ธีทัตเดินออกมาจากลิฟต์ได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังมาจากห้องผู้ป่วยเป็นระยะๆ ฝีเท้าของเขาพลันชะงักงัน จากนั้นก็เดินตรงไปที่หน้าประตูห้องของภวินท์ด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ภายในห้องผ่านกระจกใส รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาก็แข็งค้างไปเล็กน้อย หลังจากเคาะประตูเสร็จก็ไม่รอให้คนในห้องขานรับ เขาก็ผลักเปิดประตูเข้าไป
ญาธิดากำลังถูกเด็กทั้งสองคนโถมกอดใส่ภวินท์ เมื่อเห็นเขาก็นิ่งงัน ยังไม่ทันได้ผุดตัวลุกขึ้นมา ช่วงเอวก็ถูกภวินท์ออกแรงโอบล้อมเอาไว้
“คุณมาทำไม?” ภวินท์ส่งเสียง เมื่อเห็นเขายืนอยู่หน้าประตู นัยน์ตาพลันทอแววเย็นชา
เมื่อธีทัตเห็นพวกเขาอยู่ในท่าทางใกล้ชิดสนิทสนม ปลายนิ้วก็กระตุกเกร็งเล็กน้อย สายตาอบอุ่นทอดมองมาที่ญาธิดา “ได้ยินมาว่าคุณบาดเจ็บ ผมก็เลยมาเยี่ยม”
“คุณธีทัตไม่ต้องเสียเวลามาใส่ใจหรอกครับ เธอสบายดี”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยพูด ภวินท์ก็ชิงเอ่ยขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเสียก่อน
ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ทำลายบรรยากาศมาคุภายในห้อง
เขากวาดสายตามองเบอร์โทรเข้า สีหน้าพลันเคร่งขรึม หยิบโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นจากเตียง ก้มลงจูบบนหน้าผากของเธอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ จากนั้นถึงได้เดินเฉียดไหล่ธีทัตออกไปข้างนอก
เมื่อธีทัตเห็นภาพตรงหน้า แววตาพลันเยือกเย็น แต่เมื่อเขาหันไปมองญาธิดา บนใบหน้าก็กลับมาปรากฏแววอ่อนโยนอีกครั้ง
“ผมได้ยินเรื่องที่ภูผาทำแล้ว คุณกับลูกๆคงจะกลัวแย่ ผมย้ายของออกจากบ้านที่แกรนด์ บูเลอวาร์ด ถ้าคุณกับลูกได้ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยจะได้ไม่ต้องระแวง ส่วนทางอเมริกา ผมช่วย……”
เขาพูดพร้อมกับเดินเข้าไปจะกอดเธอ แต่น่าเสียดายเขายังไม่ทันได้ทำอย่างนั้น ญาธิดาก็ก้าวถอยหลัง เพื่อให้เกิดระยะห่างที่แน่นอนระหว่างทั้งสอง
แขนของเขาค้างอยู่กลางอากาศอย่างเงอะงะ จากนั้นเสียงห่างเหินของญาธิดาก็ดังขึ้นมา “ขอบคุณที่คุณใส่ใจฉันมากขนาดนี้ แต่ชีวิตหลังจากนี้ฉันวางแผนไว้แล้ว ดังนั้นอาจจะไม่ต้องใช้สิ่งที่คุณทำให้ก็ได้ค่ะ”
รอยยิ้มเอาใจบนใบหน้าของธีทัตค่อยๆแข็งค้าง จากนั้นก็เอ่ยพูดด้วยนำเสียงร้อนรนว่า “ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่า……”
“คุณลุง เราหาพ่อแท้ๆของเราเจอแล้วครับ” พูดยังไม่ทันจบ จู่ๆเสียงใสของเอลล่าก็ดังขึ้นมา
คำว่า “คุณพ่อ” ที่เคยเรียกบัดนี้กลายเป็น “คุณลุง” ดวงตาของธีทัตพลานฉายแววมาดร้าย ยิ่งมองเด็กก้อนสองคนตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา
เขาทุ่มเทให้บ้านภูสิทธ์อุดมเป็นเวลาหกปีเต็ม แถมยังยอมเลี้ยงลูกคนอื่นอีกห้าปี สุดท้ายก็แพ้คนที่มีสายเลือดเดียวกันราบคาบ
เลือดข้นคนจางสินะ!
ไฟโทสะลุกโชนอยู่ในอกของเขาส อารมณ์ที่กดข่มไว้ในใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาเริ่มตีรวน
กระนั้นก็ยังคงหอบความหวังสุดท้ายเอาไว้ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงว่า “ระหว่างเรามันกลับไปไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองมาที่เขาอย่างไม่กะพริบตา ตอบกลับชัดๆทีละคำว่า “ฉันกับอันอันจะยังเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม พี่ชายของอันอันก็เหมือนพี่ชายของฉัน”
คำพูดง่ายๆ ขีดเส้นแบ่งเขาออกไปจากโลกของเธออย่างชัดเจน พร้อมกันนั้นก็เป็นการบอกนัยๆว่าไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
มือของธีทัตแนบอยู่ข้างลำตัวอย่างหมดแรง ความอึดอัดที่อดกลั้นมานานพลันพวยพุ่งออกมา เขาพยายามระงับความโกรธที่กำลังกู่ก้องอยู่ในใจเอาไว้ ฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ญาธิดารู้สึกได้ถึงความอึดอัดของเขา จึงพูดทำลายบรรยากาศว่า “ที่บริษัทคลาวด์น่าจะยังมีเรื่องสำคัญให้จัดการอีกมากมาย? ไม่มีคุณคอยนั่งคุมจะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ?”
ถึงยังไงภูผาก็ค่อนข้างมีอำนาจและอิทธิพลในเมือง J การที่เขาล้มในครั้งนี้ นอกจากSTN แล้วก็ยังมีบริษัทอีกหลายที่ได้รับผลกระทบไปด้วย และบริษัทคลาวด์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...