วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ภวินท์กลับมาที่เมือง J ปืนนัดแรกระหว่างเขากับภูผามันก็ได้ยิงออกไปแล้ว
ภายในห้องทำงานของท่านประธานใหญ่ของ STN Group ภูผาหมุนเล่นปากกาในมืออย่างสบายใจ พลางฟังลูกน้องรายงานการเสนอราคาล่าสุดให้เขาฟัง
“ร้านค้าแถวถนนหลวงตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้มีคนเข้ามาสอบถามราคาหลายรายแล้ว ราคาที่ทางเราเสนอให้กับพวกเขาคือ...”
หลังจากฟังไปสักพักเขาก็ยกมือขึ้นบอกให้เขาหยุด แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ที่เหลือไม่ต้องรายงานแล้ว หยุดการเสนอที่เช้าวันนี้ เลือกคนที่ให้ราคาเหมาะสมมากที่สุด ยืนยันภายในช่วงบ่าย และพรุ่งนี้เตรียมเซ็นสัญญาได้เลย”
พวกลูกน้องตกใจมาก “รีบขนาดนั้นเลยเหรอครับ คุณภูผา ถ้าเป็นแบบนี้เกรงว่าพวกเขาจะไม่ได้ราคาที่เป็นประโยชน์กับพวกเรามากที่สุด...”
ภูผาเลิกคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจ “ไม่เป็นไร ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”
แม้ว่าลูกน้องจะยังคงลังเลสงสัย แต่ในเมื่อเจ้านายยืนยันแล้ว เขาก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงแค่ทำตามแล้วเดินออกไป
เมื่อลูกน้องเดินออกไป ภูผาก็เหลือบมองไปทางครามที่อยู่ข้าง ๆ แล้วถามว่า “วันนี้คุณย่าไปที่ไหนมาบ้าง? รายงานมาสิ”
“วันนี้เป็นวันตรวจร่างกายตามปกติของนายท่าน ผมส่งคนตามไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากไปตรวจที่โรงพยาบาลเสร็จก็จะกลับคฤหาสน์เก่าเลยครับ”
“ดี” ภูผาชะงักไปแล้วถามขึ้นว่า “มีอะไรผิดปกติบ้างไหม?”
“ตามรายงานของคนที่คอยติดตามนายท่านบอกว่าทุกอย่างปกติดีครับ”
“ดี”
ภูผาวางปากกาในมือลง ก่อนจะพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง แต่ก็เหมือนกำลังสั่งครามไปด้วยว่า “ช่วงนี้ต้องเฝ้าดูคุณย่าให้ดี เพราะไม่ว่ายังไงท่านก็นับว่าเป็นไพ่ใบสำคัญใบหนึ่ง”
ตราบใดที่ยังมีคุณย่าอยู่ในมือ ต่อไปเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับภวินท์ อำนาจในการเป็นผู้คุมเกมก็จะตกเป็นของเขาไปโดยไม่ต้องสงสัยเลย
ถึงแม้ว่าในแง่ของความสัมพันธ์ทางสายเลือด คุณย่านับว่าเป็นย่าแท้ ๆ ของเขา แต่เพราะเขาเพิ่งจะเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลสถิรานนท์ตอนอายุสิบกว่าปี ไม่ได้เติบโตมากับคุณย่าตั้งแต่เล็ก บวกกับที่คุณย่าไม่ชอบมรกตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยพลอยไม่ชอบเขาไปด้วย
เขารู้มานานแล้วว่าทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลสถิรานนท์ที่คุณย่าหมายตาไว้ก็คือภวินท์เพียงคนเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่มีความรู้สึกห่วงใยระหว่างย่าหลานต่อเธอเลยแม้แต่นิด
แต่การแสดงออกภายนอกของเขาไม่เคยเผยไต๋อะไรออกมาเลยสักนิด เขาปฏิบัติต่อคุณย่าอย่างกตัญญูไร้ที่ติ ทำเอาคนอื่นหาข้อบกพร่องไม่ได้เลย และที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อจะกุมไพ่ใบสำคัญอย่างคุณย่าเอาไว้ในมือ
บางทีสำหรับภวินท์แล้ว ปกรณ์ยังไม่สำคัญเท่าคุณย่าเลยด้วยซ้ำ
เมื่อคิดได้แบบนั้น ภูผาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย เขายกมือขึ้น เคาะนิ้วกับโต๊ะเบา ๆ พลางออกคำสั่ง “วันนี้ตอนคุณย่าไปตรวจที่โรงพยาบาลให้เกล้าแก้วตามไปด้วย”
ครามพยักหน้ารับ
บริเวณหน้าโรงพยาบาล ทุก ๆ สิบเมตรมีรถและคนในรถกำลังจอดอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ
พี่เข้มกำลังมองไปที่รถคันที่จอดอยู่ที่หน้าประตู พลางยกมือขึ้นแล้วกดที่หูฟัง และเอ่ยถามเสียงเบาว่า “เป้าหมายถึงไหนแล้ว?”
“เป้าหมายกำลังเดินผ่านห้องโถงและเคลื่อนที่มาทางประตูแล้ว”
“ข้างตัวมีบอดี้การ์ดสองคน คนหนึ่งเป็นคนรับใช้ส่วนตัว และอีกคนเป็นผู้หญิง”
“รถของพวกเขาจอดอยู่ที่ประตู มีบอดี้การ์ดสองคนรออยู่ที่รถ แล้วก็มีคนขับรถอีกหนึ่งคน”
“…”
เมื่อได้ฟังรายงานผ่านหูฟัง พี่เข้มครุ่นคิดตามอย่างจดจ่อ จู่ ๆ ก็สังเกตเห็นว่าข้อมูลที่เพิ่งรายงานเมื่อกี้นี้มีบางอย่างแปลก ๆ ถึงรีบถามต่อว่า “ข้างตัวเป้าหมายมีบอดี้การ์ดสองคน คนหนึ่งเป็นคนรับใช้ แล้วผู้หญิงอีกคนเป็นใคร?”
“ส่งรูปไปแล้วครับ รบกวนตรวจสอบด้วย”
ตามด้วยเสียงดัง “ติ๊ง” พี่เข้มคลิกบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ข้าง ๆ เขา แล้วภาพถ่ายก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...