"เดี๋ยวก่อน ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอ!" ไป๋มู่ชิงดึงตัวเธอไว้
เหยาเหม่ยหงุดหงิดแล้วมองบนให้ "ฉันคิดว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว พอแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ฉันรับประกันว่าครั้งหน้าจะไม่ปากโป้งเรื่องเธออีกไม่ว่า เขาจะพูดยังไงก็จะไม่เด็ดขาด"
พอเห็นเธอไม่พูดอะไร เหยาเหม่ยก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ "งั้นเธอจะเอายังไง"
"คืนนี้เลี้ยงชาบูฉัน"
"ได้เลย ขอแค่เธอไม่กลัวร้อน"
"ฉันไม่กลัว" ไป๋มู่ชิงสายหัว เมื่อเช้านี้ได้ยินผู่เหลียนเหยาบอกว่าจะไปกินชาบู อยู่ๆเธอก็รู้สึกอยากกินขึ้นมา นี่ก็ไม่ได้กินมาเกือบครึ่งปีแล้ว
"ได้ ฉันก็กำลังอยากกินพอดี" เหยาเหม่ยยิ้มอย่างดีใจแล้วคล้องแขนเธอเดินออกจากร้านไป
เมื่อผู้ช่วยเหยียนทำธุระเสร็จก็กลับไปที่ออฟฟิศก็เที่ยงพอดี เมื่อเดินผ่านสำนักเลขา เลขาแต่ละคนก็ทักทายเธออย่างมีมารยาท
ผู้ช่วยเหยียนหันไปพยักหน้าตอบรับให้ แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง แต่พอเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหันเดินไปทางผู้หญิงอีกคนนึง
"ผู้ช่วยเหยียน มีอะไรหรือเปล่าคะ?" เลขาหลินเห็นว่าเธอเดินมาหา แล้วรีบลุกทักขึ้น
ในวันปกติถ้าไม่มีเรื่องอะไร เลขาเหยียนก็จะไม่พูดอะไรกับพวกเธอมาก ถึงจะเป็นเวลาพักเที่ยงก็เถอะ
ผู้ช่วยเหยียนเดินมายืนนิ่งต่อหน้าเธอแล้วยิ้มอ่อนกับเธอ "ฉันจำได้ว่าครั้งก่อนพวกเธอดูนิตยสารเกี่ยวกับคนท้อง นิตยสารยังอยู่หรือเปล่า?"
เลขาหลินไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่อยู่เธอถึงถามขึ้นแล้วตอบไปเสียงเบาว่า "ยังอยู่ค่ะ……พวกเราดูแค่ตอนเวลาพักเที่ยง เวลาอื่นพวกเราไม่ได้ดูนะคะ"
"ยืมให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?" ผู้ช่วยเหยียนพูด
เลขาอึ้งไป ผู้ช่วยเหยียนที่ไม่เคยเสียเวลาแม้แต่ดูหนังสือพิมพ์ในห้องทำงานแต่กลับยืมนิตยสารของเธอแถมยังเป็นนิตยสารเกี่ยวกับคนท้องด้วย?
"ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันหาให้นะคะ" เลขาหลินรีบก้มลงไปหานิตยสารในลิ้นชักแล้วรีบหยิบขึ้นยื่นให้เธอไป
"ขอบใจ" ผู้ช่วยเหยียนรับนิตยสารไปแล้วกวาดมองไปที่ท้องน้อยที่นูนขึ้นเล็กน้อยของเธอแล้วเอ่ยว่า "ฉันจะพยายามขอให้คุณชายเฉินให้วันหยุดลาคลอดเธออีกสักสองเดือน"
"ขอบคุณนะคะผู้ช่วยเหยียน" เลขาหลินยิ้มอย่างดีใจแล้วเอ่ยตามหลังเธอไป
เดิมที่บริษัทหนานกงก็ให้วันหยุดมากกว่าบริษัทอื่นไปแล้วสามเดือนถ้าให้วันหยุดเธออีกสองเดือนก็แสดงว่าเธอก็สามารถกลับบ้านไปเตรียมคลอดได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย
"ดูสีหน้าได้อกได้ใจของเธอสิ ไม่ใช่ว่าท้องลูกของคุณชายเฉินแล้วเตรียมตัวที่จะได้เป็นคุณหญิงหรอก?" เลขาหลิ่วที่ไม่ถูกกับผู้ช่วยเหยียนเอ่ยขึ้นตามมาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
"ระวังปากเธอด้วย" เลขาหลินใช้มือแตะไปที่หน้าเธอเบาๆ "ภัยออกจากปาก รู้หรือเปล่าว่าถ้าปล่อยข่าวลือผลกระทบที่ตามมาจะเป็นอะไร?"
