Amaya Hotel ในวันนี้ไม่ได้ครึกครื้นเอิกเกริกเหมือนแต่ก่อน เพราะเป็นงานเลี้ยงภาครัฐ จึงไม่เหมือนงานเลี้ยงธุรกิจที่ผ่อนคลาย
เสียงเพลงที่ฟังสบายดังขึ้นในห้องจัดเลี้ยง ท่ามกลางการสังสรรค์ ผู้คนในชุดสูทและรองเท้าหนังต่างก็ก้มหน้าก้มตากระซิบกระซาบกัน
ญาธิดากับนิธิศยืนเคียงข้างกัน โดยที่ทั้งสองรักษาระยะห่างไว้ ราวกับยังมีความรู้สึกเหินห่าง ในมือของเธอถือน้ำผลไม้ ทุกคนที่มาชนแก้วต่างถูกนิธิศกันท่า
มีหลายคนที่อยู่ข้างๆ หยอกล้อเยาะเย้ย
“ปกติเห็นคุณนิดไม่เคยคบเพื่อนต่างเพศ ยังคิดว่าเขาเป็นคนบ้างานเสียอีก คิดไม่ถึงว่าหัวใจมีเจ้าของแล้ว”
“เรื่องของคุณธิดาพวกเราก็พอจะรู้เรื่องมาบ้าง เป็นคนแวดวงไหนก็มักจะอยู่ในแวดวงนั้นจริงๆ พวกท่านสองคนสามารถเป็นเพื่อนกันได้ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล”
“วันนี้เราสามารถเห็นความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจกับภาครัฐ ก็ถือเป็นบุญตาแล้ว คุณนิดกับคุณธิดาหากมีข่าวดีอะไร ก็อย่าลืมพวกเรานะ”
คำพูดหลายคนมีความหมายในการประจบประแจงนิธิศ แม้แต่การนำพวกเขาสองคนเชื่อมโยงกันแล้วมาเป็นหัวข้อสนทนา
ญาธิดาได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วรู้สึกอึดอัดในใจ ยกแก้วขึ้นเชิงขออภัย แล้วชี้นิ้วไปยังพื้นที่พักผ่อนที่อยู่ข้างๆ นิธิศจึงรีบหาเหตุผลให้เธอ และพาเธอไปพักผ่อนข้างๆ
จนกระทั่งเสร็จสิ้นการสังสรรค์กับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างเสแสร้งแล้ว เขาถึงได้กลับมาที่ด้านข้างของญาธิดา “เมื่อกี้ตรงไหนที่พวกเขาเสียมารยาทกับคุณ คุณอย่าได้เก็บนำมาใส่ใจเลยนะครับ ล้วนเป็นคที่คุ้นเคยกับผม ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด”
ญาธิดาพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ต่อคำพูดจากเขา แต่สีหน้าที่ไม่พอใจนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน “เรื่องที่ฉันรับปากกับคุณนิดได้ทำแล้ว คุณไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อเถอะค่ะ ไม่ต้องมาดูแลฉันเป็นพิเศษหรอกนะคะ”
นิธิศได้ยินดังนั้น ความไม่พอใจในดวงตาก็จางหายไปในทันที เมื่อมองมาทางเธออีกครั้ง เธอยังคงรักษาความถ่อมตนและท่าทางที่สง่างาม จึงตอบกลับเบาๆ ไปหนึ่งประโยค “หากว่าเจอกับเรื่องที่ยุ่งยาก อย่าลืมเรียกผมนะ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูแล้วผ่อนคลายมาก แต่สีหน้าของญาธิดากลับไม่รู้สึกอบอุ่น สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ จากนั้นก็หยุดอยู่ร่างในชุดสีเหลือง ใต้ดวงตาเป็นประกายขึ้น
ในเวลานี้ ผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงยาวสีเหลืองสดใสกำลังรายล้อมไปด้วยสตรีผู้สูงศักดิ์ นอกจากสตรีที่อยู่ตรงกลางมีสีหน้าที่ดูค่อนข้างแย่ สตรีคนอื่นๆ ดูสีหน้าแล้วค่อนข้างไม่เลว
ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครที่กล้าส่งเสียงเอะอะ แต่ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลม ก็จะสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ไม่มีใครกล้ายุ่งก็เท่านั้น
ญาธิดาค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ จนได้ยินการสนทนาของคนเหล่าอย่างชัดเจน
“ได้ยินว่าสองสามวันก่อนหน้านี้คุณประวีร์ยังไปอยู่กับดาราดังอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงพาอีแก่นี้ออกงานล่ะ”
“คุณประวีร์ช่างใจดีจังเลย ไม่น่าเชื่อจะยืนหยัดมาถึงตอนนี้โดยไม่หย่ากับเธอ ฉันยังรังเกียจเลยที่พาอีแก่อย่างเธอออกมาให้อับอาย”
“ใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าคุณประวีร์ภายนอกนั้นแต่งตัวดูดีมีภูมิฐาน เรื่องการทอดทิ้งภรรยาแบบนี้ แน่นอนว่าไม่มีทางเปิดเผย ไม่แน่พวกเขาสองคนอาจจะหย่ากันตั้งนานแล้วก็ได้”
เมื่อสิ้นสุดเสียงลง ก็มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยตามมา
ญาธิดากำแก้วไวน์ไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าลึกและเดินม่ที่ด้านข้างของคุณๆ เหล่านี้ ฝืนยิ้มขึ้นอย่างสดใสแล้วกล่าวเบาๆ “ไม่ทราบว่ากำลังทำอะไรกันอยู่คะ”
กลุ่มสตรีจึงมองมาทางเธอ ใบหน้าของแต่ละคนล้วนมีความระวังไม่มากก็น้อย และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วนี่เธอเป็นใครกัน”
“ญาธิดา” เธอยกแก้วเหล้าขึ้น แล้วกล่าวต่อ “ภรรยาของภวินท์ สถิรานนท์ค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...