ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเงียบ ๆ ผ่านไปสักพัก บรรยากาศรอบด้านเงียบมากเสียจนพวกเขาได้ยินเสียงร้องของแมลงตัวเล็ก ๆ ในสนามหญ้าข้าง ๆ ทั้งสองคนต่างไม่มีใครพูดอะไรเลย
ภวินท์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเบือนสายตาไปอีกทาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าเธอไม่ใช่คนของภูผาจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่”
ญาธิดาไม่เข้าใจ “หมายความว่าไง?”
แววตาของภวินท์มืดมน ทว่าน้ำเสียงของเขากลับนิ่งสงบมาก “ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่าเธอกับฉันถูกพวกมันผูกติดเข้าไว้ด้วยกันแล้ว ยังจำเรื่องที่สิงโตเคยทำไว้กับเธอเมื่อก่อนหน้านี้ได้ไหม?”
ญาธิดาสะดุ้งเล็กน้อยและพยักหน้า
“ดังนั้น ตั้งแต่ฉันกับพวกมันอยู่กันคนละฝั่ง เธอจำเป็นต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะถึงเธอไม่เลือก พวกมันก็คงจะยังใช้เธอมาเป็นตัวประกันข่มขู่ฉัน และฉัน...”
ภวินท์ชะงักไป ลูกกระเดือกของเขาเลื่อนขึ้นลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “ฉันไม่สนการเป็นการตายของเธอไม่ได้”
ญาธิดาได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจเล็กน้อย แต่ภายในหัวของเธอกลับหวนนึกถึงคำพูดเมื่อครู่นี้ของภวินท์อย่างละเอียดอีกครั้ง จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ แล้วร่างกายของเธอเกร็งตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที
ทำไมภูผากับสิงโตถึงชอบดึงเธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับภวินท์ หรือใช้เธอเป็นตัวประกันเพื่อไปข่มขู่ภวินท์ หรือใช้ประโยชน์จากเบาะแสจากการที่เธอตามหาภวินท์ พวกเขากำลังหลอกใช้ประโยชน์จากเธอตั้งแต่เริ่มต้น
ราวกับว่าระหว่างเธอกับภวินท์มีเส้นด้ายที่มองไม่เห็นผูกมัดพวกเขาทั้งสองคนเชื่อมติดกันเอาไว้
แล้วเมื่อครู่นี้ ญาธิดาก็นึกบางอย่างขึ้นได้ และเข้าใจทุกอย่างในทันที
เส้นด้ายที่มองไม่เห็นที่เชื่อมระหว่างเธอกับภวินท์เอาไว้ก็คือลูก เว้นเสียแต่ว่าภูผากับสิงโตจะรู้อยู่แล้วว่าอีธานกับเอลล่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของภวินท์ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีทางดึงเธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับภวินท์ตลอดแบบนี้แน่
และเมื่อเธอย้อนกลับมาคิดอย่างละเอียดดูแล้ว เธอสามารถมั่นใจได้มากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าพวกภูผารู้เรื่องนี้แล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น ญาธิดาเกิดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจ และเมื่อเงยหน้ามองภวินท์และเห็นว่าสีหน้าของเขายยังเป็นปกติเหมือนเดิม เธอถึงได้แอบโล่งใจ
ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ ค่อย ๆ รู้ความลับเรื่องลูกของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ นิวรา ภูผา สิงโต...คนน่ากลัวพวกนี้สามารถใช้ลูกของเธอมาเป็นข้อต่อรองได้ตลอดเวลา ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เธอกลัวมากที่สุด
ต่อให้เธอไม่เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาก็คงจะฉวยโอกาสใช้ลูกมาเป็นข้อต่อรองข่มขู่ภวินท์อยู่ดี
เรื่องแบบนี้ แค่คิดมันก็ทำให้เธอรู้สึกกลัวมากแล้ว
ดังนั้นตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกแล้ว
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เหลือบมองไปทางภวินท์ที่อยู่ข้าง ๆ เธอกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ แล้วถามว่า “ฉันจะเลือกยืนอยู่ฝั่งของนายก็ได้ แต่ว่า ฉันมีเงื่อนไข”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “เงื่อนไขอะไร?”
ญาธิดาพูดอย่างหนักแน่น “ส่งคนไปดูแลคนในครอบครัวของฉัน ฉันไม่อยากให้พวกเขาถูกทำร้ายเพราะฉัน”
ภวินท์หลับตาลงแล้วพยักหน้า “เรื่องนี้ฉันรับปากเธอได้”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ “โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันก็เต็มใจจะยืนอยู่ฝั่งคุณ”
แทนที่จะยืนอยู่ตรงกลางแล้วถูกลากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยไม่รู้อะไร ไม่สู้เลือกฝ่ายแล้วเตรียมตัวพร้อมสู้ตั้งแต่แรกดีกว่า สู้เพื่อตัวเธอเองและคนในครอบครัวของเธอ
เดิมทีเธอก็อยากจะหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้ แต่ความเป็นจริงพิสูจน์ให้เห็นว่าหลายเรื่องไม่ใช่ว่าหลีกเลี่ยงหรือหลบซ่อนแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
ทันใดนั้น เสียงทุ้มลึกของชายหนุ่มก็ดังผ่านข้างหูของเธอ “ถ้าอย่างนั้นจากนี้เป็นต้นไป เธอจะต้องเชื่อในตัวฉันร้อยเปอร์เซ็นต์”
ญาธิดารู้สึกตัวและสบตาเข้ากับดวงตาสีดำเข้มเป็นประกาย แล้วพูดว่า “โอเค แต่คุณก็ต้องเชื่อฉันเหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...