เมื่อเลขาหลิ่วเห็นว่าผู้ช่วยเหยียนมายืมนิตยสารคนท้องไปดู ก็ฟันธงเลยว่าเธอท้องลูกของคุณชายเฉินแน่แน่ ในใจก็ยิ่งอิจฉาเธอขึ้นไปกว่าเดิม แล้วพูดเสียงต่ำว่า "ทั้งบริษัทนี้ ไม่มีใครไม่รู้หรอกว่าผู้ช่วยเหยียนกับคุณชายเฉินเป็น……"
"ชู่ว……" เลขาหลินไม่อยากมีปัญหายเยอะ ก็รีบทำท่าทางให้เธอหยุดพูดไป "ถ้าเธอจะเม้าท์มอย เธอไปคุยกับคนอื่นเถอะ ฉันไม่อยากฟัง"
"อย่ามาหาฉันด้วย ฉันไม่อยากโดนไล่ออกหรอก" เลขาอีกสองคนก็รีบพูดขึ้นทันที
ไม่ว่าเจ้านายคนไหนก็คงมีอะไรบางอย่างกับเลขาไม่ก็ผู้ช่วยกันทั้งนั้น แถมผู้ช่วยเหยียนไม่ว่าจะการศึกษา หน้าตาหรือหุ่นก็ดีทั้งนั้น ถึงเธอจะมีอะไรกับคุณชายเฉินก็คงไม่แปลก
กว่าจะขึ้นมาจนถึงตำแหน่งนี้ได้ไม่ง่าย พวกเธอแค่อยากรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ แต่การรักษาตำแหน่งนี้ไว้สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือทำให้เยอะแล้วพูดให้น้อย
ผู้ช่วยเหยียนเคาะประตูห้องทำงานของหนานกงเฉินแล้วเดินเข้าไป แล้วยื่นเอกสารในมือไปวางที่บนโต๊ะเขา "คุณชายเฉินคะ นี่เป็นสัญญาที่เพิ่งแก้ไขใหม่ คุณดูว่ามีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่าคะ"
"วางไว้ก่อน" หนานกงเฉินกำลังก้มดูเอกสารอีกเรื่องตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น
หลังจากที่ผู้ช่วยเหยียนวางเอกสารลง แต่ไม่ได้เดินออกจากห้องไปเหมือนแต่ก่อนเธอกลับจ้องมองไปที่เขาแล้วเอ่ยขึ้น "คุณชายเฉิน ฉันรบกวนเวลาคุณสักนิดได้ไหมคะ?"
"เรื่องอะไร?" เขาก็ยังก้มหน้าเหมือนเดิม
"คุณดูนี่ก่อนสิคะ" ผู้ช่วยเหยียนยื่นนิตยสารในมือไปให้เขา น้ำเสียงและท่าทางก็ยังคงมีมารยาท
หนานกงเฉินวางเอกสารในมือลง ยื่นมือไปแล้วกวาดสายตาไปที่นิตยสารจากนั้นก็ขมวดคิ้วเข้มแถมยังประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงดูนิตยสารแบบนี้ในบริษัทแถมยังเอามาให้เขาดูด้วย
"เธอจะให้ฉันช่วยเธอเลือกเสื้อผ้า?" เขาถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
"คุณชายเฉินคะ เมื่อกี้ฉันเจอคุณหญิงน้อยที่ร้านกาแฟแต่ฉันกลับเห็นว่าเลขาหลินในสำนักงานเลขาใส่ชุดดูดีกว่าเธออีก คุณคิดว่าแบบนี้สมควรหรอคะ?" ผู้ช่วยเหยียนพูด
เมื่อกี้เธอเจอไป๋มู่ชิงที่ร้านกาแฟก็มองออกเลยว่าชุดที่เธอใส่นั้น ดูไม่พอดีตัวกับเธอแถมยังจับแต่งมั่วซั่วกันไปหมด
"คุณเจอเธอที่ร้านกาแฟ?"
"ใช่ค่ะ"
"เธออยู่กับใคร"
"คุณชายรองตระกูลหลิน" สีหน้าของหนานกงเฉินเปลี่ยนไปเลขาเหยียนเลยรีบยิ้มขึ้นที่มุมปาก "ดูสิ ตัวเองไม่เอ็นดูดีดียังไม่ให้ผู้ชายคนอื่นเอ็นดูอีก นี่เป็นนิสัยเสียของผู้ชายที่มีเงินอย่างพวกคุณ"
"สรุปเธออยู่กับใครกันแน่?"
