ไฟในห้องใต้ดินozoneสว่างจ้า อุปกรณ์ฝึกมากมายหลายอย่างตั้งเรียงรายให้เห็นเต็มตา ทั้งยังมีเสียงดังขึ้นมาเป็นระยะๆ
คนส่วนหนึ่งที่อยู่ในชุดสีดำรัดรูปกำลังประลองฝีมือกันเป็นคู่ๆ อีกส่วนกำลังเล็งศูนย์หน้าปืนเขม็ง
หลุยส์ไร้ซึ่งท่าทีขี้เล่นรักสนุกอย่างที่เคยเป็น สายตาทอแววกระหายเลือดและดุดัน จดจ้องหญิงสาวสองคนตรงหน้า “เข้ามา”
ญาธิดากับอลิสาสบตากัน จากนั้นก็ออกหมัดโจมตีเขาพร้อมกันอีกครั้ง สองนาทีต่อมา ร่างกายผอมบางของทั้งสองคนก็ร่วงลงบนพรมข้างๆ
“ฝีมืออย่างนี้ยังคิดว่าตัวเองจะสามารถ “จบหลักสูตร” จากozoneอย่างราบรื่นเหรอ? กลับไปดูแลสวนที่บ้านดีๆเถอะไป” หลุยส์สะบัดข้อมือ พร้อมพูดแขวะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
อลิสากับญาธิดาไม่ได้ตอบอะไร บนตัวของทั้งสองคนมีแต่รอยแดงและรอยฟกช้ำ แต่กระนั้นก็ยังฝืนค้ำยันร่างกายยืดตัวตรงเผชิญหน้ากับเขา
เสียงหวานใสของทั้งสองคนดังขึ้นมา อลิสาก้าวยาวๆเข้าไปหาเขา และพุ่งกำปั้นใส่บริเวณท้องของเขา หลุยส์ยกมือข้างหนึ่งตั้งรับ อีกมือหเตรียมจะสกัดจับข้อมือของเธอ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะเบี่ยงข้อมือหลบ แล้วแบมือสับคอเขา
ญาธิดาผสมโรงด้วยการจิกแขนทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ตอนที่เขากำลังจะยกเท้าจู่โจมเธอก็ชิงถีบก่อน
ข้อเท้าของทั้งสองสัมผัสกัน ดวงตาของญาธิดาฉายแววสนุก จากนั้นก็โน้มตัวลงไปจับข้อเท้าของเขาเอาไว้ สายตาของหญิงสาวทั้งสองสอดประสาน หลังจากนั้นก็ออกแรงผลักร่างของเขาไปข้างหลังอย่างพร้อมเพรียง
หลุยส์ล้มลงบนพื้นจนเกิดเสียงตุบอย่างหมดสภาพ
“ลูกไม้เดิมๆ ฝึกไม่กี่ครั้งก็จับทางได้แล้ว” ญาธิดาปัดมือ เหลือบภวินท์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างตื่นเต้น
ภวินท์พยักหน้าให้อย่างพึงพอใจ ก้าวเดินช้าๆมาหยุดอยู่ข้างทั้งสองคน “สองวันมานี้ทำได้ดีมาก จะถือว่าพวกคุณจบหลักสูตรของบทเรียนแรกแล้วกัน”
“จะถือว่า?” เธอขมวดคิ้วเบาๆ
“หลุยส์ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในทีม วันต่อๆไปพวกคุณจะได้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้อีก” ภวินท์ตอบกลับอย่างขรึมๆ
ครั้งนี้หลุยส์ล้มแรงพอสมควร เขาแยกเขี้ยวเดินมาอยู่ข้างภวินท์ “ฝีมือผู้หญิงสองคนนี้โหดจริงๆ ไม่แปลกใจที่จรณ์จะถูกใจพวกเธอ”
อลิสามองแผลเล็กแผลใหญ่บนตัวของตัวเองและญาธิดา จากนั้นก็แขวะหลุยส์ออกมาว่า “นายทารุณพวกฉันจนมีสภาพแบบนี้ จะไม่ให้โหดได้ยังไงไหว”
“นั่นก็เพราะสภาพร่างกายของพวกเธอไม่ถึงเกณฑ์ยังไงล่ะ”
ภวินท์กวาดตามองเขาอย่างคาดโทษ จากนั้นก็เอ่ยพูดว่า “นี่แค่เริ่มต้น ถ้ารับไม่ไหวถอนตัวตอนนี้ยังทัน”
“ไม่มีทาง” อลิสากับญาธิดาตอบกลับพร้อมกัน “วิน โอกาสนี้ฉันได้มาเพราะความสามารถของฉันเอง จรณ์ให้โอกาสฉันมาขนาดนี้แล้ว ฉันไม่มีทางถอยกลับเด็ดขาด”
“งั้นก็พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้จะได้เริ่มการฝึกบทเรียนที่สอง” ภวินท์พูดจบ ก็หันหลังเดินออกไปจากห้องใต้ดิน
อลิสาเห็นอย่างนั้นก็อดที่จะเอาศอกทุ้งแขนญาธิดาไม่ได้ กระซิบเสียงเบาว่า “ช่วงนี้วินท์ของแกดุจังเลย กินยาผิดมาเหรอ?”
