นิธิศลูกศีรษะเด็กน้อยอย่างพอใจ ก่อนจะเอามืออ่อนระทวยของเด็กน้อยยัดเข้าไปในฝ่ามือของญาธิดา
เมื่ออลิสาได้เห็นต้นกล้าอีกครั้งสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที การบำบัดจิตกินเวลาเต็ม ๆ กว่าสี่ชั่วโมง แต่ผลลัพธ์กลับไม่ดีเท่ากับครั้งที่แล้ว เขาเพียงแค่ไม่ต่อต้านที่จะสื่อสารกับคนอื่นแต่ยังไม่ยอมเอ่ยปากพูดกับใคร
อารมณ์ของเขาดูไม่มั่นคงเอามาก ๆ ระหว่างการรักษายังมีช่วงที่เขาประหม่ามากจนฉี่ราดกางเกง ญาธิดาทำได้เพียงแค่เปลี่ยนกางเกงที่อีธานซื้อมาใหม่ใส่ให้แทนไปก่อน
“ยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอ?” ญาธิดาทำหน้าผิดหวัง
อลิสากระซิบอีธานกับเอลล่าให้พาต้นกล้าออกไปเล่นข้างนอกก่อน
ภายในห้องส่วนตัวเหลือเพียงหญิงสาวสองคน เธอมองญาธิดาด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอบอกว่าทุกครั้งหลังจากที่ต้นกล้าเข้ารับการรักษาไม่ใช่แค่อาการไม่ดีขึ้น แถมยังแย่ลงยิ่งกว่าเดิมทุกครั้ง?”
“คุณนิดบอกแบบนั้น” น้ำเสียงของญาธิดาฟังดูไม่มั่นใจ แต่ยังไงเธอก็ไม่ใช่แพทย์มืออาชีพ ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าปฏิเสธ
อลิสาครุ่นคิดก่อนจะค่อย ๆ จับมือเธอไว้แล้วย้ำกับเธอทีละคำว่า “ธิดา ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีประสบการณ์ทางคลินิก แต่ฉันสามารถใช้การศึกษาตลอดหลายปีของฉันรับประกันได้เลยว่าตอนนี้ทั้งในและต่างประเทศยังไม่เคยมีอาการป่วยแบบนี้มาก่อน”
“เธอหมายถึง...” ความเย็นยะเยือกคืบคลานเข้ามาในใจของเธอ
งานวิจัยด้านการแพทย์ของอลิสานั้นไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน การที่เธอลงความเห็นแบบนี้ แสดงว่าข้อสงสัยในเรื่องนี้เธอมั่นใจแล้วแปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
ทำไมนิธิศต้องจงใจทำร้ายลูกชายของตัวเอง การที่อาการป่วยของต้นกล้าแย่ลงซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันมีผลดีอะไรต่อเขา?
เธอเองก็เป็นแม่คน เธอคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าคนเป็นพ่อแม่จะโหดเหี้ยมพอที่จะทำร้ายลูกของตัวเองได้
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนโลกใบนี้คืการเป็นพ่อแม่คนไม่ต้องผ่านการสอบนี่แหละ เมื่อความปรารถนาของบุคคลนั้นมีมากกว่าคุณธรรมศีลธรรม เขาก็จะกลายเป็นปีศาจที่ร้ายกาจทันที”
ริมฝีปากสีแดงเชอรี่ของอลิสาพูดขึ้น เธอจิบน้ำผลไม้บนโต๊ะ ก่อนจะพูดเตือนสติเธอว่า “ไม่ใช่ว่าฉันจะมองอะไรไม่ออกนะ เพราะเขาก็ไม่ได้บิดบังความทะเยอทะยานที่อยากจะได้เธอใจจะขาด มันชัดเจนจนใคร ๆ เขาก็มองออกทั้งนั้น”
ไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญอย่างเธอที่มองออก แม้แต่อีธานกับเอลล่าก็มองออกเหมือนกัน ขนาดต้นกล้ายังมองออกเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ IQ ทำงานตลอดเวลาอย่างภวินท์เลย
“ฉันคิดว่าฉันพูดชัดเจนและตรงไปตรงมามากพอแล้วนะ” น้ำเสียงของญาธิดาปะปนไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
อลิสามองเธอเหมือนมองคนโง่ ถึงขนาดออกแรงบิดที่ขาของเธออย่างแรงพยายามทำให้เธอได้สติ
“กับลูกแท้ ๆ เขายังลงมือได้ถึงขนาดนี้ แต่เธอกลับไปถามหาเหตุผลจากคนสมองผิดปกติแบบเขา ถ้าใจเขารู้จักผิดชอบชั่วดี เขาก็ควรจะรู้จักหลีกเลี่ยงผู้หญิงที่มีสามีแล้วสิ แต่ไม่ใช่การรอให้เธอปฏิเสธเขาอย่างเปิดเผยแบบนี้”
คำพูดของอลิสาเหมือนน้ำเย็น ๆ ราดลงบนศีรษะของญาธิดา มันช่วยดึงสติและทำให้เธอสงบลงทันที เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ ปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ยิ่งขุดหาลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้หวาดกลัวมากเท่านั้น
ยิ่งเห็นท่าทางกระวนกระวายใจของเธอสีหน้าของอลิสายิ่งไม่น่าดูเข้าไปใหญ่ ฉะนั้นเมื่อเธอเอ่ยปากพูดอีกครั้งวิธีการพูดของเธอจึงใช้ไหวพริบมากขึ้นกว่าเดิม
“นี่ก็เป็นแค่การสันนิษฐานของฉันเท่านั้น เพราะยังไงฉันก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เธอลองคิดหาวิธีสืบดูเองแล้วกัน เพราะนิธิศคนนี้...”
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง พลางเหลือบมองปฏิกิริยาของญาธิดาอย่างระมัดระวัง และพูดอย่างไม่มั่นใจ “ฉันมองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่”
“แม้แต่เธอยังมองต้นสายปลายเหตุอะไรไม่ออกเลยเหรอ?” ญาธิดาตกใจมาก
ในสถานการณ์แบบนี้แต่อลิสาก็ยังอดกลอกตาใส่เธอไปทีไม่ได้ ก่อนจะพูดอธิบายอย่างจนปัญญา “ฉันเป็นแค่จิตแพทย์นะไม่ใช่หุ่นยนต์ แล้วฉันก็ไม่มีเทคโนโลยีหรือความสามารถในการอ่านใจคนด้วย
การเคลื่อนไหวและการแสดงออกเพียงเล็กน้อยสามารถสะท้อนจิตใจของคนคนหนึ่งได้ และมันสามารถชี้ทิศทางในการวิเคราะห์ให้ฉันได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...