ความกังวลของภวินท์ทำให้เขาเร่งเตรียมตัวเตรียมการอย่างเต็มที่ แต่สองสามวันถัดมาทุกอย่างดูเงียบผิดปกติเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา
ตอนกลางวันเขาก็กลับไปจัดการธุระที่บริษัทตามปกติ พอออกไปข้างนอกก็นั่งรถเข็นแสร้งทำเป็นว่าขาทั้งสองข้างยังไม่หาย หลังจากกลับมาถึงคอนโดเขาก็กลายร่างเป็นคนละคน เล่นกับอีธานเอลล่า และดูแลญาธิดาอย่างดี ราวกับเป็นพ่อที่ดีและสามีที่ดี
ตกเย็น เพราะวันนี้อีธานกับเอลล่าดูรายการทำขนมทางทีวีแล้วเกิดสนใจขนมปังขึ้นมา เลยพากันงอแงเสียงดังอยากจะลากญาธิดาไปลองทำด้วย ญาธิดาที่เดิมทีไม่มีอารมณ์เลย แต่ก็ทนลูกอ้อนสุดน่ารักของเด็กสองคนไม่ไหว สุดท้ายเลยได้แต่ตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือก
แต่ว่าในคอนโดเล็ก ๆ นี้กลับมีของครบทุกอย่าง ทั้งแป้งสาลี วิปครีม ชีส มีครบแทบทุกอย่าง ญาธิดาเตรียมส่วนผสมและอุปกรณ์ พับแขนเสื้อขึ้น ดูวิดีโอเรียนทำเค้กไปพร้อมกับพวกเขา
“แม่คะ ต้องคนแบบนี้หรือเปล่าคะ?”
“ใช่! ต้องตามเข็มนาฬิกา แม่ไม่ได้ตั้งใจฟังเหรอครับ?”
อีธานกับเอลล่ายืนขนาบซ้ายขวา พลางชี้ข้อผิดพลาดของเธออย่างตรงไปตรงมา พอถูกพวกเจ้าตัวเล็กพูดแบบนี้ก็ทำเอาเธอรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาเล็กน้อย
อันที่จริงไม่ใช่เพราะเธอไม่ตั้งใจ แต่ว่าเพราะเธอยังมีเรื่องอื่นค้างคาอยู่ในใจอีก เวลาสามวันที่เธอตกลงไว้กับภูผาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เหลือเพียงพรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว
ถ้าพรุ่งนี้เธอยังไม่เอาสิ่งที่อยู่ในแฟลชไดร์ฟใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ของภวินท์ เกรงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีแน่ ๆ
และเพราะตอนนี้หัวใจเธอเต็มไปด้วยความกังวล เลยเอาแต่เหม่อลอย
“แม่ น่าจะพอแล้วนะครับ”
เธอรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของอีธาน เมื่อเห็นแป้งที่ถูกตีจนผสมกันแล้ว เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางพยักหน้าหันไปมองทางเด็ก ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ก็เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เทแป้งลงในพิมพ์แล้วเอาเข้าเตาอบได้เลย!”
“เย้! ดีจังเลย!”
พวกเด็ก ๆ กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เธอหัวเราะ และหลังจากทำขั้นตอนสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยต่อไปก็เข้าสู้โหมดการอบเค้ก
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ญาธิดาก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเดินออกไปพักผ่อนที่โซฟา
รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว “ติ๊ง” เสียงเตาอบดังขึ้น อีธานกับเอลล่ารีบมาดึงเธอไปดูผลสำเร็จด้วยความตื่นเต้น
ญาธิดาสวมถุงมือ แล้วหยิบถาดออกจากเตาอบอย่างระมัดระวัง ชีสเค้กพองสีทองสวยมาก ๆ กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว
คิดไม่ถึงว่าทำเค้กครั้งแรกจะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้
อารมณ์ของญาธิดาที่เดิมทีหม่นหมองดูสดใสขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็ช่วยกันกับเด็ก ๆ ตกแต่งสตอเบอรี่และบลูเบอร์รี่ลงบนเค้ก โรยน้ำตาลไอซิ่งอย่างละเอียดลออ เท่านี้ผลงานก็เสร็จเรียบร้อย!
"สุดยอด!"
ญาธิดาถ่ายรูปอย่างมีความสุข ยกมือขึ้นแตะศีรษะอีธานกับเอลล่า แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ตอนนี้ไปหยิบจานมาเร็ว พวกเรามาลองชิมกัน!”
แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เธอพูดจบ อีธานกับเอลล่ากลับเอาแต่ยิ้มแต่ไม่ยอมขยับ
ญาธิดางุนงง ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามก็ได้ยินเสียงเอลล่าพูดขึ้นว่า “แม่คะ พวกเรารอให้คุณอาสุดหล่อกลับมาแล้วกินด้วยกันได้ไหมคะ?”
ขณะที่พูดเธอก็ยื่นน้อย ๆ มาดึงชายเสื้อของเธอพลางพูดด้วยเสียงออดอ้อนน่ารัก ทำเอาคนฟังหัวใจแทบละลาย
ทีแรกญาธิดาอยากจะปฏิเสธ เพราะเค้กก้อนนี้เธอกับลูกเป็นคนทำด้วยกัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับภวินท์ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอต้องทำกับภวินท์ ความรู้สึกผิดก็ผุดขึ้นมาในใจและทำให้เธออึดอัดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองอีธานกับเอลล่าแล้วพยักหน้าให้พวกเขา “โอเค พวกเราจะรอให้เขากลับมาก่อน”
จะว่าไปแล้วก็บังเอิญมาก เพราะหลังจากที่พวกเขาเพิ่งจะตัดสินใจและเริ่มทำความสะอาดโต๊ะอาหารรก ๆ เพียงไม่นาน เสียงประตูก็ดังขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...