สะดุดตามากนัก
รถยนต์สีดำธรรมดาคันหนึ่งขับมาถึงหน้าประตูวิลล่า รถชะลอตัวและหยุดลงอย่างช้า ๆ ไม่นาน พี่เข้มกับพยัคฆ์ก็ลงมาจากบนรถ พี่เข้มเดินอ้อมมาอีกฝั่งของรถ เปิดประตูออกและเชิญหญิงชราลงมาจากรถ
หลังจากคุณย่าผ่านเหตุการณ์ทั้งหมดมา บวกกับตอนอยู่บนรถก็ได้ยินพวกพี่เข้มพูดว่าพวกเขาเป็นคนของภวินท์ แต่เธอก็ยังตกใจมากอยู่ดี และยังคงสะดุ้งกลัวมาตลอดทาง
ประตูรถถูกเปิดออก เธอมองออกไปด้านนอกมองบ้านเรือนที่ไม่คุ้นเคย และกำลังลังเลว่าจะลงไปดีไหม และในเวลานี้เอง ประตูเหล็กก็ถูกเปิดออก ใบหน้าสดใสและคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ
ทันใดนั้น คุณย่าก็ดีใจมาก ขอบตาของเธอรื้นน้ำตา และรีบก้าวลงมาจากรถทันที “ธิดา!”
“คุณย่า!” ญาธิดารีบก้าวเข้าไปพยุงเธอ พอได้เห็นหน้าเธอก็อดอยากจะร้องไห้น้ำตาไหลออกมาไม่ได้
คุณย่ามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “นี่เรื่องจริงใช่ไหม? วินกำลังรอฉันอยู่จริง ๆ เหรอ?”
ญาธิดาพยักหน้าอย่างจริงจัง “เขากำลังรออยู่ข้างในค่ะ เดี๋ยวหนูพาท่านไปนะคะ”
เมื่อหญิงชราได้ยินแบบนั้น เธอรีบเดินออกไปข้างหน้าอย่างร้อนรน ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นการผ่านโลกมาอย่างโชกโชนตามอายุของเธอ
เมื่อคิดว่าอีกเดี๋ยวหลังจากคุณย่าเข้าไปด้านในแล้วต้องเห็นภวินท์ในสภาพที่นั่งอยู่บนรถเข็นแล้ว ญาธิดาก็ชะลอฝีเท้าเดินช้าลงโดยไม่รู้ตัว และเริ่มรู้สึกเหมือนจะทนดูต่อไปไม่ได้ขึ้นมา
ถ้าเห็นหลานชายตัวเองในสภาพแบบนั้น คุณย่าคงจะเจ็บปวดใจมากแน่ ๆ
แต่ถึงจะไม่อยาก คุณย่าก็รีบเดินไปจนถึงประตูใหญ่แล้ว หลังจากก้าวเข้าไปเธอก็เห็นภวินท์ที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น
เขาสวมเสื้อสเวตเตอร์ถักสีขาวนวล กางเกงขายาวสีน้ำตาล ไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องอะไร ผมของเขายุ่งเล็กน้อย แต่งตัวแบบสบาย ๆ แต่มันกลับทำให้ร่างผอมบางของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นคุณย่า บนใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มผ่อนคลายแบบที่ไม่ค่อยเผยให้เห็นบ่อย
วินาทีที่คุณย่าเห็นเขา เธอได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ พูดอะไรไม่ออก จนกระทั่งภวินท์เรียกคุณย่า เธอถึงได้ค่อย ๆ เรียกสติของตัวเองกลับมา
เมื่อได้เห็นเขานั่งอยู่บนรถเข็น ดวงตาของหญิงชราสั่นไหว เพียงไม่นานน้ำตาก็ไหลออกมา เธอก้าวออกไปข้างหน้าอย่างลังเล มือสองข้างสั่นเทาไม่กล้าแตะตัวเขาราวกับว่ากลัวจะทำให้เขาผุพังยังไงอย่างนั้น “วิน...”
“คุณย่า ผมยังมีชีวิตอยู่ครับ” ภวินท์เอื้อมมือออกไปจับมือสองข้างของหญิงชราไว้ และพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องห่วง ผมไม่เป็นไร”
“แต่ว่าขาของหลาน...”
คุณย่าอายุปูนนี้แล้ว มีเหรอจะไม่เข้าใจ นับตั้งแต่ที่เห็นเขานั่งอยู่บนรถเข็น ในใจของเธอก็พอจะเข้าใจเรื่องนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่นานคุณย่าก็เข้าใจ แล้วถามเขาว่า “ภูผาเป็นคนทำใช่ไหม? ใช่เขาใช่ไหม?”
ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
“บาปกรรม! บาปกรรมแท้ ๆ ! ถ้าตอนนั้นพ่อแกไม่พาผู้หญิงคนนั้นกลับมาก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น...”
ญาธิดายืนอยู่ข้าง ๆ เธอยืนมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเหมือนเป็นคนนอก และได้แต่รู้สึกเจ็บปวดในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
นึกถึงเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เธอยังอยู่ STN Group เธอคิดว่าตระกูลสถิรานนท์มีทั้งอำนาจ มีทั้งเงิน เสื้อผ้าอาหารไม่เคยต้องกังวล อำนาจล้นฟ้า แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าครอบครัวแบบนี้จะมีเรื่องความคับแค้นใจเข้ามาพัวพันในครอบครัว ตรงกันข้ามครอบครัวที่ยิ่งเรียบง่ายยิ่งมีความสุข
ท้ายที่สุดหญิงชราก็ยังไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าหลานชายผู้สมบูรณ์แบบของเธอต้องมาขาหักขาเสียแบบนี้ บวกกับความเครียดความกดดันที่เข้ามากระทบอารมณ์ในช่วงนี้ เพียงไม่นานร่างกายของเธอก็ทนไม่ไหวและหมดสติไป
หลังจากส่งคุณย่าไปที่ห้องนอนแล้ว ไม่นานหลุยส์ก็เรียกคุณหมอประจำครอบครัวมาช่วยตรวจอาการ หลังจากได้ทานยาแล้วอาการก็ดีขึ้น
ผ่านไปกว่าสองชั่วโมง ท้องฟ้ายิ่งมืดลงเรื่อย ๆ ภายในวิลล่าก็ค่อย ๆ เงียบลงเช่นกัน
ด้านข้างห้องอาหารที่อยู่ชั้นหนึ่งมีบาร์เล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ ข้างในเต็มไปด้วยไวน์ชั้นดีที่หลุยส์สะสมไว้ส่วนตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...