“คุณผู้ชาย เมื่อเช้าคุณผู้หญิงเดินเล่นกับคุณหนูอยู่ในสวน จากนั้นก็บอกว่าข้างนอกลมมันแรง ให้ดิฉันไปเตรียมน้ำขิงไว้ให้คุณหนู พอดิฉันเตรียมเสร็จแล้วเดินกลับไปที่สวน คุณหนูก็หายไปแล้ว……”
“เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ แค่คนคนเดียวก็ดูแลไม่ได้”ธีทัตตะคอกอย่างโมโห จากนั้นเสียงเคร่งขรึมก็ถามขึ้นว่า“ขวัญตาล่ะ”
“คุณผู้หญิงก็หายไปเหมือนกัน ……”น้ำเสียงของพี่ส้มยิ่งอยู่ก็ยิ่งเบาลง
เขาวางสายโทรศัพท์ทันที แล้วโทรไปหาขวัญตา ในสายมีเสียง “ตู๊ดๆๆ”ดังขึ้นไม่หยุด แต่ไม่มีคนรับสายสักที จนกระทั่งสายถูกตัดไปเองอย่างอัตโนมัติ โทรติดๆกันหลายครั้งก็ยังคงเป็นอย่างนี้
มีข้อความของหมอกส่งมาในมือถือ “คุณผู้ชาย ผมเจอบันทึกวิดีโอจากกล้องที่กำลังจะเสียครับ”
มุมหนึ่งของกำลังทางด้านหลังเป็นสนามหญ้าที่ไม่ได้ใช้การอะไร ไม่มีใครดูแลเป็นปีๆแล้ว ฉะนั้นกล้องวงจรปิดก็ไม่ได้รับการดูแลมานานเป็นปีแล้วเช่นกัน ปกติแล้วต้องรื้อถอนช่วงปลายปี คิดไม่ถึงว่าจะบันทึกภาพไว้ได้พอดี
คลิปวิดีโอนั้นค่อนข้างมัว บันทึกได้เพียงภาพมุมหนึ่งของข้างกำแพง เงาร่างบอบบางของผู้หญิงสองคนปรากฏขึ้นในจอ แม้จะจับภาพบริเวณใบหน้าของทั้งสองคนไม่ได้ แต่ก็ยังคงสามารถมองออกว่าสองคนนี้ก็คือขวัญตากับอัญมณี
ในคลิปทั้งสองคนหยุดฝีเท้าลง เหมือนกำลังพูดคุยอะไรกัน จากนั้นด้านนอกกำแพงก็มีร่างของคนแปลกหน้าสองคนปรากฏขึ้นดันตัวอัญมณีกับขวัญตาให้พ้นจากกำแพง
เขาหยุดคลิปวิดีโอทันที จับภาพหน้าจอแล้วขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น ในมุมหนึ่งของกล้องมีใบหน้าเรียวยาวครึ่งหนึ่งของชายหนุ่มปรากฏขึ้น
ธีทัตรู้สึกคุ้นหน้าคนคนนี้ นึกทบทวนถึงเพื่อนๆของขวัญตากับอัญมณีทั้งหมด ทันใดนั้นในสมองเขามีชื่อๆหนึ่งผุดขึ้นมา
พยัคฆ์
เป็นพยักฆ์ที่เป็นผู้ติดตามญาธิดา
เขารีบสั่งการให้หมอกไปสืบความเคลื่อนไหวของญาธิดาในช่วงนี้ทันที และเพิ่งรับรู้ว่าไม่กี่วันก่อนญาธิดาเคยมาหาเธอที่บ้านกรเวช แต่ถูกขวัญตาดึงตัวเอาไว้ซะก่อน
“ขวัญตา เธอกล้าหลอกฉัน”เขาโยนมือถือไปยังเบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างแรง จากนั้นนิ้วมือทั้งสิบก็กำลังพวงมาลัยไว้แน่น ในแววตามีความแค้นอย่างเต็มเปี่ยม
ล้อของรถยนต์ที่เสียดสีกับพื้นถนนเสียงดังแหลมบาดหู รถเก๋งสีเมทัลลิกหักโค้งอย่างอันตรายบริเวณสี่แยกกลางถนน ขับมุ่งไปยังคฤหาสน์ของบ้านสถิรานนท์อย่างรวดเร็ว
ป้าจันทร์เดินเข้ามาในห้องรับแขกอย่างร้อนรน มองญาธิดาและภวินท์พร้อมกับรายงานว่า “คุณผู้หญิง คุณธีทัตรอคุณอยู่ด้านนอก สีหน้าเขาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่เลย”
ญาธิดาคิดไว้แต่แรกแล้วว่าเขาต้องมา เหมือนที่ภวินท์เคยบอกเอาไว้ พวกบอดี้การ์ดของบ้านกรเวชนั้นไม่ธรรมดา ไม่ช้าพวกเขาก็ต้องสืบหาจนเจอ ไม่ว่ายังไงก็หนีไม่พ้น
“ฉันรู้แล้ว ให้เขารอฉันอยู่ที่หน้าประตู อย่าปล่อยเขาเข้ามาเด็ดขาด“
ระหว่างที่พูดญาธิดาก็ลุกขึ้นยืน ภวินท์ที่อยู่ข้างๆเธอรีบคว้าแขนเธอไว้ทันที “ผมจะไปกับคุณ”
เธอส่ายหน้า “คุณรอฉันอยู่ที่นี่ ตอนนี้ทุกอย่างต้องคิดถึงอันอันเป็นหลัก การปรากฏตัวของคุณจะทำให้ความขัดแย้งปะทุขึ้นเสียเปล่า เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะใช้ไม้แข็งพาตัวอันอันกลับไป”
ภวินท์นิ่งขรึมไปเล็กน้อย ค่อยๆคลายมือ มองเธอเดินออกไปจากห้องรับแขก จากนั้นก็ค่อยๆเดินไปยังระเบียงบ้าน สีหน้าเย็นชาคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวที่หน้าประตูคฤหาสน์
เดิมทีสีหน้าของธีทัตนั้นเคร่งขรึมจนถึงขีดสุดแล้ว แต่ในเสี้ยววินาทีที่เห็นญาธิดา สีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว
“ธิดา”
เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ยื่นมืออยากจะคว้าแขนของเธอ คิดไม่ถึงว่าญาธิดาจะเบี่ยงตัวเล็กน้อย หลบการเคลื่อนไหวของเขา“คุณธีทัตมาที่นี่มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
ได้ยินคำว่า“คุณธีทัต” ธีทัตไม่ได้โมโหอะไร สีหน้าดูแล้วกลับมีแววขมขื่นอยู่บ้าง “ระหว่างพวกเราต้องผิดใจกันถึงขั้นนี้เชียวเหรอ”
เห็นท่าทีของเขา ท่าทีของญาธิดาก็ค่อยๆอ่อนโยนลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...