ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 677

เมื่อได้สติคืนมา ภวินท์ก็หันหน้าไปมองญาธิดา “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะไปที่ไหน เธอจะต้องติดตามฉัน ตอนนี้ที่บริษัทขาดคนไม่ได้ ฉันจะต้องไปที่นั่น เธอไปกับผม พวกเราจะเตรียมพร้อมรับมือตลอดเวลา ไม่ว่าภูผาจะมาไม้ไหนก็ไม่กลัว”

ญาธิดาพยักหน้า “ค่ะ จะเชื่อฟังคุณ”

ทั้งคู่เก็บข้าวของครู่หนึ่ง ไม่นานก็ออกจาคอนโดฯ และตรงไปที่ STN Group

เพราะภวินท์และผู้บริหารระดับสูงคอยแบกรับอยู่ด้านบน สถานการณ์ในบริษัทจึงค่อยๆ สงบลง งานทุกอย่างถูกส่งไปที่สำนักงาน CEO อย่างเป็นระบบ โดยมีภวินท์กับพร้อมพงษ์ รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจร่วมกันตัดสินใจ

ญาธิดานั่งอยู่ในห้องสำนักงาน ฟังพวกเขาหารือปรึกษาเรื่องงาน และวิธีการจัดการ ขณะที่ตัวเองกำลังเปิดดูนิตยสารในมืออย่างน่าเบื่อ แต่ไม่รู้เพราะอะไร มักจะรู้สึกจิตใจกระสับกระส่าย เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังอย่างควบคุมไม่ได้

ขณะเดียวกัน บนท้องถนนที่กว้างในเขตชานเมืองของเมือง J คนสีดำคันหนึ่งได้แล่นผ่านไป ด้านในรถเต็มได้ด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ

อายุของพยัคฆ์กับต้องยังไม่ถือว่าเยอะ และยังรักเด็กอีกต่างหาก เพียงครู่เดียวก็สามารถเข้ากับอีธานกับเอลล่าได้แล้ว สองผู้ใหญ่กับสองเด็กเข้าขาคุยสนทนากันด้วยเรื่องตลกบ้าง ฟังเพลงกันบ้าง บรรยากาศในรถจึงค่อนข้างเฮฮา

และในเวลานี้ มีสายโทรศัพท์หนึ่งได้โทรเข้ามา ต้องที่นั่งอยู่เบาะหลังรีบเตือนให้พยัคฆ์รับสาย พยัคฆ์หยิบโทรศัพท์มาดู เป็นภวินท์ที่วิดีโอคอลมา

เขารีบกดรับสายทันที สักพัก เสียงของปลายสายดังขึ้น “อีธาน เอลล่า”

อีธานกับเอลล่าที่นั่งอยู่เบาะหลังเมื่อได้ยินเสียง ก็หยุดกิจกรรมในมือ แล้วเรียกขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้นดีใจ “คุณอา!”

หน้าจอปรากฏใบหน้าของภวินท์ขึ้น หลังจากที่เขาสนทนากับหนูน้อยทั้งสองแล้ว ก็ได้กำชับกับพยัคฆ์ว่า “ฉันแค่อยากเห็นว่าพวกนายราบรื่นกันดีไหม ไม่มีอะไรแล้วก็วางสายแล้วนะ ถึงที่หมายแล้วโทรหาฉันด้วย”

พยัคฆ์พยักหน้า “วางใจเถอะครับคุณภวินท์!”

เมื่อวางสาย บรรยากาศในรถก็กลับมาเฮฮาอีกครั้งในทันใด

เอลล่าชี้ไปนอกหน้าต่างแล้วเรียกขึ้น “พี่ดูนั่นสิ! ตรงนั้นมีเป็ด!”

ด้านล่างเขื่อนที่อยู่ข้างถนนสายนี้มีแม่น้ำหนึ่งสาย ผิวแม่น้ำที่อยู่ไกลๆ มีพืชน้ำ และยังมีเป็ดสองสามตัวกำลังแหวกว่ายอยู่บนนั้น

ภาพแบบนี้ค่อนข้างแปลกใหม่และดึงดูดใจสำหรับเด็กที่ไม่ค่อยได้ออกนอกเขตชานเมือง

แต่ในเวลานี้ รถบรรทุกสีดำคันใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าได้ขับมุ่งมาทางนี้ รถทั้งสองคันขับสวนเลนกัน ระยะห่างเข้าใกล้ไปทุกที ตอนแรกต้องยังไม่ทันสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ จนกระทั่งรถบรรทุกคันนั้นพุ่งตรงมาหาพวกเขา เขาถึงได้รู้ตัวและตะโกนดังขึ้น “รถคันนั้น!”

พยัคฆ์ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเสียง จึงหันหน้าไปด้วยความตกใจ มองทะลุกระจกด้านหน้า เห็นรถบรรทุกสูงใหญ่คันนั้นพุ่งตรงมาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง ดูเหมือนยังเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำ

พยัคฆ์อุทาน “พวงมาลัย รีบหมุนพวงมาลัย!”

ทันใดนั้น ต้องที่ตกใจตัวสั่นจนไม่สามารถขยับตัวได้ จึงรีบหมุนพวงมาลัยไปทางอื่น ในชั่วพริบตาเดียว ความเร็วรถที่ไม่ได้ลดลง เมื่อเลี้ยวโค้งก็ถลาพุ่งไปทางเขื่อน แล้วกระแทกกับรั้วกั้น

รถเกือบจะพลิกคว่ำ รั้วด้านหน้ารถถูกชนจนบุบเข้าไป กระโปรงหน้ารถมีควันโขมงลอยออกมา รถครึ่งคันยื่นออกไปยังเขื่อน โยกเยกโอนเอน

คนในรถมีทั้งสับสนมึนงงและหมดสติ เอลล่าที่อยู่เบาะหลังได้สลบไปแล้ว ส่วนอีธานยังคงรู้สึกตัว แต่ดูเหมือนจะตกใจมาก คู่ดวงตาเบิกกว้างที่คลอด้วยน้ำตา ตื่นตระหนกกลัวสุดขีด

เขาส่งเสียงเรียกพยัคฆ์ที่อยู่ด้านหน้าอย่างแผ่วเบา “อาพยัคฆ์……”

ไม่มีเสียงตอบรับ

สองคนที่อยู่ด้านหน้าดูเหมือนจะสาหัสกว่าแถวหลัง ถึงแม้อีธานกับเอลล่าจะเป็นเพียงเด็ก แต่นั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับเด็กในเบาะนั่งที่มั่นคงแล้ว พร้อมคาดเข็มขัดนิรภัย เบาะที่นั่งจึงไม่ได้เคลื่อนขยับมากนัก แต่เบาะด้านหน้า ถึงแม้ถุงลมนิรภัยจะทำงาน แต่ศีรษะของต้องกับพยัคฆ์ก็ยังแตกอยู่ดี กระแทกจนเลือดสดๆ ไหลออกมา

และในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีใครบางคนปรากฏตัวอยู่ด้านนอกรถ จากนั้นกระจกรถถูกทุบจนแตก ประตูรถถูกดึงเปิดจากคนด้านนอก ชายชุดดำสองคนยืนบังอยู่ที่ประตูหลังซ้ายขวาของเบาะหลังรถ และยื่นมือมาปลดเข็มขัดนิรภัยบนเก้าอี้เด็กที่เบาะหลังอย่างรวดเร็ว และจะอุ้มอีธานกับเอลล่าออกมา

อีธานยังคงมีสติ เบิกตาโตด้วยความตกใจ มองดูชายชุดดำเอื้อมมือมา จึงอ้าปากกัดเข้าไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์