เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้นธีระก็เค้นเสียงอย่างเย็นชา ในแววตามีความดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ยเล็กน้อย เขาพูดอย่างดุเดือดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ถ้าแกจะช่วยฉันจริงๆ ก็ช่วยฆ่าภูผาซะ!”
ญาธิดาตกใจ พูดอะไรไม่ออกเลยขณะหนึ่ง
เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะขอแบบนี้ ตราบใดที่เธอทำได้ เธอจะตอบรับคำขอใดๆของเขา ยกเว้นการฆ่าคนหรือลอบวางเพลิงอะไรผิดกฎหมายเทือกนั้น
เธอส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เรื่องนี้ฉันรับปากไม่ได้”
เมื่อธีระได้ยิน เขาก็มีสีหน้าเย้ยหยั่นขึ้นทันที “ฉันก็เดาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องตกปากรับคำอะไรเถอะ สิ่งที่แกพูดเมื่อกั้นจะมีความหมายอะไร โกหกตัวเองอยู่หรือไง”
คำพูดไม่กี่คำนี้ ดูเหมือนจะแทงเข้าในใจของญาธิดาอย่างรุนแรง ในแววตาของเธอแสดงถึงความรู้สึกผิดและหมดหนทาง แต่สุดท้ายก็ทำตามที่เขาขอไม่ได้ เธอเงยหน้าขึ้นมองธีระนิ่งๆพูดออกไปทีละคำว่า “ฉันจะรับปากแค่สิ่งที่ฉันทำได้ เรื่องอื่น ไม่มีทาง”
เธอรู้ว่าหลังจากเจ้าอาวาสถึงแก่กรรม สถานปฏิบัติธรรมเขารามก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จนวันนี้พวกเขาเกลียดภูผาเข้ากระดูกดำ แต่ถ้าฆ่าคนเพื่อล้างแค้น พวกเขาก็จะกลายเป็นคนประเภทเดียวกับภูผาไป ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเป็นนักบวช ควรจะเคารพทุกชีวิต
แต่เธอจะไม่ทำสิ่งผิดกฎหมาย นี่คือหลักการ คือขีดจำกัดของเธอ
เธอนิ่งไปแล้วหันกลับมาสั่งพยัคฆ์ว่า “อย่าลืมหาหมอมา แล้วทำแผลให้เขาด้วย”
หลังจากพูดเสร็จ ก็ก้าวออกจากห้องไป เสียงที่เย็นชาและไม่พอใจของธีระก็ดังมาจากด้านหลัง “ไม่ต้องมาทำเสแสร้ง!”
ญาธิดานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร ไม่นาน พยัคฆ์ก็วิ่งตามไป น้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย “พี่ธิดา เขาไม่สำนึกเลยสักนิด พี่จะให้ผมพาเขาไปหาหมออีกทำไม”
ญาธิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ฉันติดค้างเขาอยู่”
เป็นหนี้ต้องชำระ นี่เป็นเรื่องธรรมดา เธอติดค้างคนทั้งสถานปฏิบัติธรรมเขาราม ในเวลาสั้นๆแบบนี้ไม่มีทางใช้คืนหมดแน่
พยัคฆ์เม้มริมฝีปาก เดิมอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้เธอ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ทำได้เพียงแค่เงียบไป
กลับถึงบ้าน ญาธิดาเหนื่อย เธออาบน้ำแล้วลงไปข้างล่าง จริงๆอยากจะลงไปดูเด็กๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะโดนคุณปภาวีเรียกไว้ก่อน
ญาธิดาทำหน้างงเล็กน้อย “แม่คะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
มองดูคุณปภาวีลากเธอมาข้างๆด้วยสีหน้าจริงจัง ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “คืนดีกับพ่อลูกเขยหรือยัง”
ญาธิดาตกใจเล็กน้อย นึกถึงเหตุการณ์ที่เจอธีทัตครั้งก่อน ยังรู้สึกจุกอยู่ในใจเล็กน้อย เธอขยับริมฝีปากจะพูด แต่ไม่ได้พูดอะไรตั้งนาน
คุณปภาวีเห็นเธอเป็นแบบนี้ ก็ได้คำตอบแล้ว เธอถอนหายใจเบา ๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ธิดา ไม่ใช่ว่าแม่จะว่าลูกนะ แต่สามีภรรยาจะไม่พอใจใส่กันข้ามคืนได้ยังไง ทะเลาะกันปกติก็ว่าไปอย่าง นี่อะไร ลูกตั้งใจจะไม่สนใจเขาไปตลอดชีวิตเลยหรอ ไม่ว่ายังไงก็ต้องคิดเรื่องลูกด้วยนะ”
ได้ยินเช่นนั้น ญาธิดาก็เงียบไป คิดไปคิดมา แล้วจึงพูดกับคุณปภาวีว่า “แม่ อย่ากังวลเลยน่า หนูรู้น่า”
คุณปภาวีไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีทัตเป็นยังไงกันแน่ เธอถึงพูดแบบนี้ แต่ในอีกแง่หนึ่ง หลายปีมานี้ธีทัตทุ่มเทให้เธอกับลูกๆมากจริงๆ ลำบากตรากตำก็หลายอย่าง เขารอเธอมาหกปีแล้ว และไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลย พูดแล้วก็ เธอติดค้างเขามากมายจริงๆ
เมื่อคิดได้อย่างนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อนก็ไม่ได้ร็สึกแย่อะไรมากมายแล้ว เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง มีความต้องการทางร่างกายเหมือนกัน เรียกได้ว่าเขาก็เคารพเธอ เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรมากมายเลยตลอดช่วงหกปีที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเคยบอกด้วยว่าจะใช้ชีวิตกับเขา...
ตอนนั้นเอง คุณปภาวีก็พูด “รู้อยู่ก็ดีแล้ว เรื่องในครอบครัวลูกแม่ก็ไม่อยากจะพูดมาก แต่แม่ไม่อยากเห็นลูกกับพ่อลูกเขยไม่มีความสุขกัน แถมพ่อกับแม่จะไปเที่ยวกันเดือนหน้า ลูกสองคนเป็นแบบนี้ พวกเราก็กังวลน่ะสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...