เพราะฝันร้ายติดต่อกันหลายครั้ง ทำให้ญาธิดากรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว เหงื่อไหลลงจากหน้าผากของเธอ
ภวินท์อยู่ข้างเตียง มองดูหญิงสาวบนเตียงที่กำลังดิ้นรนด้วยความทรมาน คิ้วของเธอก็ขมวดแน่น
ญาธิดาไข้ขึ้นสูง และเป็นไข้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่มีอาการบ่งบอกล่วงหน้า ตอนที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอดังมาจากในห้อง จึงรีบเข้ามาดู พบว่าเด็กน้อยทั้งสองคนบนเตียงถูกเสียงของเธอทำให้ตื่นแล้ว ส่วนเธอกำลังนอนพิงอยู่ขอบเตียงข้างๆ และกำลังสะอื้นไห้เบาๆ
พอสัมผัสที่หน้าผากของเธอ มันร้อนผ่าวได้น่ากลัวมาก เขาถึงได้รู้ว่าเธอเป็นไข้แล้ว
หลังจากปลอบขวัญเด็กทั้งสองคนแล้ว เขาก็พาญาธิดาขึ้นเตียง แล้วโทรเรียกคุณหมอ แต่หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ญาธิดายังคงฝันร้ายอยู่
เธอเรียกชื่ออีธานกับเอลล่าออกมาเป็นระยะ ถึงแม้จะยังนอนอยู่แต่ยังร้องไห้ร้องไห้ไม่หยุด ทำให้เขารู้สึกสงสารจับใจ สุดท้าย เขาจึงยิ่งรู้สึกร้อนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
พยัคฆ์เดินเข้ามารายงาน “คุณหมอบอกว่ามีเควสคนไข้ฉุกเฉินอยู่ เกรงว่าจะมาในทันทีไม่ได้ เขาบอกวิธีลดไข้แบบพื้นฐานมาให้ลองลดไข้ดูก่อนครับ”
ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมองเขา “ต้องทำยังไงบ้าง”
พยัคฆ์ตอบออกมาตามตรง “อันดับแรก ให้ผู้ป่วยทานยาลดไข้ครับ ยาที่คุณหมอทิ้งไว้เมื่อครั้งก่อน ในบ้านยังมีเหลืออยู่ครับ ทานสองเม็ดก็พอ แล้วต้องทำให้คนไข้อยู่ในอารมณ์ที่คงที่ ให้เธอสงบนิ่งที่สุด แล้วสุดท้าย ใช้อุปกรณ์ทำให้อุณหภูมิในร่างกายเย็นลงครับ”
พอได้ยินแบบนี้ สายตาของภวินท์ก็เคร่งขรึม จากนั้น เขาก็ยื่นแขนออกมา พยุงที่พักแขนทั้งสองข้างของเก้าอี้รถเข็น และลุกขึ้นยืน
พยัคฆ์ตกตะลึง “คุณภวินท์ครับ คุณบอกว่าจะปิดเรื่องที่ขาหายดีไว้ก่อนไม่ใช่เหรอครับ...”
ภวินท์ขมวดคิ้ว และพูดเสียงทุ้มต่ำ “ตอนนี้อยู่ที่บ้าน ต้องปิดบังใคร”
พยัคฆ์ปิดปากอย่างรู้ทัน ก่อนจะพยักหน้า บ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร
ในเวลานี้เอง สายตาเย็นชาก็มองมาทางเขา ก่อนที่ภวินท์จะเอ่ยสั่งเสียงเข้ม “นายไปดูอีธานกับเอลล่าก่อน อย่าให้พวกเขาเป็นห่วง”
พอได้ยินชื่ออีธานกับเอลล่า แววตาของพยัคฆ์ก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะตอบรับอย่างรวดเร็ว “ครับ!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและออกไปอย่างรวดเร็ว
เดิมทีพยัคฆ์ก็เป็นคนรักเด็ก ชอบอยู่กับเด็ก ๆ ยิ่งพอเห็นอีธานกับเอลล่าเขาก็ยิ่งชอบพวกเขามาก ไม่นานก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนได้ ให้เขาไปดูแลเด็กทั้งสองคน เขาเต็มใจและยินดีมาก
พอเห็นพยัคฆ์เดินออกไป ภวินท์ก็ก้าวขา และเริ่มเดินออกไป
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะขาทั้งสองข้างไม่ได้ใช้งานนานเกินไปหรือเปล่า ตอนนี้ขาของเขาถึงได้ชาและเดินช้าไปบ้าง
หลังจากผ่านการรักษามานาน จึงได้ผลอยู่บ้าง แต่คุณหมอยังคงแนะนำให้เขาค่อยเป็นค่อยไป พยายามฝึกฝน และฟื้นตัวอย่างช้าๆ
ตอนนี้ขาของเขาหายดีแล้ว เหลือแค่ยังเดินไม่ค่อยถนัดเล็กน้อย แต่เพราะเขายังนั่งรถเข็นเหมือนเดิม เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าขาของเขาหายดีแล้ว
โดยเฉพาะภูผา ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าขาของเขาหายดีแล้ว อีกฝ่ายคงจะไล่ล่าเขาเหมือนหมาป่าที่หิวโหย และตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ถ้าอยากจะชนะทั้งหมด จะให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
เขาเดินไปที่ห้องน้ำแล้วเติมน้ำเย็นลงในอ่างล้างหน้า แล้วความหาผ้าสะอาดออกมาหนึ่งผืน ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องอีกครั้ง
ญาธิดานอนอยู่บนเตียง สองคิ้วขมวดเข้าหากัน หน้าผากของเธอยังมีเหงื่อไหลออกมาเหมือนเดิม และเหมือนว่าเธอยังฝันร้ายอยู่
ภวินท์ขมวดคิ้ว ก่อนจะวางอ่างล้างหน้าลง แล้วนั่งลงข้างเตียง ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือออกมาเพื่อปลดกระดุมเสื้อของเธอออก ในเวลานี้ เขาไม่มีความคิดอะไรแอบแฝง แต่หลังมือของเขาเผลอสัมผัสโดนผิวที่เนียนนุ่มของเธอ จึงรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
เขาขมวดคิ้ว แล้วพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่ให้จิตใจของตนเองฟุ้งซ่าน นิ้วของเขาปลดกระดุมเสื้อออกจากร่างกายของเธอ และถอดออกอย่างรวดเร็ว
ผิวขาวราวหิมะปรากฏต่อหน้า ภวินท์เอื้อมมือออกไปคว้าแขนของเธอ พลิกตัวเธอ ให้แผ่นหลังหันขึ้นมา ก่อนจะชุบผ้าเช็ดตัวลงในน้ำเย็น แล้วเช็ดลงบนแผ่นหลังที่ร้อนผ่าวของเธอตั้งแต่บริเวณลำคอ แผ่นหลัง และแขน ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดอยู่หลายครั้ง จนรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของเธอลดลงแล้วจริงๆ เขาจึงหยิบผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ เธอขึ้นมาห่มให้เธอ
หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว เขาก็ยกอ่างล้างหน้าเข้าไปในห้องน้ำ พอก้มลงมอง เขาก็พบว่าส่วนล่างของเขาเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว
เขาขมวดคิ้ว แล้วต่อว่าตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...