ญาธิดาไม่กล้าให้พายุรู้เรื่องนี้ ฉะนั้นจึงรอให้เขาจากไปแล้ว จึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนบ่ายให้ภวินท์ฟัง
หลังจากภวินท์ฟังจบแล้ว บนใบหน้าไม่มีความรู้สึกใดๆเผยออกมา เธออดที่จะรู้สึกร้อนใจขึ้นมาไม่ได้ “ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอันอันกับธีทัต แต่จะให้ฉันนั่งดูเฉยๆไม่ช่วยอะไรเลยไมได้”
“ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วย”เขาใช้สายตาเย็นชามองเธอ “เรื่องมันรุนแรงกว่าที่ผมคิดเอาไว้”
แม้ว่าตระกูลกรเวชจะมีประวัติความเป็นมานานไม่เท่ากับตระกูลสถิรานนท์ แต่ก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองJ ด้านการป้องกันความปลอดภัยก็คงไม่แย่นัก
การจะขโมยตัวอัญมณีออกมาจากบ้านกรเวช ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายขนาดนั้น
ไม่ว่าจะเป็นการทำเพื่อญาธิดา หรือทำเพื่อพายุ เขาก็จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องของอัญมณี
“คุณแน่ใจหรือว่าจะช่วยอัญมณี”ดวงตาที่มีแววหม่นแสงมองไปที่ร่างของเธอ เอ่ยเตือนด้วยเสียงเย็นว่า “ถ้าทำอย่างนี้ ก็เท่ากับคุณประกาศสงครามกับธีทัตอย่างเป็นทางการ หลังจากนี้พวกคุณ ……”
“เป็นศัตรูก็ไม่เป็นไร”น้ำเสียงของญาธิดาแน่วแน่ผิดปกติ“เขาไม่ใช่ธีทัตที่ฉันรู้จักตั้งนานแล้ว ฉันแค่คิดถึงความเป็นมิตรของฉันกับอันอัน ไม่เกี่ยวกับเขา”
เรื่องราวในวันวานผุดขึ้นมาในสมอง ธีทัตได้ทำเรื่องมากมายทำให้เธอไม่สามารถให้อภัยต่อเขาได้ สิ่งที่เธอติดค้างธีทัตเธอจะใช้วิธีการอื่นในการตอบแทนเขาให้หมด แต่จะไม่ทำเหมือนตอนนี้โดยการเอาบุญคุณตอบแทนความแค้นอย่างเด็ดขาด
ท่าทีที่เย็นชาเคร่งขรึมของภวินท์ที่เป็นมาตลอดทั้งวันในที่สุดก็ค่อยๆดีขึ้นแล้ว
เขาค่อยๆก้าวเขาไปหาญาธิดา เอ่ยเสียงต่ำว่า“เห็นทีคุณไม่ได้ถูกปกปิดจากความจริง”
ปกปิด
ญาธิดานิ่งไป มองเขาด้วยสายตาสงสัย เมื่อลองคิดในสิ่งที่เขาพูดก็ได้สติและรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูด อดไม่ได้ที่จะเผยท่าทีระอาใจออกมา
“ภรรยาเป็นของคุณ ลูกก็เป็นของคุณ ตอนนี้พวกเราอยู่ข้างกายคุณ แต่คุณกลับไม่วางใจ”
ภวินท์ไม่ได้ตอบเธอ หลังจากกระแอมเพื่อเคลียร์เสียงในลำคอแล้วกำลังจะโทรหาพายุ แต่กลับถูกญาธิดาห้ามเอาไว้ทันที
“ฉันแค่อยากจะยืมคนของคุณสักสองคน ขวัญจะร่วมมือกับฉัน ถ้าคุณกับพายุยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้มีแต่จะเป็นการทำให้ธีทัตรู้ทัน ฉันเกรงว่าหากเรื่องจริงถูกเปิดเผยเขาจะโมโหจนทำร้ายอันอันอีก”
ภวินท์เข้าใจในความกังวลของเธอ และไม่โต้แย้งกับเธออีก ตอบเสียงขรึมว่า “คุณพาพยัคฆ์กับพี่เข้มไป พวกเขาได้ฝึกลูกน้องอีกสองคนฝีมือไม่เลวทีเดียว คนหน้าใหม่จะสะดวกกว่าในการรับคำสั่งคุณ”
ในคืนนั้น เธอกับขวัญตาแทบจะไม่ได้นอนเลย ทั้งสองคนวางแผนการของวันพรุ่งนี้ผ่านข้อความโต้ตอบกันไปมา ในขณะเดียวกันเธอก็ได้ติดต่ออัญมณีไปแล้วครั้งหนึ่ง จึงทำให้พอวางใจได้บ้าง
ท้องฟ้าค่อยๆสว่างขึ้นแล้ว ขวัญตาแอบย่องเข้าไปในห้องของอัญมณี
อัญมณีก็นอนไม่หลับ ตอนนี้กำลังขดตัวอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง สองแขนกอดเข่าทั้งสองข้างไว้แน่น ดวงตาที่ไร้ความสดใสมองดวงดาวนอกหน้าต่างที่กำลังเลือนหายไป
“คุณเข้ามาทำไม”เธอไม่เคลื่อนไหว ได้แต่เอ่ยขึ้นถามเบาๆหลังจากได้ยินเสียงเปิดประตู
“คุณไม่นอนจริงๆด้วย……”
ขวัญตาคุ้นเคยกับท่าทีของเธอเช่นนี้แล้ว เข้าไปนั่งลงข้างกายเธอเหมือนเช่นที่ผ่านมา ทำท่าทางเหมือนกับเธอ “ฉันกับญาธิดาได้วางแผนเรียบร้อยแล้ว พวกเราต่างก็นอนไม่หลับ ฉันคิดว่าเธอก็คงจะไม่นอนเหมือนกัน ”
“พวกคุณช่วยเหลือฉันขนาดนี้ ฉันขอบคุณมาก”น้ำเสียงของเธอแหบแห้งอยู่บ้าง เห็นได้ชัดเกิดจากการไม่ได้เอ่ยปากพูดจามาเป็นเวลานาน
ขวัญตามองเธอด้วยสายตาที่เป็นห่วงแวบหนึ่ง ในใจเกิดความรู้สึกขมขื่นและสงสาร ยื่นมือออกไปดึงตัวเธอเข้ามานอนลงบนขาของตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...