วันที่สอง “สายรบกวน”ของพี่โอ๊ตก็โทรเข้ามาแต่เช้า
“ธิดา รายการเรียลลิตี้โชว์พ่อแม่ลูกให้เราสรุปแผนการวันนี้ เธอคิดดีรึยัง? ”
ญาธิดากำลังกินอาหารเช้าสบายๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงบและสบาย ตรงกันข้ามกับเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลจากปลายสายโดยสิ้นเชิง
“พี่โอ๊ต พี่ก็น่าจะรู้นะ ว่าฉันไม่ได้สนับสนุนให้ลูกๆ เข้าสู่วงการบันเทิง”
“โธ่ คุณผู้หญิง แค่ครั้งนี้ก็ไม่ได้เหรอ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคตของฉันผูกติดอยู่กับเธอนะ” พี่โอ๊ตอยากจะร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา
หลังจากนั้นเธอก็ตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ลืมที่จะพูดเสริมว่า “พวกเราต้องมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ในสัญญาจำเป็นต้องเขียนให้ชัดเจนว่าต้องดูจากความต้องการของฉันเป็นหลัก ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เซ็น”
“ก็ได้ๆๆๆ ”พี่โอ๊ตรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ใช่คนที่สร้างปัญหาแบบไร้เหตุผลอยู่แล้ว และก็ไม่ใช่คนที่สร้างเรื่องยุ่งยากให้คนอื่นต้องลำบากด้วย ก็เลยรีบตอบรับทันที “ตราบใดที่เธอเต็มใจเข้าร่วมรายการเรียลริตี้โชว์ ต่อให้เธอต้องการดวงดาวบนท้องฟ้า ฉันก็จะเอามาให้”
ญาธิดารู้สึกขำเพราะคำพูดของเขา แล้วก็พูดคุยกันอีกสองสามประโยคแล้วก็วางสาย
เธอมองไปที่ภวินท์ด้วยความสงสัย “ทำไมถึงได้ตอบรับเข้าร่วมโครงการเรียลลิตี้โชว์ด้วยล่ะ? คุณไม่ได้เหมือนคนที่ชอบปรากฏตัวเลยนะ”
“เพื่อบริษัท แล้วก็เพื่อลูกด้วย”ภวินท์ตอบด้วยเสียงเบา
พอได้ยินดังนั้นสายตาของเธอก็ดูไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม
“ความร้อนแรงสามารถขับเคลื่อนหุ้นของบริษัทต่อไปได้ และการที่หุ้นขึ้นราคาก็สามารถทำให้บริษัทพัฒนาต่อไปได้ดีขึ้นอีก”ระหว่างที่เขาพูด สายตาก็มองไปที่อีธานกับเอลล่า
“คุณมักจะกังวลว่าตัวตนของพวกเขาจะมีปัญหา ดังนั้นการเปิดเผยตัวตนของพวกเขาต่อสายตาของสาธารณชนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”
พอภวินท์พูดจบ ญาธิดาก็นึกได้ในทันที
ใช่สิ!ทำไมเธอถึงนึกไม่ได้นะ!
อีธานกับเอลล่าคุ้นเคยกับการเป็นที่รู้จักของคนอื่นอยู่แล้ว แค่เกิดเรื่องนิดๆ หน่อยๆ เรื่องราวมันก็จะขยายไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด และข่าวก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และเธอก็ยิ่งจะมีโอกาสช่วยเหลือเด็กมากยิ่งขึ้น
ยิ่งเด็กทั้งสองคนเป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่ การจะถูกคนที่เดินตามท้องถนนจำได้ก็ยิ่งมากยิ่งขึ้น คนจริงๆ จะมีประโยชน์กว่ากล้องวงจรปิดยิ่งกว่าอีก
พอเป็นแบบนี้ ไม่มีใครสามารถลงมือจุดชนวน “ระเบิดเวลา”ได้ตามอำเภอใจอีกต่อไป
“ภวินท์ คุณนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ เลย!”พอเข้าใจทุกอย่างแล้ว เธอก็พึมพำเบาๆ
เสียงมันไม่ได้เบาหรือว่าดังเกินไปแต่ว่าก็พอได้ยิน เขายกยิ้มมุมปากแล้วก็พูดเบาๆ ว่า“ขอบคุณที่ชมครับ”
“ฉันไม่ได้ชมคุณ!” ญาธิดาพูดไม่ออก
พอทั้งสองคนกินข้าวเสร็จ เธอก็หาเวลาไปที่คฤหาสน์ตระกูลกรเวช พอไม่รับรู้ข่าวสารของอัญมณี จิตใจเธอก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่
แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้เจออัญมณี และก็ไม่ได้เจอธีทัตด้วย เธอไม่ได้แม้แต่เข้าประตูคฤหาสน์ตระกูลกรเวชไปด้วยซ้ำ
มีเพียงแต่สาวใช้ที่ตอบเธออย่างห่างเหินว่า ช่วงนี้คุณผู้ชายเอาแต่ทำงานล่วงเวลาอยู่ที่บริษัท ส่วนเรื่องคุณหนูนั้นเธอก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
ในคืนวันนั้น พอธีทัตได้ยินว่าเธอมา ก็ตั้งใจส่งข้อความหาเธอ แล้วก็บอกเธอว่าตอนนี้อันอันเตรียมตัวไปแสดงคอนเสิร์ต ก็เลยเอาแต่หลบอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน
พอญาธิดาได้รับข่าวคราวนั้น ถึงได้สบายใจขึ้นหน่อย
รายการเรียลลิตี้นี้เผยแพร่ต่อสาธารณชนในรูปแบบการถ่ายทอดสด เมื่อรถติดกล้องมาถึงที่ลานบ้านของตระกูลสถิรานนท์ก็เริ่มถ่ายทอดสดเลย
ภวินท์ช่วยประคองญาธิดาขึ้นไปบนรถติดกล้องอย่างเป็นสุภาพบุรุษ หลังจากนั้นอีธานกับเอลล่าก็ปรากฏตัวขึ้นมาหน้ากล้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...