ชมพู่ส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันเองก็ไม่รู้ แต่ว่าสีหน้าพี่แนนดูไม่สู้ดีสักเท่าไร แกก็รีบไปเร็วเข้าเถอะ”
ญาธิดาได้ยินเช่นนั้นแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมอยู่บ้าง พลางลุกขึ้นและเดินออกจากห้องทำงานทันที และเดินมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของหัวหน้าแผนกทันที
ญาธิดาพลางผลักประตูห้องทำงาน และเดินเข้ามา ก็เห็นว่ามีเพื่อนร่วมงานสามถึงสี่คนกำลังยืนเรียงหน้ากันอยู่ ทุกคนต่างก้มหน้ากันหมด
พี่แนนนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน และกวาดตามองญาธิดาด้วยดวงตาหม่นหมอง พลางเอ่ยปากถามด้วยเสียงแข็ง “เอกสารรายงานการเข้างานในไตรมาสนี้คุณกำลังทำอยู่ใช่มั้ย?”
ญาธิดาลังเลอยู่ชั่วครู่ พลางพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ”
เมื่อคืนพิชญ์สินีรั้งเธอเอาไว้ตอนเลิกงาน เพื่อให้เธอทำโอทีจะได้ทำสรุปรายงาน แต่เมื่อวานเธอเลิกงานทันที วันนี้ก็เพิ่งจะมาเร่งมือทำเมื่อเช้านี้เอง
พี่แนนอดกลั้นอารมณ์โกรธเคือง ทว่าแววตากลับจ้องตาธิดาอย่างเชือดเฉือน “ฉันได้ยินมาได้ส่งเอกสารให้คุณตั้งแต่เมื่อวาน แต่วันนี้คุณกลับไม่ได้ส่งคืนกลับมา”
ญาธิดาตัวเกร็งทันที และอ้าปากพูด “ค่ะ แต่ว่าฉัน...”
“ไม่มีคำว่าแต่!” พี่แนนทุบโต๊ะทันที และพูดแทรกเธออย่างไม่มีความเกรงใจ “ทำไมคุณถึงอ้างเหตุผลเยอะแยะขนาดนี้? คุณไม่รู้เหรอว่ามีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่รอคอยใช้การสรุปเอกสารจากคุณอยู่ แค่คุณคนเดียวทำงานไม่เสร็จตามกำหนด จนส่งผลทำให้กระบวนการทำงานทั้งแผนกต้องล่าช้าออกไป!”
ซึ่งโดยปกติแล้วพี่แนนจะปฏิบัติเรื่องอะไรก็ถือว่าผ่อนปรนเสมอ แต่การปฏิบัติตัวในเรื่องงานถือว่าเข้มงวดและพิถีพิถันเป็นพิเศษ
ญาธิดาก้มหน้าลง และไม่พูดอะไรสักประโยค
งานการสรุปเอกสารนั้นได้รับมาเมื่อวานจริง ทว่าพิชญ์สินีมาแจ้งกลับเธอตอนเวลาเลิกงานแล้ว แม้ว่าเธอลงมือทำในตอนนั้นทันที หลังจากเอาเอกสารจัดเรียงตามหมวดเรียบร้อยแล้ว แล้วมาทำสรุปเอกสารของไตรมาสอีกเกรงว่าก็ไม่ทันอยู่ดี
พี่แนนพูดขึ้นเสียงสูงอย่างโกรธเคืองจนดังลั่น “ฉันขอเตือนพวกคุณไว้คนะ อย่าได้หาข้ออ้างอยู่ตลอดเวลา! การทำงานไม่สำเร็จนั่นเป็นปัญหาของพวกคุณเอง เข้าใจมั้ย!”
พนักงานในแผนกที่ยืนเป็นแถวทางด้านข้างต่างตอบรับ สีหน้าของพี่แนนถึงได้ผ่อนคลายลงทันที
เธอหันกลับมามองญาธิดา พร้อมทั้งพูดกำชับเสียงเข้ม “ญาธิดา ตอนนี้คุณก็เป็นถึงผู้ช่วยผู้บริหารแล้ว ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ตามต้องคิดให้รอบคอบบ้าง ขืนยังเอาอารมณ์แบบนี้ของคุณเป็นที่ตั้ง งั้นแผนกธุรการของพวกเราก็ต้องเตรียมอดตายกันแล้วมั้ง! อย่าทำตัวหยิ่งผยองเพียงเพราะความดีแค่นิดเดียว เข้าใจมั้ย!”
การที่พี่แนนพูดเช่นนี้ต่อหน้าพนักงานที่อยู่ในห้อง ตั้งมากมายขนาดนี้ ถือว่าไม่น่าฟังมากแล้ว
ญาธิดากัดริมฝีปากเอาไว้ พลางพยักหน้า “ฉันรู้แล้วค่ะพี่แนน ครั้งหน้าฉันจะระวังให้มาก”
เธอพูด และเงยหน้าอย่างไม่ตั้งใจ จึงมองเห็นพิชญ์สินีที่ยืนอยู่ด้านข้างพี่แนน แววตานั้นเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจและมีความสุขขึ้นเล็กน้อย วินาทีนั้น เธอก็เข้าใจทันที
มิน่าล่ะเมื่อวานนี้พิชญ์สินีถึงได้เอาเอกสารมาส่งให้เธอตอนเลิกงานแล้ว ที่แท้ก็จงใจนี่เอง จงใจให้เธอส่งงานไม่ทัน แถมยังทำให้ขั้นตอนการทำงานของทีมมันล่าช้าออกไปอีก
ญาธิดาจ้องมองพิชญ์สินีตาเขม็ง และค่อยๆ เก็บงำอารมณ์ขุ่นเคืองใจเอาไว้
พี่แนนกวาดตามองเธอ และพูดกำชับออกมา “กลับไปเถอะ รีบทำสรุปเอกสารในของไตรมาสให้เสร็จ”
“ค่ะ”
ญาธิดาส่งเสียงตอบรับ และหันหลังเดินออกจากห้องทำงานทันที
เพื่อนร่วมงานหลายคนที่อยู่ในห้องทำงานเมื่อครู่ที่โดนถูกอบรมเหมือนกันต่างออกมาจากห้องทำงานพร้อมกัน และอดใจไม่ได้ที่จะเริ่มพูดเหน็บแนม
“ทั้งหมดเป็นเพราะว่าเธอ! ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอทำเอกสารไม่เสร็จ ขั้นตอนงานพวกเราก็ต้องยืดเยื้อจนทำงานไม่แล้วเสร็จ!
“ใช่แหละ แถมยังทำให้พวกเราถูกหัวหน้าด่าทอยกใหญ่ ซวยจริงๆ!”
“……”
พวกเขาเริ่มฉันพูดประโยคและอีกคนค่อยมาเสริมต่อทันที และไม่คิดจะพูดเลี่ยงเธอเลย ญาธิดาได้ยินเต็มสองรูหู ทว่ากลับไปพูดเถียงไม่ออกสักประโยค
ความจริงแล้วพวกเขาพูดก็ไม่ผิด เพราะว่าเธอ จึงทำให้ความคืบหน้าต้องล่าช้าออกไป
เธอรีบเร่งฝีเท้ากลับมายังห้องทำงาน พลางมองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ และถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
สายตาพลางกวาดตามองโทรศัพท์ที่อยู่ด้านข้าง อาการตื่นเต้นที่มีทุนเดินอยู่นั้นมันไม่หลงเหลืออีกแล้ว พลันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอตอบกลับข้อความของภวินท์ “คืนนี้ต้องทำโอทีต่อ คุณกลับบ้านไปก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องรอฉันหรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...