"คนเดียวค่ะ เธอบอกว่านัดเพื่อนไว้" ผู้ช่วยเหยียนใช้นิ้วชี้ไปที่รูปภาพบนนิตยสาร "ฉันขีดชุดสวยๆในนั้นไว้หลายชุด ถ้าคุณดูแล้วไม่ติดไม่มีปัญหาอะไรเดี๋ยวฉันจะจองแทนคุณเองค่ะ"
หนานกงเฉินมองกวาดไปที่นิตยสารคนท้องอีกรอบ ในนั้นสวยทุกชุด แต่ว่า……เขาเงยหน้าขึ้นจ้องไปที่ผู้ช่วยเหยียน "นี่คุณกำลังบังคับให้ผมซื้อเสื้อผ้าให้เธอ?"
"คุณชายเฉินคะ นี่คือคำแนะนำ ไม่ใช่บังคับค่ะ"
"ไม่จำเป็น" หนานกงเฉินพูดพร้อมกับปิดนิตยสารลง แล้วพูดว่า "ในมือเธอมีบัตร ถ้าเธอขาดเสื้อผ้าเดี๋ยวคงไปซื้อเองได้"
ซื้อเสื้อผ้าให้เธองั้นหรอ? เรื่องตอนเช้าที่เขาโดนปฏิเสธเขายังเคืองอยู่ในใจ
อุตส่าห์ใจดีชวนเธอไปดินเนอร์ด้วยกันแต่เธอกับแสดงสีหน้าแล้วปฏิเสธเขา คนที่ยอมถอยก้าวคือเขา คนที่ใจดีกับเธอก่อนก็เป็นเขา เธอจะเอายังไงอีก?
"คุณชายเฉิน คุณแน่ใจว่าจะไม่เอาซื้อหรอคะ?" ผู้ช่วยเหยียนถามขึ้นอีกรอบ
"ผมแน่ใจ" หนานกงเฉินตอบอย่าหงุดหงิด
ผู้ช่วยเหยียนพยักหน้าไปแล้วหยิบนิตยสารหันหลังเดินออกจากห้องทำงานเขาไป
หนานกงเฉินคิดว่าตัวเองปฏิเสธได้ชัดเจนอย่างเด็ดขาด เขานึกมาตลอดว่าผู้ช่วยเหยียนเป็นคนที่ทำงานได้เด็ดขาด ไม่วอกแวกอะไรแถมยังเชื่อฟังเขาทุกอย่างด้วย
ทำไมครั้งนี้……
มองไปที่ถุงช้อปปิ้งที่วางอยู่หลังรถแล้วโลโก้ที่คุ้นเคยบนถุงเหล่านั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นกำลังจะโทรออก
"พี่ชาย กลับมาแล้วหรอ?" นิ้วของหนานกงเฉินที่กำลังจะกดโทรออกหยุดลงแล้วเก็บโทรศัพท์กลับไปแล้วหันหลังไปยิ้มกับเซิ่งซิน
"เอ๋ วันนี้เป็นวันอะไรเนี่ย? ทำไมพี่ชายถึงซื้อของเยอะขนาดนี้?" เซิ่งซินทำหน้าประหลาดใจแล้วเดินเข้าไปค้นดูถุงช้อปปิ้งที่หลังรถแล้วพูดว่า "เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ซื้อให้พี่สะใภ้หมดเลยหรอคะ? เสื้อผ้าแบรนด์นี้เหมือนจะแพงมากเลยนะคะ ใช่ไหมพี่สะใภ้"
เธอหยิบหนึ่งในถุงช้อปปิ้งนั้นขึ้นแล้วแกว่งไปที่ผู่เหลียนเหยาที่ยืนอยู่ข้างหลัง
ผู่เหลียนเหยาก็มองไปที่ถุงเหล่านั้น พอได้ยินเซิ่งซินพูดขึ้นก็รีบพยักหน้า "ใช่ค่ะ เสื้อผ้าแบรนด์นี้แพงมาก พี่ชายดีกับพี่สะใภ้จังเลย"
หนานกงเฉินเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า ดูเหมือนว่าคงไม่ต้องโทรออกแล้ว แล้วของพวกนี้ก็คืนกลับไปไม่ได้ด้วย
"พี่ชายคะ เดี๋ยวพวกเราช่วยพี่ถือเข้าไป" เซิ่งซินพูดพร้อมขนถุงออกมาแล้วนำถุงบางส่วนยัดไปที่มือของผู่เหลียนเหยาส่วนตัวเองก็ถืออีกสองสามถุงในมือด้วย "ไปเถอะ เข้าไปกัน"
