มุมปากของญาธิดากระตุกขึ้นเล็กน้อย ราวกับเธอมองเห็นแสงแห่งชัยชนะของพายุแล้วยังไงอย่างนั้น เธอตื่นเต้นมากจนอยากจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความไปบอกข่าวดีกับเขา
แต่มือของเธอเพิ่งจะยื่นออกไปก็ถูกฝ่ามือใหญ่จับไว้ก่อนเสียแล้ว น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ “เธอเลิกขยับได้แล้ว เดี๋ยวฉันบอกแทนเธอเอง”
แก้มของญาธิดาร้อนผ่าว คิดไม่ถึงว่าแค่ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ของเธอเขาจะมองออกด้วย เธอจึงดึงมือกลับอย่างเคือง ๆ และไม่ได้พูดอะไรอีก
ภวินท์จับสังเกตเห็นสีหน้าที่แสดงออกมาของเธอ และกระตุกมุมปากยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “พักผ่อนซะ อย่าขยับ เดี๋ยวฉันโทรบอกเขาเอง”
พอพูดจบเขาก็ขับรถเข็นออกจากห้องไป
เขามองพายุเหมือนเป็นพี่น้อง ถ้าเขามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ เขาก็จะไม่ขวางอย่างแน่นอน
หลังจากออกจากห้องผู้ป่วย ด้านนอกประตูมีญาติผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งกำลังเถียงกันเสียงดัง ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะขับรถเข็นไปที่ริมหน้าต่างที่มีคนน้อยและอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ทันทีที่เขาก้มศีรษะลงกดหมายเลขโทรศัพท์ ก็มีชายสามชุดพนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งผลักประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของญาธิดา โดยแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
โดยทางด้านภวินท์ที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการโทรศัพท์กลับไม่ทันได้สังเกตเห็น
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องพักผู้ป่วย
ญาธิดากำลังนอนอยู่บนเตียง และเมื่อเธอได้ยิน "เสียงคลิก" จากทางประตู เธอก็รีบเอ่ยถามอย่างดีใจว่า “โทรเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
ชายที่เพิ่งเดินไปถึงปลายเตียงตกใจเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาพูดขึ้นว่า “พนักงานทำความสะอาดของโรงพยาบาลมาเพื่อฆ่าเชื้อครับ”
เสียงของชายคนนั้นฟังดูสั่นเครือ เหมือนกับเอาใบมีดไปกรีดบนกระดาษทราย ฟังแล้วรู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูก
ญาธิดาแปลกใจเล็กน้อยจึงหันกลับไปอยากจะมองหน้าชายคนนั้น แต่กลับเห็นชายคนนั้นกำลังโน้มตัว ก้มหน้าก้มตา ปีกหมวกถูกผิดลงต่ำจนมองเห็นหน้าตาไม่ชัด
เมื่อเห็นเขาหยิบขวดสเปรย์สีขาวเดินไปที่มุมหน้าต่างก่อนจะเริ่มทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เธอถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
ชายคนนั้นไม่พูดอะไร เอาแต่ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อไปตามมุมกำแพง ญาธิดาหันกลับมานอนบนเตียงไม่ขยับเขยื้อน แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกเย็นวาบบริเวณแผ่นหลัง
ความเย็นยะเยือกนั้นเป็นความเยือกเย็นเหมือนกำลังถูกคนจ้องมองอยู่ ญาธิดาสูดหายใจเข้า เธอเอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างไม่สบายใจ และจู่ ๆ เธอก็พบว่าชายคนนั้นยืนอยู่ข้างเตียงของเธอแล้ว พลางจ้องมองเธอตาเขม็ง
ญาธิดาใจหาย และวินาทีที่เธอเหลือบตาขึ้นสบตากับชายคนนั้น ร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นสะท้ายอย่างห้ามไม่ได้
เธอรู้จักคนคนนี้!
ตอนเธอไปที่สถานปฏิบัติธรรม นักบวชที่กำลังกวาดพื้นและทำงานช่างไม้ที่นั่นที่เธอเคยเจอ คนที่ชื่อว่าธีระ ซึ่งก็คือเขาคนนี้!
แล้วในตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็มาปรากฏตัวที่ห้องผู้ป่วยของเธอ เขาพยายามจะทำอะไรกันแน่?
“คุณ...”
ญาธิดายังไม่ทันได้พูดอะไร ใครจะคิดว่าจู่ๆ เธอก็เห็นแสงสีเงินวาบผ่าน ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ่ออยู่ที่เอวของเธอที่มีผ้าห่มคลุมอยู่ เมื่อเธอก้มศีรษะลงก็ต้องตกตะลึงจนตัวแข็งไปทั้งตัว
มันคือกริช คมมีดกำลังส่องประกายสีเงิน ราวกับว่าเพียงเขาออกแรงเพียงเล็กน้อย คมมีดนั้นก็สามารถแทงทะลุผ้าเข้ามาทันทียังไงอย่างนั้น
ภายในแววตาของธีระคนนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและบ้าคลั่ง ตอนนี้เหมือนเขากำลังกัดฟันจ้องเธอตาเขม็ง “ถึงจะฆ่าแกไป ฉันก็ไม่หายแค้นอยู่ดี!”
ญาธิดาสั่นไปทั้งตัว เดิมทีแค่อาการบาดเจ็บที่หลังเธอก็เคลื่อนไหวไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้มีมีดมาจ่อเอวเธออยู่แบบนี้ เธอยิ่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์ และเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรให้คุณโกรธแค้นขนาดนี้”
“ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน!” ธีระกัดฟันพูด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ “ผู้ชายคนที่ฆ่าเจ้าอาวาส!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...