ญาธิดาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก
ภวินท์เฝ้าอยู่ข้างๆ ตลอด เมื่อเห็นเธอฟื้นขึ้นมา คิ้วที่แต่เดิมขมวดแน่นค่อยๆ คลายตัวลง จากนั้นกล่าวอย่างช้าๆ “ฟื้นแล้วเหรอ”
ญาธิดามองดูเพดาน สมองเบลอ ว่างเปล่า จำอะไรไม่ได้เลย สักพักเธอถึงได้ค่อยๆ จำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะเป็นลมหมดสติไป ฉับพลันหัวใจเกิดความตระหนกขึ้น
“อีธานกับเอลล่า……”
เธอยังไม่ทันได้กล่าวจบ น้ำตาของเธอก็ไหลร่วงลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ราวกับลูกปัดที่ด้ายขาด
สีหน้าของภวินท์เปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวอย่างช้าๆ “ภูผาส่งข่าวมาแล้ว……”
ญาธิดากัดฟัน “เขาบอกว่าอะไร”
ภวินท์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะด้านข้าง เปิดอะไรบางอย่างออก แล้วยื่นให้กับเธอ
สิ่งนั้นคือข้อความจากโทรศัพท์ “ถ้ายังอยากเจอเด็กน้อยสองคนนั่น พรุ่งนี้บ่ายโมงครึ่ง พาญาธิดามาที่โรงงานอิเล็กทรอนิกส์X หมายเลขสามที่ถนนX ห้ามแจ้งตำรวจ ห้ามพาคนอื่นมาด้วย มิเช่นนั้นจะฆ่าให้หมด!”
ญาธิดากำโทรศัพท์ไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว เธอกดัดฟันแน่น ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ภูผาต้องการล่อให้พวกเขาไปยังสถานที่ไกลๆ เช่นนั้นโดยลำพัง จะต้องมีเแผนการอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขามีอีธานและเอลล่าอยู่ในกำมือ ต่อให้พวกเขาไม่อยากไป ก็จำเป็นต้องไป!
เธอไม่มีทางพลาดทุกโอกาสที่จะสามารถช่วยอีธานกับเอลล่าอย่างแน่นอน! มิเช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้นมา เรื่องนี้จะย้อนคืนกลับไปได้! ในฐานะที่เธอเป็นแม่ เดิมทีปล่อยให้พวกเขาหายตัวไป ก็เป็นเรื่องที่ผิดพลาดมหันต์แล้ว ตอนนี้ถ้ายังไม่สามารถไปช่วยพวกเขากลับมาอีก เธอจะมีชีวิตอยู่ไปได้อย่างไร
ภวินท์เห็นสีหน้าที่ผิดปกติของญาธิดา จึงรีบยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง วางไว้บนไหล่ของเธอ แล้วกล่าวปลอบใจ “ไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้ฉันจะพาคนไปที่นั่น และจะต้องพาตัวอีธานกับเอลล่ากลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”
“แล้ว…แล้วฉันล่ะ”
ภวินท์กล่าวออกมาโดยไม่แม้แต่จะคิด “อันตรายเกินไป คุณไปไม่ได้”
เงียบไปเพียงครู่หนึ่ง ญาธิดาจึงส่ายหน้าทันที “ไม่ได้ ภูผาไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ ในข้อความของเขาได้ระบุอย่างชัดเจนว่าให้พวกเราไปกันทั้งสองคน หากว่าฉันไม่ไป เขาฆ่าลูกแล้วจะทำอย่างไร”
ได้ยินดังนั้น ภวินท์ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น
อันที่จริง เขาได้คิดเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่เธอจะฟื้นตื่นขึ้นมา
แต่ถ้าพาญาธิดาไปด้วย เขาไม่วางใจ ไม่พาญาธิดาไปด้วย ก็กลัวภูผาจะทำอะไรไม่ดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เวลานี้ ญาธิดาเอ่ยปากขึ้น “ฉันต้องไป! ด้วยนิสัยของเขา จะต้องส่งคนมาสอดแนมพวกเราอย่างแน่นอน ถ้ามีอะไรผิดสังเกตขึ้นมา เขาอาจจะลงมืออย่างผลีผลามได้…”
ภวินท์ขมวดคิ้ว “แต่ถ้าพวกเราไปกันสองคน ไม่มีความหวังแม้แต่น้อยว่าจะชนะเลย”
ญาธิดากล่าวทันที “พวกเราไปกันสองคน เพื่อหลอกให้เขาตายใจเท่านั้น ขณะเดียวกันทางฝั่งนี้คุณจะต้องเตรียมการให้พร้อมทุกอย่าง สบโอกาสก็ให้ลงมือ เพียงแต่ต้องทำแบบลับๆ เท่านั้น
ได้ยินดังนั้น ภวินท์จึงพยักหน้า มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วกล่าวออกมาทีละคำ “ได้ อย่างนั้นก็ตกลงกันตามนี้ พวกเราไปด้วยกัน แต่ว่าเมื่อถึงที่นั่น ทุกอย่างจะต้องเชื่อฟังผม”
หากเกิดสถานการณ์คับขันขึ้นจริงๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปกป้องเธอให้ปลอดภัย
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาหัวใจบีบรัดแน่น แต่สุดท้ายก็พยักหน้า “ฉันจะเชื่อฟังคุณ”
เห็นได้ชัดว่าพรุ่งนี้จะต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด ตั้งแต่เหตุการณ์บนดาดฟ้าครั้งก่อน เกรงว่าครั้งนี้ ภูผาจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น และก็จะยิ่งเหี้ยมโหดมากขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด
แม้ว่าหัวใจจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่ญาธิดายังคงฝืนตัวเองให้นอนหลับ ทานข้าว พยายามผ่านทุกช่วงนาทีที่ผ่านไปอย่างยากลำบาก
ช่วงเวลาเช่นนี้ เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใกล้เวลาเที่ยง พายุจึงได้ซื้ออาหารที่แตกต่างกันสองสามอย่างมา เพื่อให้พวกเขาสามารถทานได้เยอะๆ หน่อย แต่ว่าภวินท์นั้นมัวแต่ยุ่งอยู่กับการโทรศัพท์เพื่อสั่งการ ส่วนญาธิดาก็ไม่อยากอาหาร ทานไปเพียงสองคำก็วางตะเกียบลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...