ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 59

บริเวณด้านนอก Starlight Venue

ญาธิดาลงจากรถยนต์ และมองเห็นกลุ่มฝูงชนออกันอยู่ตรงทางเข้าหน้างาน จนเกิดความวิตกกังวลอยู่ในก้นบึ้งหัวใจอยู่บ้าง

ตั้งแต่ทางเข้างานจนถึงถนนทางเดินต่างปูพรมแดงทั้งหมด บริเวณทางเข้ามีสื่อมวลชนนักข่าวอยู่จำนวนไม่น้อย งานใหญ่ครั้งนี้มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้มาก

“คุณนาย ตอนเข้างานต้องให้ผมเข้าไปเป็นเพื่อนด้วยไหมครับ?”

จนกระทั่งได้ยินเสียงพายุดังมาจากทางด้านหลัง ญาธิดาถึงได้สติกลับมา เธอค่อยๆ หันศีรษะกลับมา “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปเองได้”

เธอสนใจนิทรรศการในครั้งนี้อย่างใสซื่อบริสุทธิ์จากใจจริง เพื่อจะเข้าไปดูพวกเครื่องประดับจำพวกนั้นแล้วก็จะกลับเลย ถึงอย่างไรเธอเองก็ไม่คุ้นชินกับการเดินแทรกซึมเข้าไปอยู่ในสถานการณ์งานเช่นนี้

เธอเดินบนรองเท้าสูง ฝีเท้าจึงเดินช้ามากกว่าวันปกติ ทว่าเพิ่มความมั่นใจขึ้นเล็กน้อย เมื่อเดินมาถึงทางเข้างาน หลังจากยื่นบัตรเชิญให้แล้ว พนักงานฝ่ายต้อนรับจึงสวมสร้อยข้อมือบริเวณข้อมือของเธอให้ทันที

เมื่อเข้าไปในงาน บริเวณภายในห้องโถงทอประกายสีเงินออกมาจนเตะตา ยิ่งผนังสีเงินอมเทาที่สีสันไม่สม่ำเสมอยิ่งดูมีศิลปะมากขึ้น ทั้งกว้างขวางและสว่างไสว ส่วนภายในงานก็มีคนรวมตัวกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

ตู้กระจกใสจำนวนมากจัดเรียงไว้ทั้งสองข้าง และขนาบไปทางด้านหน้า และจัดแสดงบนตู้แสดงเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดด้วย

ญาธิดาอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง และคอยๆ เริ่มชื่นชมตู้จัดแสดงเครื่องประดับตามลำดับไปเรื่อย ๆ แม้จะพูดว่าเธอตั้งแต่เด็กจนโตยังไม่เคยซื้อเครื่องประดับสักชิ้น และไม่รู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับเครื่องประดับอะไรสักอย่าง ทว่าได้เห็นการออกแบบอันสวยงามที่ส่องแสงระยิบระยับเช่นนี้จนอดอาการตื่นเต้นไม่ไหว

เมื่อเดินวนแล้วหนึ่งรอบ เธอเพิ่งจะเดินดูได้เพียงครึ่งเดียวเอง ทว่าการเดินด้วยรองเท้าส้นสูงที่สูงเกือบสิบเซนติเมตร เท้าที่เดินเหินเกิดอาการเจ็บขึ้นมา เลยเดินไปยังห้องพักรับรองที่อยู่ด้านข้าง

ระหว่างเขตรับรองกับเขตจัดนิทรรศการมีโต๊ะขนาดยาวขวางกันเอาไว้ บนโต๊ะยาวมีอาหารว่างที่จัดอย่างวิจิตรบรรจง ญาธิดาหยิบน้ำผลไม้ขึ้นมาแก้วหนึ่ง พลางมองอาหารว่างในแบบต่างๆ นานา จนเกิดความรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

ตกลงว่าเธอควรจะกินดีมั้ย?

