ศึกครั้งนี้ญาธิดาชนะได้อย่างสวยงาม ถึงแม้ว่าTIDA Studioจะไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้แล้ว แต่เธอก็สามารถรักษาSTN Groupเอาไว้ได้
พวกสายในบริษัทถูกกำจัดจนสิ้นซากในคราวเดียว ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าร้อยละ 3 หลังจากเธอซื้อหุ้นเธอจึงกลายเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในสถานการณ์วุ่นวายครั้งนี้
เพียงแต่ว่าเมื่อเธอได้รู้ข่าวของภวินท์หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งเดือน
“ขอโทษนะธิดา วินถูกกลุ่มชายแดนซุ่มโจมตีระหว่างทางกลับ พวกเราพยายามตามหาเขาอย่างเต็มที่แล้วแต่กลับไม่พบข่าวอะไรเลย” น้ำเสียงเคร่งขรึมของจรณ์ดังขึ้นกลางห้องรับแขกของบ้านพัก
แก้วชาในมือของญาธิดาร่วงลงพื้นดัง “เพล้ง” ตามด้วยเศษแก้วลายครามที่แตกกระจายอยู่ตามพื้นห้อง เธอได้แต่โบกมือปัดป่ายไปมาด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนที่เขาจะไปปฏิบัติภารกิจ พวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อยก็จริง แต่ไม่เห็นต้องเอาเรื่องแบบนี้มาโกหกกันแบบนี้เลย”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ปะปนไปด้วยเสียงร้องไห้ แต่ใบหน้าของเธอกลับยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส “ครึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาก็ทำงานหนักมามากแล้ว ให้เขารีบกลับมาพักผ่อนเถอะ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกต่อหน้าเขา...”
แม้ว่าเธอจะรู้ว่าจรณ์ไม่เคยพูดโกหกก็ตาม
“ธิดา ozoneเคยรับปากกับเขาไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะดูแลครอบครัวของพวกเธอ” จรณ์ถอนหายใจอย่างลำบากใจ
“ครอบครัว?”
เธอหัวเราะเบา ๆ ทว่าแววตากลับแหลมคมราวกับคมมีดจับจ้องมองไปที่เขา “คุณบอกฉันสิว่าไม่มีภวินท์แล้วมันจะเป็นครอบครัวได้ยังไง?”
“นี่คือสิ่งที่ฉันรับปากเขาเอาไว้ พวกเราจะทำตามที่สัญญาเอาไว้แน่นอน”
ญาธิดามองด้วยสายตาคมกริบ “นั่นเป็นเรื่องของคุณกับเขา ไม่เกี่ยวกับฉัน! คำสัญญาระหว่างฉันกับเขา ฉันต้องการให้เขามาเคลียร์กับฉันด้วยตัวเอง!”
“ธิดา...”
จรณ์ยังอยากจะพูดอะไรต่อ ญาธิดาลุกขึ้นยืนพร้อมตะโกนเสียงดัง “ป้าจันทร์ ส่งแขก!”
ทันทีที่พูดจบเสียงสะอึกสะอื้นก็ดังระงมไปทั่วห้องรับแขก
อีธานกับเอลล่ายืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่มุมบันไดอยู่พักใหญ่ก่อนจะวิ่งเข้ามากอดเธอ สองมือเล็ก ๆ ช่วยเธอเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า พร้อมพูดปลอบโยนเธอด้วยเสียงไร้เดียงสา
ญาธิดามองเด็กทั้งสองในอ้อนแขนด้วยน้ำตาคลอเบ้า จู่ ๆ ใบหน้าคมคายของภวินท์ก็ปรากฏขึ้นมาในสายตาของเธอ
สีหน้าของเธอเปลี่ยนสีทันที ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางโดยไม่รู้ตัวพลางร้องครวญครางเสียงดังลั่น “เขาไม่ได้เป็นอะไรหรอกใช่ไหม พ่อรักพวกหนูขนาดนี้จะทิ้งพวกหนูไปได้ยังไง!”
“แม่คะ...” เอลล่ากำแขนเสื้อของพี่ชายไว้แน่นพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “คุณพ่อไม่มีทางทิ้งพวกเราไปแน่ หนูกับพี่ชายจะรอคุณพ่อกลับมาเป็นเพื่อนแม่เองค่ะ”
อีธานกัดริมฝีปากแน่น เขาเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทางโดยไม่พูดอะไรก่อนที่น้ำตาจะรินไหลอาบแก้มลงมาทีละหยด ๆ
หลังจากนั้นมาเธอก็เอาแต่ปิดกั้นตัวเองอยู่ในห้องทำงานของท่านประธาน นอกจากเรื่องงานเธอก็ไม่พบเจอใครอีกเลย แม้แต่อีธานกับเอลล่าก็ไม่มีข้อยกเว้น ส่วนพายุก็ถูกเธอมอบหมายให้เป็นผู้จัดการของบริษัทลูก
เอกสารทั้งหมดที่ถูกส่งเข้าไปในห้องทำงานถูกส่งกลับออกมาในสภาพเดิม มีเพียงเลขาคนใกล้ชิดคนใหม่คนเดียวเท่านั้นที่จะออกมาแจ้งข่าวว่าภายในห้องทำงานมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งกับขวดไวน์ที่ว่างเปล่า
......
สองปีต่อมา
ญาธิดานั่งสบาย ๆ อยู่บนโซฟาในห้องทำงานของท่านประธาน มองไปยังหัวเล็ก ๆ ที่อยู่หลังกองเอกสารด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม หาได้ยากกว่าจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แต่ดันถูกเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมารบกวนซะก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...