รถยนต์ทะยานเข้าสู่ถนนเส้นหลัก ญาธิดาไม่เคยขับรถเร็วแบบนี้มาก่อนเลย ตอนที่รีบบึ่งมายังตำแหน่งที่ชวิศได้บอกกับเธอเอาไว้ ท้องฟ้าเริ่มมืดสนิทแล้ว
เธอเปิด GPS โดยปักหมุดมุ่งหน้ามายังตลาดสดนั้นทันที ตอนที่เดินทางมาถึงนั้น คนที่เดินไปมากันขวักไขว่ก็บางตาลงมาก
ญาธิดารีบหาที่จอดรถทันควัน จากนั้นก็เร่งฝีเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูใหญ่ทันที
เมื่อครู่ตอนที่เธอเห็นฉากในวิดีโอนั้น ก็เป็นประตูใหญ่ของตลาดสดทางนี้ บริเวณที่เณรศีลนั่งคุกเข่าตามภาพในกล้องวงจรปิด ตอนนี้กลับเวิ้งว้างว่างเปล่า กระทั่งบริเวณพื้นก็ไม่ทิ้งร่องรอยเหมือนกัน
ญาธิดารีบเร่งฝีเท้าเดินอ้อมประตูวนหนึ่งรอบ ก็ยังไม่ค้นพบอย่างอื่นสักนิด หรือว่าจะเหมือนกับที่ชวิศพูดออกมาเช่นนี้ เณรศีลจะกลับไปตอนสองทุ่มกว่า ประจวบเหมาะเป็นเวลาที่เธอรีบมาหาพอดี ทั้งสองคนเลยคลาดเคลื่อนกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ญาธิดากัดฟันไว้แน่น หัวใจทั้งดวงเหมือนถูกแขวนตรงลำคอ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก อันดับแรกคือเพื่อให้ตนเองสงบสติอารมณ์ลงมา จากนั้นก็สำรวจบริเวณโดยรอบ
ทันใดนั้น เธอก็เพ่งบริเวณป้อมขายหนังสือพิมพ์หลังเก่าแห่งหนึ่งข้างถนนที่ติดกับตลาดสด พลันลังเลชั่วครู่ จากนั้นก็อาศัยแค่ความอยากลองในการเดินมุ่งหน้าไป
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังฮัมเพลงและเก็บกองนิตยสารไปด้วย และท่าทางกำลังเก็บของเตรียมจะปิดร้าน
ญาธิดาหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาหนึ่งขวดติดมือ และจ่ายเงิน จากนั้นก็สอบถามเจ้าของร้านทันที “ลุงคะ บริเวณประตูทางเข้าตลาดสดนี้มีเด็กมาขอทานเป็นประจำใช่มั้ยคะ?”
เจ้าของร้านคนนั้นพยักหน้า จากนั้นก็ใช้สายตาประเมินเธอ พลันเอ่ยถาม “มีสิ จะทำไมเหรอ?”
“หนูอยากจะทำบุญค่ะลุง ได้ยินว่าทางนี้มีเด็กเร่ร่อนไม่มีที่พึ่งพาน่าสงสารมากค่ะ เลยอยากมาดูสักหน่อย แต่ตอนที่หนูมานั้น ก็ไม่มีคนอยู่ตรงประตูแล้วค่ะ”
เมื่อเจ้าของร้านได้ยิน พลันตอบทันที “หนูมาช้าไป อีกอย่างข่าวที่หนูได้ยินมานะ ก็ไม่น่าเชื่อถือเลย ใครบอกหนูเหรอว่าเด็กขอทานคนนั้นเป็นเด็กเร่ร่อนไม่มีที่พึ่งพา?”
ญาธิดาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ “หรือว่า ...ไม่ใช่หรือคะ?”
ถ้าไม่ใช่ตัวคนเดียวไม่มีที่พึ่งพา ใครอยากจะไปนั่งคุกเข่าขอทานอยู่ตรงนั้นล่ะ?
เจ้าของร้านชำเลืองมองเธอ เหมือนว่าไตร่ตรองแล้วถึงได้ตักเตือนด้วยความหวังดี พลันลดเสียงต่ำกระซิบพูดทันที “ลุงแนะนำให้นะ อย่าไปยุ่งกับพวกเขา เด็กเหล่านั้น มันไม่ใช่เด็กเร่ร่อน มันเป็นแก๊งกัน”
ญาธิดาตกตะลึง “หมายความว่าไงหรือคะ?”
เจ้าของร้านหันหน้าไป พลันใช้ปลายคาง ชี้ไปยังทิศทางนั้น “ลุงได้ข่าวว่าพวกนั้นจะนอนอยู่แถวโรงงานปูนซีเมนต์ แต่ไม่ใช่หัวเดียวกระเทียมลีบเหมือนที่หนูพูดออกมานะ อย่าหาเรื่องใส่ตัว คนสวย รีบกลับบ้านเถอะนะ!”
เจ้าของร้านโบกมือ ไม่ยอมพูดต่อแล้ว จากนั้นก็เก็บนิตยสารต่อ ผลักตู้เย็นเข้าไปในป้อมร้านขายหนังสือพิมพ์ จัดการล็อกร้านและเดินกลับบ้านทันที
ญาธิดาดื่มเครื่องดื่มอึกหนึ่ง พลันคาดเดาความหมายในคำพูดของเจ้าของร้านเมื่อครู่นี้อย่างพินิจพิจารณา เธอเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่เจ้าของร้านพูดเมื่อครู่ ลังเลอยู่ชั่วครู่ ถึงได้ย่างเท้าเดินไป
บริเวณนั้นเป็นโซนเมืองเก่า ตึกรามบ้านช่องต่างเป็นตึกเตี้ยไม่กี่ชั้น เป็นตึกสไตล์ฝรั่งสองสามชั้นที่สร้างกันเอาเอง เก่าคร่ำครึบุโรทั่ง ผิวถนนไม่สม่ำเสมอ
สองทุ่มกว่าแล้ว ท้องฟ้ามืดสนิท แต่ไฟเขตหมู่บ้านเก่าๆ ทางนี้ไม่สว่างเหมือนกับในเมือง ทั่วทั้งโซนเมืองต่างมืดสลัว
ญาธิดาค่อยๆ เดินมุ่งหน้าไป พลันเดินตัดหลายซอย พลันเห็นเด็กผู้ชายใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นหลายคนที่ยืนอยู่หน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง พลันก้มหน้ากระซิบกระซาบพูดคุยอะไรบางอย่าง
ญาธิดาเพ่งมอง จึงเห็นหน้าด้านข้างของเด็กผู้ชายหนึ่งในนั้น พลันตื่นเต้นทันที
คนนั้นคือเณรศีล! ศีรษะกลมเล็กของเขามีเส้นผมสั้นหยักศกที่ไม่เท่ากัน เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนตัวก็เหมือนกับที่เธอเห็นในคลิปวิดีโอไม่ผิดเพี้ยน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...