ญาธิดารู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจโดยไม่มีเหตุผล เธอดึงต้นกล้าเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างใจเย็น พลางเตือนตัวเองอยู่ในใจว่าให้ใจเย็นและผ่อนคลายให้มากที่สุด อย่าทำให้นิธิศจับได้เด็ดขาด
จะรักษาต้นกล้าให้หายได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการแสดงออกของเธอ ถึงเวลาต้องแสดงทักษะการแสดงของเธอแล้ว
ความคิดไร้เหตุผลมากมายผุดขึ้นมาในใจ เมื่อเผชิญหน้ากับนิธิศท่าทางของเธอยังคงเหมือนเดิมอย่างที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าคราวนี้บนใบหน้าแฝงไว้ด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
“คุณนิด คุณหมออลิสาพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็เหตุผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่อไปอาจจะต้องพาต้นกล้ามาที่นี่บ่อย ๆ”
ดวงตาของนิธิศหรี่ลงเล็กน้อยและนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อญาธิดาเห็นแบบนั้นความรู้สึกแรกของเธอบอกว่าเขากำลังเสแสร้ง
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็ทำหน้าฮึดสู้ขึ้นมาใหม่ แถมยังปลอบใจญาธิดาอีกว่า “ผมชินกับผลลัพธ์แบบนี้แล้วล่ะครับ คุณก็ไม่ต้องลำบากใจไปหรอก ในเมื่อสามารถเปลี่ยนต้นกล้าได้หนึ่งครั้ง ก็ย่อมสามารถเปลี่ยนเขาได้เป็นครั้งที่สอง พวกเราต้องเชื่อในตัวเขา”
ญาธิดาพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
เขายกแขนขึ้นเล็กน้อยและขณะที่กำลังจะโอบไหล่ของเธอ น้ำเสียงเคร่งขรึมของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากไม่ใกล้ไม่ไกล “ถ้ารู้ว่าเป็นทางผ่านคงพาเธอมาด้วยกันแต่แรก”
น้ำเสียงที่แสนจะคุ้นเคยทำให้ญาธิดาตกใจและหันกลับไปมองทางต้นเสียงทันที
แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดเขาคือคนที่เธอคุ้นเคยมากที่สุด
ภวินท์ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ยืนอยู่ข้าง ๆ หลุยส์ ออร่าปกคลุมไปทั่วบริเวณ ความเย็นชาในสายตาของเขาระเบิดออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ความอ่อนโยนในดวงตาของนิธิศสลายหายไปทันที และเมื่อมองสบตากับภวินท์ แววตาของทั้งคู่ก็ประกาศความเป็นศัตรูออกมาอย่างเต็มที่
เขาไม่เพียงแต่ไม่คิดจะก้าวเข้าไปหา แถมยังทำตัวสบาย ๆ ราวกับว่ากำลังอวดอะไรบางอย่างกับภวินท์อยู่ยังไงอย่างนั้น
“นี่คุณภวินท์ไม่รู้เหรอครับว่าผมกับธิดามีนัดกันล่วงหน้าแล้ว? ธิดานี่ทำอะไรสะเพร่าจังเลยนะครับ ถ้าเผื่อสร้างความเข้าใจผิดขึ้นมาล่ะแย่เลย”
นัยน์ตาของภวินท์เผยประกายที่ทำเอาหนาวเข้ากระดูกออกมาครู่หนึ่ง และเมื่อหันมองเขาอีกครั้งสีหน้าของเขาก็กลับไปเฉยเมยเหมือนเดิม และตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ผมฟังอยู่แล้ว”
ไม่สำคัญ...
เมื่อได้ยินเสียงผ่อนหายใจเบา ๆ ของภวินท์ ปลายนิ้วของก็บีบรัดแน่นโดยไม่รู้ตัว จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าการเสแสร้งโกหกมันใช้ไม่ได้ผลกับภวินท์
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ญาธิดารู้สึกว่าบรรยากาศดูแปลก ๆ ไป และกลัวว่าภวินท์จะเข้าใจผิดเธอจึงรีบกระโดดเข้าไปคล้องแขนเขาไว้ พลางพูดเหมือนกำลังอธิบายเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง
“ฉันพาต้นกล้ามารักษากับอลิสาที่นี่ แต่เด็ก ๆ สามคนนั่งอัดกันในรถอันตรายเกินไป ก็เลยต้องให้คุณนิดพาลูกมาเอง ถ้ารู้ว่าคุณจะมาฉันคงไม่รบกวนคุณนิดต้องลำบากมาด้วยแบบนี้หรอก”
นิธิศเรียกเธอว่าธิดาอย่างสนิทสนม แต่เธอกลับเรียกเขาว่าคุณนิด เพียงแค่ความแตกต่างในการเรียกชื่อมันก็พอที่จะอธิบายทุกอย่างได้แล้ว
ขณะที่เธอกำลังพูด ภวินท์ก็ถือโอกาสกุมมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ข้างลำตัว พลางเล่นแหวนแต่งงานที่อยู่บนนิ้วนางของเธอเหมือนไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่านี่เป็นเพียงการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขาเท่านั้น
“ผมมาคุยเรื่องงานกับหลุยส์” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เมื่อกี้เห็นอีธานกับเอลล่าตรงระเบียงทางเดินถึงได้รู้ว่าคุณ ‘ใจดีช่วยเหลือ’ พาคนอื่นมาที่นี่”
เมื่อญาธิดาได้ยินดังนั้นก็เหลือบมองไปทางเด็กน้อยทั้งสองคล้ายกำลังถามว่าทำไมถึงไม่ยอมบอกเธอล่วงหน้า เอลล่าเบ้ปากทำไร้เดียงสา เมื่อกี้เธออยากจะบอกคุณแม่แล้วแต่ว่ามันไม่มีโอกาสได้บอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...