พอเห็นสีหน้าของพราวฟ้าดูดีขึ้นเล็กน้อย ผู้จัดการก็พูดโน้มน้าวขึ้นมาอย่างระมัดระวัง “ที่รัก คุณก็ต้องให้เกียรติกับคุณลีบ้างเหมือนกันนะ ตราบใดที่ภาพยนตร์ปีใหม่เข้าฉายแล้ว ปีหน้าทั้งปีคุณจะต้องกวาดรางวัลเพียบแน่นอน”
เธอได้ยินแบบนั้นก็ลังเลอยู่สองวินาที พูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยแน่ใจ “จริงเหรอ?”
ดาราที่เดบิวต์แล้วก็ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดเลยทันทีแบบเธอ มีกระแสเป็นที่พูดถึงอยู่แล้ว ตั้งแต่ดาราแนวหน้าในประเทศจนไปถึงดาราในวงการบันเทิงระดับนานาชาติ จำเป็นต้องมีรางวัลเพื่อที่จะเป็นสะพานไต่เต้าขึ้นไป
เช่น “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมที่สุด” “นักแสดงหญิงที่เป็นขวัญใจมหาชน” “บุคคลสาธารณะที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งปี” อะไรพวกนี้ ต่างก็มีส่วนช่วยต่ออนาคตในภายภาคหน้าของเธอทั้งนั้น
“แน่นอน!” ผู้จัดการตบขาตัดสินใจทันที รีบพูดขึ้นมา “ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำตอนนี้ ก็คือต้องเอาlee Tongให้อยู่ ให้เกียรติกับเขาสักนิด ที่เขาเข้มงวดกับคุณนิดหน่อย ก็เพราะว่ากำลังช่วยให้คุณได้รับผลกำไรมหาศาลอยู่นะ”
พราวฟ้าอึ้งตะลึงไปก่อนจะหลุดขำออกมา “ที่พูดมาก็ถูกเหมือนกัน เดี๋ยวเอากระเช้าไปให้กับเขา บอกว่านี่เป็นการแสดงความขอโทษของฉัน เรื่องนี้ถือว่ามันผ่านไปแล้วก็แล้วกัน”
ผู้จัดการก้มหน้าโก้งโค้งให้กับเธอทันที ราวกับว่ากำลังขอบคุณความใจกว้างเอื้ออาทรของเธอ “อีกเดี๋ยวผมจะไปโทรศัพท์หานักลงทุน ให้เขาช่วยพูดโน้มน้าวกับคุณลี ว่าพรุ่งนี้ช่วยอ่อนโยนกับคุณสักหน่อย อีกอย่าง……”
“พรุ่งนี้คุณใหญ่อยากจะเชิญคุณฟ้าไปทานอาหาร พูดคุยปรึกษาถึงเรื่องเนื้อหาของงานในวันพรุ่งนี้ของคุณสักหน่อย” ผู้จัดการสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความสับปลับ
พราวฟ้าจ้องมองเรือนร่างที่เย้ายวนคนของตัวเองในกระจก ยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจ “ตอบคุณใหญ่ไปว่า พรุ่งนี้ฉันจะไม่ทำให้เขาผิดหวังแน่นอน”
ใจกลางบ้านพักของตระกูลสถิรานนท์ ญาธิดาเอาบรรดาโรงเรียนที่คัดกรองเอาไว้เรียบร้อยแล้วมาวางไว้บนโต๊ะ ยื่นไปตรงหน้าของอัญมณี
“ฉันคิดแล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆ คนอื่นต่างคิดหาวิธีอย่างถึงที่สุด พยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะส่งลูกเข้าไปในโรงเรียนเอกชนนานาชาติ แต่ดูเธอสิ เลือกโรงเรียนระดับล่างที่สามารถเปรียบเทียบกันได้ตั้งเป็นกองพะเนิน แถมยังต้องเข้าเรียนชั้นอนุบาลล่วงหน้าก่อนหนึ่งปีอีกด้วย”
ญาธิดายิ้มออกมาอย่างหมดหนทาง เปิดดูเรซูเม่ของหลายๆ โรงเรียนพร้อมกับพูดตอบ “โรงเรียนพวกนี้ต่างก็เป็นโรงเรียนดีๆ จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนของเมือง Jทั้งนั้น ทางด้านของหลักสูตรอบรมครูไม่ได้แย่ไปกว่าโรงเรียนเอกชนนานาชาติ ฉันให้เธอช่วยฉันวางแผนให้ ไม่ใช่ให้มาวิจารณ์ติเตียน”
เหมือนกับที่อันอันบอก คนที่มีเงินมีอำนาจส่วนใหญ่ล้วนแต่ส่งลูกเรียนในโรงเรียนที่ดีกว่า ดังนั้นความกดดันทางการแข่งขันของพวกเด็กๆ จะต้องสูงมากแน่นอน แถมโรงเรียนพวกนี้นอกจากความรู้ทางวิชาการแล้ว ยังสอนสิ่งอื่นๆ อิงตามครอบครัวให้กับเด็กอีกด้วย
โรงเรียนแบบนี้ก็คือแวดวงธุรกิจขนาดย่อมนั่นเอง มีแวดวงธุรกิจที่ไหนก็หนีไม่พ้นแผนการเจ้าเล่ห์เพทุบายที่นั่น ถึงยังไงหัวหน้าครอบครัวเป็นแบบไหนลูกก็จะเป็นแบบนั้น
เธอไม่คาดหวังให้อีธานและเอลล่าได้มาสัมผัสกับความดำมืดของแวดวงนี้เร็วเกินไป ดังนั้นโรงเรียนที่ธรรมดาทั่วไปจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“แถมอีธานและเอลล่าก็อายุแค่ห้าขวบ แทบจะไม่ถึงอายุที่ต้องเข้าเรียนเลยด้วย การวางแผนจนถึงช่วงระหว่างอนุบาลกับประถมก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร การเรียนการศึกษาต้องวางรากฐานให้มั่นคงสิถึงจะถูก” เธอมองอันอันพร้อมกับพูดขึ้น
อัญมณีกลอกตามองบนไม่พูดไม่จา พูดติเตียนออกมาอย่างไร้ความเมตตา “ยีนของลูกๆ ตระกูลพวกเธอนี้ ยังต้องวางรากฐานที่ดีอีกเหรอ?”
เธอพูดพลาง หยิบกระดาษปากกาขึ้นมา เขียนโจทย์คณิตศาสตร์ลงไปสองสามข้อ แบ่งให้กับสองพี่น้องที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ “ให้แม่ได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของพวกหนูสักหน่อยสิ”
อีธานและเอลล่ารับกระดาษมาอย่างเชื่อฟัง ท่านั่งยืดตัวตรง เวลาแค่ชั่วพริบตาก็ตอบโจทย์คำถามที่อันอันเตรียมเอาไว้ให้จนเสร็จหมดทุกข้อ
ญาธิดาเอามือกุมหน้าผากด้วยสีหน้านิ่งเฉย จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเลือกคนที่มาช่วยวางแผนกลยุทธ์ผิดแล้ว การเรียกอันอันมาช่วยดูเหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แม่สาวคนนี้นอกจากจะมาเพิ่มความน่ารำคาญให้กับเธอแล้ว ยังไม่ช่วยอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวอีกด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...