โดยปกติแล้วก็เป็นเพียงเวลาสั้นๆ สิบนาที แต่ตอนนี้อาจจะคร่าชีวิตคนคนหนึ่งได้ สองมือของญาธิดาประสานจับกันแน่น กังวลจนแผ่นหลังซึมไปด้วยเหงื่อ
และในเวลานี้ จู่ๆ มีใครบางคนเดิมมุ่งมาทางหลุยส์ แล้วกล่าวรายงาน “มือปีนซุ่มยิงพร้อมแล้วครับ ได้เวลาแล้ว สามารถลงมือได้แล้วครับ!”
หลุยส์สีหน้าเคร่งขรึม เขาชะงักชั่วครู่ สักพักก็พยักหน้า “ลงมือ!”
ทันทีที่เขาออกคำสั่ง ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างก็ทำท่าขึ้น ขณะเดียวกัน รถที่จอดอยู่ตรงนั้นทั้งหมดก็ค่อยๆ สตาร์ทเครื่อง เรียงเป็นแถวหน้ากระดาน และเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังทิศทางของโรงงานอิเล็กทรอนิกส์X
ญาธิดาก้าวไปอย่างรวดเร็วสองสามก้าว มองรถเหล่านั้นเคลื่อนตัวไปล้อมรอบๆ โรงงานอิเล็กทรอนิกส์อย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน ประตูใหญ่ของโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ได้เปิดออก มีรถขับออกมาจากด้านใน ได้ยินเพียงเสียงดัง “ปังๆ!” ขึ้น ทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกัน
ญาธิดาเย็นวาบไปทั้งตัว อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้น ถึงว่าเมื่อสักครู่หลุยส์ไม่ยอมให้เธอเข้าไป ที่แท้ตรงนี้มีศัตรูรอซุ่มโจมตีอยู่! หากว่าเธอเดินเข้าไปคนเดียว เกรงว่าคงจะถูกยิงเป็นรูพรุนเหมือนกับกระชอนเป็นแน่
“ฉัน ฉันไปไหน”
จู่ๆ เธอนึกอะไรบางอย่างได้ จึงรีบหันมามองทางหลุยส์อย่างรวดเร็ว
หลุยส์ที่กำลังจะขึ้นรถ เหลือบมองเธอแวบหนึ่ง “ขึ้นรถ”
หลังจากที่ญาธิดาขึ้นรถไป หลุยส์เหลือบมองเธอแวบหนึ่งแล้วกล่าว “อีกสักครู่คนของเราจะเข้าไปเสริมกำลังวิน คุณรออยู่ด้านนอก รอฟังข่าวจากพวกผม! สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณคือปกป้องตัวเองให้ดี อย่าไปไหน เข้าใจไหม”
เขารีบกำชับเธอสองสามคำ ญาธิดาเองก็ไม่ได้พูดอะไร รีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
ไม่ช้า รถก็มาจอดอยู่บริเวณข้างๆ ที่ห่างจากประตูใหญ่ห้าสิบเมตร ญาธิดาขับรถลงมา จากนั้นมองรถของหลุยส์วิ่งเข้าไปด้านในด้วยความเร็ว
นอกจากนี้ มีรถหลายคันที่ขับเรียงกันเป็นแถวมาขวางประตูใหญ่ไว้ คนที่อยู่บนรถนอกจากคนขับรถแล้วก็ได้ลงมาทั้งหมด ถืออาวุธ สีหน้าเคร่งขรึมจ้องไปทางประตูใหญ่
ญาธิดายืนอยู่ที่นั่นด้วยร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เธออยู่ด้านนอกโดยไม่รู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เมื่อได้ยินเสียงปืนดังออกมาระยะๆ หัวใจของเธอก็บีบเกร็งและสั่นเทา
ทุกวินาทีที่รออยู่ด้านนอกช่างผ่านไปอย่างทรมาน เธอเดินไปมาอย่างกังวลใจ ความรู้สึกกลัวเข้ามาห่อหุ้มเธอทีละนิดทีละน้อย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว อาจจะเป็นครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง ญาธิดารู้สึกแต่เพียงว่าผ่านไปนานมาก จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งขับฝ่าออกมาจากด้านในด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็เบรกลงอยู่ข้างๆ กะทันหัน
ลูกน้องที่ถืออาวุธรีบล้อมรถคันนั้นอย่างรวดเร็ว และเล็งปีนไปที่ตัวรถอย่างระมัดระวัง ญาธิดามองอยู่ไกลๆ และกำมือแน่น
ประตูถูกผลักออก หลุยส์กระโดดลงจากรถก่อน เขายังอุ้มอะไรบางอย่างตรงที่หน้าอก จากนั้นกวาดมองกลุ่มคนแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันเอง!”
กลุ่มคนเห็นว่าเป็นเขา จึงรีบเก็บปืนและก็กล่าวถามทันที “พี่หลุยส์! เป็นไงบ้าง!”
“ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า!”
หลุยส์เม้มปากไม่กล่าวอะไร ส่ายหน้าทีหนึ่ง แล้วกวาดสายตามองกลุ่มคน เมื่อเห็นเธอ สายตาก็หยุดและจับจ้องมาที่ตัวเธอ จากนั้นเดินก้าวเท้ายาวมาหาเธอ
เห็นที่หน้าอกของเขาอุ้มอะไรบางอย่าง เลือดบนตัวของญาธิดาก็ไหลพลุ่งพล่าน เธอเดินเซเข้าไปหาเขา เมื่อเห็นหน้าอกของเขาอย่างชัดเจนแล้ว ฉับพลันน้ำตาก็เอ่อไหลออกมา
“อีธาน!”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รีบรับอีธานที่สลบไร้สติมาจากอกของหลุยส์ จากนั้นกล่าวถามขึ้น “เขาเป็นอย่างไรบ้าง”
หลุยส์จึงตอบกลับ “น่าจะตกใจจนเป็นลมไป ผมพาคุณหมอมาด้วย เดี๋ยวให้คุณหมอตรวจดูคร่าวๆ”
ญาธิดาพยักหน้า จากนั้นก็เงยหน้ามองไปรอบๆ อีกครั้ง เห็นที่อ้อมแขนของพายุอุ้มเอลล่าเดินเข้ามา หัวใจของเธอถึงได้โล่งอกลง
เอลล่าไม่ได้หมดสติ แต่อาการไม่ค่อยสู้ดี เมื่อเธอเห็นญาธิดา ก็ขยับริมฝีปาก และเรียกขึ้นอย่างแผ่วเบา “แม่……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...