เมื่อทั้งสองคนขึ้นไปถึงชั้นสองก็เห็นไป๋มู่ชิงกำลังแกว่งดินสอในมือไปมาอย่างเบื่อเบื่อ พอเห็นทั้งสองถือถุงเล็กถุงใหญ่เข้าไปก็รีบวางสมุดกับดินสอลงแล้วลุกขึ้น
"พี่สะใภ้ดูสิพี่ชายซื้อเสื้อผ้ามาให้พี่เยอะเลย" เซิ่งซินยื่นเสื้อผ้าไปวางไว้ต่อหน้าไป๋มู่ชิง
"ยังมีอีก" ผู่เหลียนเหยาก็วางถุงช้อปปิ้งในมือลงบนโซฟาแล้วพูดยิ้มยิ้มว่า "พี่สะใภ้ดูสิคะว่าพี่ชายดีกับพี่แค่ไหนพวกเราอิจฉาแย่เลย"
"พี่ก็อย่ามัวแต่อิจฉาพี่สะใภ้เลย พี่ชายหนูก็ดีกับพี่จะตายไป" เซิ่งซินพูดยิ้มยิ้ม
"แต่พี่ชายเธอไม่เคยซื้อเสื้อผ้าให้ฉันเยอะขนาดนี้มาก่อน" ผู่เหลียนเหยาพูดขึ้นพร้อมจัดเสื้อผ้าในมือไปด้วย "พี่สะใภ้คะ เสื้อผ้าพวกนี้ดูสวยมากเลย พี่รีบไปลองใส่ให้พวกเราดูหน่อยสิ"
มองไปที่ถุงช้อปปิ้งประมาณเจ็ดแปดถุงนั้น ใบหน้าก็ประหลาดใจเล็กน้อย เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้……หนานกงเฉินซื้อให้หรอ? วันนี้เขาเป็นบ้าอะไรน่ะ?
ตอนเช้าอยู่อยู่ก็ชวนเธอไปดินเนอร์ด้วยกันแล้วตอนนี้ก็ยังมาซื้อเสื้อผ้าให้เยอะขนาดนี้อีก เขาเป็นอะไรของกันแน่?
"ร่างกายฉันไม่สะดวกพวกเธอก็อย่าทำให้ฉันลำบากเลย ไว้อีกหน่อยตอนฉันใส่พวกเธอค่อยดู" เธออย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ในเมื่อเธอพูดอย่างนี้แล้ว ผู่เหลียนเหยาก็ไม่อยากให้เธอลองอีกเลยยิ้มพร้อมกับเก็บเสื้อผ้ากลับไปในถุง "ก็ได้ งั้นไม่ลำบากพี่แล้วกัน"
เมื่อเซิ่งซินเห็นว่าหนานกงเฉินเดินเข้ามาจากประตูเลยกระตุกชายเสื้อของผู่เหลียนเหยา ทั้งสองมองหน้ากันแล้วผู่เหลียนเหยาก็รีบพูดขึ้นว่า "งั้นพี่สะใภ้คะพวกเราไม่รบกวนพี่แล้ว"
พูดจบทั้งสองก็เดินออกจากห้องนอนของไป๋มู่ชิงไป
ไป๋มู่ชิงไม่สังเกตุเห็นเลยว่าหนานกงเฉินเดินเข้ามา เธอนั่งอยู่บนโซฟาแล้วลื้อดูป้ายราคาของเสื้อผ้า เสื้อผ้าแต่ละตัวแพงจนทำให้เธอปวดใจ
ไม่พูดถึงราคา ทุกชุดดูดีแล้วสีสันสวยงาม จับไปก็นุ่มลื่นสบายมือนี่สินะที่ดรียกว่าคุณภาพสมกับราคาจริงๆ
"ไม่ชอบเหรอ?" หนานกงเฉินนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามเธอแล้วมองสำรวจเสื้อผ้าบนตัวเธอ ก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ไป๋มู่ชิงสะดุ้งถังตกใจไปแล้วรีบเก็บเสื้อผ้าในมือลงถุงแล้วพูดว่า "ความจริงไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าให้ฉันเยอะขนาดนี้ก็ได้"
"ผู้ช่วยเหยียนเป็นคนเลือกซื้อให้" หนานกงเฉินรีบพูดขึ้นว่าไม่เกี่ยวกับเขา
เพราะว่าวันนี้เขาถูกปฏิเสธไปรอบหนึ่งแล้วเลยไม่อยากขายหน้าอีกจนเขาไม่กล้าที่จะเอ่ยด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...