พลางเงยศีรษะกวาดตามองฝูงชนโดยรอบ ราวกับทุกคนกำลังดื่มไวน์และเจรจาพูดคุยกัน ซึ่งไม่มีการแตะต้องอาหารสักนิด ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าแรงๆ และหยุดอยู่ชั่วครู่ ท้ายที่สุดก็เรียกความกล้าหาญและหยิบจานอาหารขึ้นมา ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงคนคนหนึ่งอันคุ้นหูดังมาจากทางด้านข้าง

“ญาธิดาใช่มั้ย?”

ญาธิดาหยุดชะงักทันที และหันมาตามเสียง ตอนที่มองเห็นธมนที่สวมใส่เดรสสีดำยาวนั้น พลางชะงักอย่างไม่รู้ตัว

ธมนมองญาธิดาที่หันหลังมา ริมฝีปากแต่งแต้มสีแดงสดเส้นผมสีดำขลับ เดรสผ้าไหมสีทองอร่ามเข้ารูปยิ่งทำให้ช่วงเอวโดดเด่น สีหน้าของเธอพลางเย็นชาลงอย่างไม่รู้ตัว

เมื่อครู่นี้เธอยังคิดว่าตัวเองจำคนผิด และคิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นญาธิดาจริงๆ ด้วย! เธอเป็นคนเชยมาก จู่ ๆ ถึงได้เอะใจอยากแต่งตัวแบบนี้ได้ยังไง อีกอย่างยังสามารถมาร่วมงานเช่นนี้ด้วย!

กระทั่งก้นบึ้งหัวใจรู้สึกเจ็บปวด ธมนยังฝืนยกมุมปากยิ้มให้ดังเดิม “นี่แกจริงๆ ด้วย แกมากับใครล่ะ?”

เธอพูด และกวาดตามองรอบๆ และไม่เห็นแม้เงาของภวินท์ ถึงได้แอบถอนหายใจเบาๆ

ญาธิดาเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาบังเอิญเจอกับธมนที่นี่ได้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก และตอบคำถามอย่างไร้ความรู้สึก “ฉันมาคนเดียว มีธุระอะไรมั้ย?”

ธมนเองก็มองออกไปญาธิดาไม่อยากจะพูดคุยกับเธอ เธอได้แต่หัวเราะแห้งๆ ออกไป และพูดทำตัวสนิทสนม “ไม่เป็นไร ความจริงแล้วฉันก็อยากจะนัดเจอหน้าแกอยู่พอดี เรื่องที่เกิดครั้งที่แล้วยังไงก็ต้องขอบคุณแกด้วยนะ”

เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาเช่นนั้น ญาธิดาถึงได้นึกออกที่ครั้งที่ธมนกับจิณณ์มาหาเธอที่ STN Group เพื่อให้เธอช่วยไปขอความเห็นใจให้ที

เธอไปขอร้องกับภวินท์แล้วจริงๆ ทว่าสิ่งที่เธอทำเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เพื่อธมนกับจิณณ์เลย แต่เพื่อพนักงานผู้บริสุทธิ์ที่ทำงานภายในบริษัทของตระกูลโชติอภิจินดา

“ไม่เป็นไร”

ญาธิดาพูดจบ จึงวางจานอาหารที่อยู่ในมือลง และเตรียมจะเดินหนี ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ยินยอมที่จะปฏิสัมพันธ์กับธมนมากเกินควร

“มน”

ทันใดนั้นจิณณ์ก็เดินออกมาทางด้านข้าง และเตรียมจะพูดคุยกับธมน พลางเห็นญาธิดาในชั่วพริบตาทางด้านข้าง เขาตะลึงเป็นอันดับแรก จากนั้นนัยน์แววตาทอประกายระยิบระยับตามมาทันที “ญาธิดาเหรอเนี่ย?”

ญาธิดาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มและพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังให้พร้อมทั้งเดินจากไป

จิณณ์มองตามแผ่นหลังของเธอ แถมยังลืมไปเสียสนิทว่ามีธมนที่ยังยืนอยู่ด้านข้าง

เมื่อก่อนที่เขาคบหากับญาธิดานั้น เขากลับไม่รู้สึกว่าเธอสวยอะไรเลย ทว่าวันนี้ได้เห็นแล้ว กลับทำให้เขาตกตะลึงทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์