สีหน้าของภวินท์นั้นดูเย็นชา ญาธิดารู้สึกได้ถึงความหึงหวงในน้ำเสียงของเขา แล้วก็รู้สึกว่ามันน่าขำดี แล้วก็พูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เอลีมีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว การที่เขาจะไปเมือง J ก็เพื่ออีกฝ่ายหนึ่งอยู่แล้วละ”
พอได้ยินญาธิดาอธิบายแบบนั้น แขนของภวินท์ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ว่าสายตายังซ่อนสิ่งที่ยากจะคาดเดาเอาไว้
ญาธิดาเหลือบมองด้านข้าง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครมองตัวเองอยู่ ก็เขย่งเท้าแล้วก็หอมแก้มภวินท์อย่างรวดเร็ว
“หายโกรธแล้วใช่ไหม?”
แววตาของภวินท์เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงมองหน้าเธอ แล้วก็จูบอย่างดุเดือดลงไปบนริมฝีปากที่บอบบางของญาธิดา สายตาเต็มไปด้วยความต้องการ
จนถึงตอนที่ญาธิดาเริ่มหายใจไม่ออก ภวินท์ถึงได้ยอมปล่อยเธอ และยกยิ้มมุมปาก “หายโกรธละ”
ญาธิดารู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาจากรอบๆ ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมาทันที เธออายที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ก็เลยจูงมือภวินท์เดินเข้าไปข้างใน
อัญมณีนับร้อยเรียงรายอยู่ในนิทรรศการ และที่สะดุดตาที่สุดคือมงกุฎเจ้าหญิง ซึ่งยุโรปยกย่องว่าเป็นสมบัติของชาติ
วันนี้คนในโถงนิทรรศการนั้นไม่เยอะเท่าไหร่ ญาธิดาก็เลยสามารถเข้าไปใกล้ตู้โชว์ได้ง่ายๆ และได้เพลิดเพลินกับความงามของมงกุฎอย่างใกล้ชิดผ่านกระจกกั้น
ภายใต้แสงไฟที่ส่องประกาย มงกุฎที่ประดับด้วยเพชรนับไม่ถ้วนและมรกตขนาดใหญ่ส่องประกายเจิดจ้า และญาธิดาอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า “สวยมาก”
ภวินท์โอบเอวของเธอเอาไว้ และพูดด้วยเสียงที่น่าดึงดูด “คุณชอบเหรอ?”
ญาธิดากะพริบตา แล้วก็พูดจาหยอกล้อว่า “ทำไม จะซื้อให้ฉันเหรอ?”
แน่นอนว่าเธอรู้ดีอยู่แล้ว ว่าของวิ่งนี้เป็นสมบัติประจำชาติของยุโรป และมันไม่ใช่สิ่งของที่จะสามารถซื้อขายได้อย่างแน่นอน
เธอมองดูมงกุฎที่สวยงามอย่างใกล้ชิด แล้วหลังจากนั้นก็หันความสนใจไปที่อัญมณีอื่นๆ
ห้องนิทรรศการไม่ใหญ่มากนัก และทั้งสองก็ออกมาหลังจากเยี่ยมชมในงานได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...