ขวัญตาไปที่บ้านตระกูลกรเวชเพื่อเยี่ยมอัญมณีที่ถูกควบคุมอยู่ พร้อมกันนั้นจะช่วยคลี่คลายปมในใจของอันอันด้วย คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเดินออกจากประตูไม่ทันไร ก็เห็นญาธิดาที่เดินด้วยฝีเท้าอันรวดเร็ว
ทั้งสองเดินสวนกัน เธอหันหน้าไปร้องเรียกญาธิดาเอาไว้ “คุณญาธิดา”
เมื่อได้ยินเสียง ญาธิดาก็หันกลับไปด้วยความสงสัย เธอไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ ได้แต่ตอบรับอย่างสุภาพ “คุณรู้จักฉันด้วยเหรอคะ”
บนใบหน้าของขวัญตามีรอยยิ้มจางๆผุดขึ้นมา ตอบกลับด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า “คุณเป็นคนที่มีชื่อเสียง และยังเป็นแม่ของเด็กที่น่ารักทั้งสองคนอย่างอีธานกับเอลล่า ฉันรู้จักคุณก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
ญาธิดาพยักหน้าเบาๆถือว่าเป็นการทักทายกับเธอ “ฉันยุ่งนิดหน่อย วันนี้คงไม่มีเวลาคุยด้วย”
เห็นว่าเธอกำลังจะจากไป ขวัญตาค่อยๆพูดขึ้นมาว่า “คุณธีทัตไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว อันอันก็คงออกมาพบคุณไม่ได้”
ได้ยินเรื่องของอันอันจากปากของเธอ ความกระวนกระวายในใจของญาธิดาถูกกระชากออกมา เธอรีบหันกลับไปทางขวัญตาทันที ถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้รู้เรื่องของบ้านกรเวชดีนัก”
รอยยิ้มขมขื่นที่แฝงอยู่ในแววตาของขวัญตาค่อยๆเข้มข้นขึ้น อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ทำสีหน้าให้กลับสู่ความอ่อนโยนเรียบเฉยเช่นก่อนหน้านี้
“ในเมื่อวันนี้คุณก็ไม่สามารถจะพบกับพี่น้องตระกูลกรเวชได้แล้ว ไม่สู้เอาเวลาให้ฉันดีกว่า ฉันอยากจะคุยกับคุณ”
ญาธิดาไม่ได้ปิดบังความสงสัยที่แฝงอยู่ในแววตา มองใบหน้าที่ดูไม่มีพิษภัยของขวัญตาอย่างวิเคราะห์ ในสมองของเธอมีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมา ผู้หญิงยิ่งสวยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหลอกลวงเก่งเท่านั้น
เธอรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจจะเข้ามาตีสนิทเธอ แต่ว่าในเวลาสั้นๆแค่นี้ไม่สามารถเดาได้ว่าจุดมุ่งหมายที่เข้ามาตีสนิทนั้นเพื่ออะไร บางทีอีกฝ่ายอาจมาอย่างไม่เป็นมิตรก็ได้
เธอได้รับบทเรียนจากนิวราไม่น้อยแล้ว หลงเชื่อใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาของนิวราครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนิวราหลอกลวง แน่นอนว่าตอนนี้ย่อมไม่กล้าจะหลงเชื่อผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้
ราวกับเดาความคิดของเธอออก ขวัญตาเอามือถือและกระเป๋ายัดไว้ในมือของเธอ ส่งสายตาให้เธอมองไปยังที่ที่ไม่ไกลนักเห็นพายุกำลังพาคนเข้ามา
พูดยิ้มๆว่า “คนที่ควรจะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตตอนนี้ควรจะเป็นฉัน ไม่ใช่คุณ”
ญาธิดาพยักหน้าเบาๆ เพราะมีเพียงการใกล้ชิดกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้เท่านั้น จึงจะวิเคราะห์ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นมิตรหรือศัตรู
ทั้งสองคนเลือกที่จะเข้าไปนั่งในร้านกาแฟย่านธุรกิจที่ค่อนข้างเงียบร้านหนึ่ง ขวัญตาแนะนำตัวและที่มาที่ไปของตนเองอย่างเปิดเผย เป็นการแสดงออกถึงเจตนาดีต่อญาธิดาก่อน และได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้กับญาธิดาได้รับรู้
นิ้วมือทั้งสิบของญาธิดาค่อยๆถูกกำเอาไว้ สุดท้ายก็กำเป็นหมัดแน่น ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ธีทัตจะกลายเป็นคนที่บ้าคลั่งได้ขนาดนี้
เขาไม่เพียงแต่ทำร้ายขวัญตาที่ไม่มีความผิด ยังทำร้ายอันอันครั้งแล้วครั้งเล่า
“รอยแผลที่แขนของคุณ……”เธอพบเบาะแสด้วยความละเอียดอ่อน และถามเสียงเย็น
เพื่อง่ายต่อการปกปิดรอยแผลของตนเอง ในฤดูใบไม้ร่างที่แสงแดดร้อนขวัญตาได้สวมเสื้อคลุมแขนยาวบางๆตัวหนึ่ง เมื่อครู่ตอนที่คุยกับญาธิดารู้สึกร้อนมาก จึงไม่ทันได้สังเกตว่าแผลนั้นได้ถูกเปิดเผยออกมาโดยไม่รู้ตัว
เธอรีบดึงแขนเสื้อคลุมลง ยิ้มขมและตอบว่า “เป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นในวันที่ดูทีวี ตอนนี้อารมณ์เขาไม่มั่นคง มักจะเกิดความรุนแรงขึ้นมาบ่อยๆ ดีที่สามารถทำให้จิตใจสงบได้โดยเร็ว”
บาดแผลลึกมาก ไม่เหมือนแผลปลอมที่สร้างขึ้นมา
ดวงตาของญาธิดาค่อยๆเคร่งขรึมลง ขณะที่เงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง ในสายตามีแววจริงจังขึ้นมามาก“ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง”
“ในขณะที่คุณถามฉันแบบนี้ ก็แสดงว่าคุณเริ่มเชื่อที่ฉันพูดแล้ว ”ในน้ำเสียงของขวัญตาแฝงไปด้วยความมั่นใจ “เพราะว่าเชื่อฉัน ฉะนั้นจึงได้ให้ฉันแสดงหลักฐานที่จะทำลายความสงสัยของคุณออกมา”
ญาธิดาไม่ได้โต้แย้ง กลับยอมรับในสิ่งที่เธอพูด “คุณฉลาดมาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...