เมื่อญาธิดาและธีทัตกลับมาถึงแกรนด์ บูเลอวาร์ดก็ดึกมากแล้ว
ด้วยความเหนื่อยเธอกลับไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำ เพิ่งไปที่ห้องครัวชั้นล่างเพื่อชงชา ใครจะรู้ว่าจะได้เห็นคุณปภาวีและดร.ยติภัทรนั่งอยู่บนโซฟา
พวกเขาไม่พูด ไม่ดูทีวี นั่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆ เห็นได้ชัดว่ารอใครอยู่
ญาธิดาหัวใจเต้นแรง “ตึกตัก” เธอสูดหายใจเข้าลึก เดินไปชงชากับน้ำร้อนข้างๆ แล้วนำมันไปตรงพวกเขา รินใส่ถ้วยให้ แล้วพูดเสียงเบา “คุณพ่อคุณแม่ ดื่มชาค่ะ”
คุณปภาวีขมวดคิ้ว สีหน้าดูแย่มาก “แกยังมีกะจิตกะใจมาดื่มชาอยู่อีกเหรอ”
คำวิจารณ์ภายนอกทำให้ท้องฟ้าพลิกผันได้ แต่เธอยังสามารถนิ่งเฉยได้อยู่อีก
เธอจิบชาหนึ่งอึกและพูดเสียงเบา “ตอนนี้ร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้ฉันอธิบายไปว่าฉันกับคนนั้นเป็นแค่เพื่อนกัน เกรงว่าคนอื่นก็คงไม่เชื่อ”
คุณปภาวีขมวดคิ้วพลางไล่บี้สอบถาม “งั้นแกบอกพวกเรามา แกกับผู้ชายคนนั้นสรุปเรื่องมันเป็นยังไง”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดอย่างจริงจัง “เขาชื่อชวิศ ชเยมะ เป็นเพื่อนของฉัน ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันตามหาเณรศีลเขาเป็นคนช่วยฉัน ฉันเป็นหนี้บุญคุณเขา ครั้งนี้เขาต้องการซื้อของขวัญให้น้องสาวของตัวเอง ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี ดังนั้นจึงให้ฉันไปช่วยแนะนำ แค่ไปช็อปปิ้งเลือกของขวัญและทานอาหารด้วยกันเท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่น”
ทันทีที่เธอพูดอย่างนี้ คุณปภาวีกับดร.ยติภัทรก็มองหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไร
“จริงเหรอ”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดเน้นคำต่อคำ “คุณพ่อคุณแม่ หนูไม่จำเป็นต้องโกหกพวกท่าน”
คนแก่ทั้งสองนิ่งไป ไม่ได้พูดอะไรอีก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ดร.ยติภัทรถึงได้พูดว่า “แต่ครั้งนี้ เรื่องมันใหญ่มาก ต่อให้ครอบครัวของเราจะรู้ว่าเป็นการเข้าใจผิด แต่ทางฝั่งตระกูลกรเวช เราจะอธิบายยังไง”
ประโยคนี้ ทำให้ญาธิดาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรไปชั่วขณะ
ทั้งสามตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร ในขณะนั้นเอง เสียงต่ำของชายคนหนึ่งดังขึ้น “พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะไปอธิบายให้ทางฝั่งคุณพ่อคุณแม่ของผมเอง”
ทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นมองไปตามเสียงพร้อมกัน เห็นธีทัตยืนอยู่ตรงปากบันได
ดร.ยติภัทรถอนหายใจเบาๆ “ทัต เรื่องวันนี้...”
“คุณพ่อครับ ไม่เป็นไรครับ”
“เธอ...เธอไม่โทษธิดาเหรอ”
“ผมเชื่อใจเธอครับ”
ธีทัตพูดอย่างนั้นด้วยสายตาที่มองเธออย่างอบอุ่น
ญาธิดาค่อนข้างมึนงง แต่กลับสะเทือนใจอย่างไม่มีเหตุผล
เธอยังไม่มีเวลาอธิบายให้เขาฟัง คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนี้ ทำให้เธอประหลาดใจและสะเทือนใจมาก
ลำคอตีบตันและแสบจมูก คำขอบคุณมาจ่อที่ริมฝีปากแต่กลับพูดไม่ออก “ทัต...”
ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีที่อยู่ด้านข้างมองหน้ากัน ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน แล้วออกไปอย่างรู้ตัว
ไม่นาน ทั้งห้องนั่งเล่นก็เหลือแค่เธอกับธีทัตสองคน
ธีทัตมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าซึ่งขอบตาแดงเรื่อ เขาอมยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เป็นอะไรไป”
เขาพูดอย่างนั้นแล้วดึงทิชชู่มาสองแผ่น จะเช็ดน้ำตาให้เธอ
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ก้าวเข้าไปกอดเขาเบาๆ แนบศีรษะลงบนหน้าอกของเขาพลางพูดเสียงเบา “ทัต ครั้งนี้ขอบคุณคุณจริงๆ ขอบคุณที่เชื่อฉัน ขอบคุณที่เข้าใจฉัน และขอบคุณที่ไม่โทษฉัน...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...