“ดุ?” หลุยส์ได้ยินก็อดที่จะยิ้มเยาะออกมาไม่ได้ “วินท์ไม่อยากให้ญาธิดาเข้ามาในozoneยังไงล่ะ ที่ให้เธออยู่ที่นี่ก็เพราะเคารพการตัดสินใจของเธอทั้งนั้น แล้วจะมาปั้นหน้ายิ้มให้เธอได้ยังไงกัน”
อลิสาถลึงตาใส่เขา พร้อมหยิกเข้าที่เอวของเขาอย่างแรง กัดฟันพูดว่า “ไม่พูดก็ไม่มีใครว่านายเป็นใบ้หรอกนะ ทำไมปากพล่อยแบบนี้”
ในตอนนี้เองหลุยส์เพิ่งได้เห็นว่าญาธิดามีสีหน้าไม่ดีแค่ไหน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋าสองกล่องแล้วยัดใส่มือเธอกล่องหนึ่ง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยาหรือแผลของเธอสาหัสเกินไป มันเจ็บจนเธอต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกัดริมฝีปากไว้แน่น
ภวินท์พยายามเบามือให้ได้มากที่สุด เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องดูแลตัวเองให้ดี”
ญาธิดามองเขานิ่งๆ สายตาเต็มไปด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด “คุณไม่โกรธฉันแล้วเหรอ?”
“ผมคิดมาแล้ว” เขาเอ่ยพูดเสียงนิ่ง “แม้ว่าเป้าหมายในการเข้ามาในองค์กรของเราจะแตกต่างกัน แต่การตัดสินใจเหมือนกัน พอคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเราเลยเข้าใจได้ง่ายขึ้น”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ญาธิดาก็รู้สึกใจเหลว เธอจึงโถมตัวเข้าสู้อ้อมกอดของเขาอย่างไม่ลังเล เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงดีใจว่า “ขอบคุณนะ ภวินท์”
ภวินท์ไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งสองจึงล้มลงบนเตียงพร้อมกัน มือหนาวางแหมะอยู่บนเอวบางของเธอ ลมหายใจของเขาค่อยๆหนักหน่วงและถี่กระชั้นขึ้น เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้นมาว่า “คุณมีแผล อย่าเล่นกับความอดทนของผมในเวลานี้”
ญาธิดามองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ และในตอนนี้เองเธอก็ได้เห็นความปรารถนาที่กำลังเริ่มก่อตัวในดวงตาของเขา
บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนกรุ้มกริ่มขึ้นเรื่อยๆ ในห้องเงียบจนได้ยินแต่เสียงลมหายใจของกันและกัน
แก้มของเธอค่อยๆแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จงใจไม่ทรงตัวเอาไว้ จนทั้งร่างแนบซบอยู่กับแผ่นอกของเขา เมื่อได้ยินเสียงใจที่กำลังเต้นรัวเร็ว ก็เอ่ยถามทั้งๆที่รู้ว่า “แผล? แผลตรงไหน?”
มือที่วางอยู่บนเอวของเธอกระชับแน่น สำรวจมองตามเสื้อผ้าของเธออย่างกระสับกระส่าย ลมหายใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นพระอิฐพระปูนหรือไง?”
เธอเอียงคอมองเขาพร้อมเอ่ยแซวออกมา จากนั้นก็ยื่นแขนทั้งสองข้างออกไปคล้องคออีกฝ่ายเอาไว้อย่างรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร พร้อมกับส่งสัมผัสร้อนๆจากริมฝีปากให้แก่เขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...