เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 103

ถึงแม้เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นบ่อย แต่ทุกครั้งที่คุณหญิงเห็นก็รู้สึกเสียใจ ท่านยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนหน้าแล้วพูดอย่างเป็นห่วงว่า "เป็นอะไรไป? โรคไม่กำเริบนานแล้วหนิ ทำไมคืนนี้กลับมากำเริบอีก"

คุณหมอหวงมองไปที่หนานกงเฉินที่นอนอยู่บนเตียงแล้วพูดอย่างลังเลว่า "คือ……ผมก็ไม่แน่ใจ"

"หรือว่าเป็นเพราะอาหารการกินช่วงนี้ของพี่ชายคะ?" ผู่เหลียนเหยาที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นแล้วรีบพูดเสริมว่า "หรือว่าเป็นเพราะชาบูที่พี่ชายกินคืนนี้?"

คำพูดของผู่เหลียนเหยาทำให้ใจของไป๋มู่ชิงตกวูบแล้วต้องหันมองไปที่หนานกงเฉินอีกครั้ง หรือว่าเป็นเพราะชาบูคืนนี้จริงๆ?แค่ชาบูมื้อเดียวมีผลกระทบกับเขาขนาดนี้เลยหรอ?

ความความรู้สึกกลัวแล้วก็ความรู้สึกผิดก็พุ่งขึ้นมาในใจทันทีแต่จะเสียใจตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วชาบูคุณหญิงขมวดคิ้วแล้วกวาดมองไปที่ทุกคนวันนี้ไปกินชาบูเค้าไปกับใครทุกคนในห้องเงียบไปชั่วขณะรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้เหมือนรู้สึกว่าตัวเองทำผิด เซิ่งเคอเซิ่งซินมองสบตากันแล้วไม่เอ่ยอะไรออกมา

คุณหญิงเลยหันไปทางผู่เหลียนเหยา "นี่มันเป็นยังไงกันแน่?"

ผู่เหลียนเหยาเก็บมือลงแล้วพูดติดๆขัดๆว่า "คือ……หนูแค่เดามั่วมั่วค่ะ"

"เดามั่วมั่วหรอ?" คุณหญิงใช้สายตาขู่บังคับมองไปทางไป๋มู่ชิง "เธอล่ะ? คืนนี้เธอกินข้าวกับเฉิน พวกเธอกินอะไรกันแน่?"

ไป๋มู่ชิงรับรู้ถึงสายตาที่แหลมคมของคุณหญิงจนต้องสูดหายใจเข้า ถึงจะสัญญากับหนานกงเฉินไว้แล้ว แต่เรื่องเป็นแบบนี้คงปิดบังต่อไม่ได้

เธออ้าปากเอ่ยว่า "คุณย่าคะ คืนนี้คุณชายทานชาบูจริงค่ะ"

"เธอว่าอะไรนะ?" คุณหญิงอุทานขึ้นอย่างโมโหจนเดินไปฟาดไม้เท้าลงบนตัวเธอ: "พี่เหอไม่เคยบอกเธอเหรอว่าเฉินแตะบุหรี่เหล้าของเผ็ดไม่ได้ยิ่งกินชาบูไม่ได้ด้วย?"

ไป๋มู่ชิงตกใจจนเซหลบไปข้างๆ

ไม้เท้าของคุณหญิงไม่ได้ฟาดลงมา เพราะเซิ่งเคอกับผู่เหลียนเหยาห้ามท่านไว้

ผู่เหลียนเหยารีบพูดขึ้นว่า "คุณย่าคะ พี่สะใภ้ท้องอยู่คุณย่าตีไม่ได้นะคะ"

"แค่ท้องจะอะไรหนักหนา? ทำแท้งเลยสิดีที่สุด!" คุณหญิงไม่ได้คาดหวังให้เด็กคนนี้คลอดอยู่แล้ว ก็คงไม่เห็นใจเด็กแล้วให้อภัยกับการกระทำของเธอหรอก

"ใช่ค่ะคุณย่า พี่สะใภ้อาจจะแค่ลืมไป คุณย่าอย่าอารมณ์เสียเลยนะคะ" เซิ่งซืนเดินไปทางไป๋มู่ชิงแล้วยืนบังเธอไว้

"ลืมเหรอ? ดูสิเธอทำให้เฉินจนเป็นยังไง!" คุณหญิงไม่มีทีท่าว่าจะหายโกรธเลยพร้อมชี้ไปที่หนานกงเฉินที่นอนอยู่บนเตียง "เฉินไม่เคยกินอาหารขยะพวกนี้ แต่ทำไมแค่แต่งเธอเข้ามาเขาถึงเปลี่ยนไปล่ะ? จะให้ฉันวางใจแล้วให้เธอดูแลเฉินแทนได้ยังไง?"

ไป๋มู่ชิงรีบยกมือขึ้นปกป้องท้องตัวเองไว้ แล้วหลบหลังเซิ่งซินพร้อมเอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด "ขอโทษค่ะคุณย่า หนูไม่คิดว่าเรื่องจะรุนแรงขนาดนี้ หนู……"

"ตอนที่โรคเฉินกำเริบเป็นยังไงเธอไม่ใช่ไม่เคยเห็น ทุกครั้งที่กำเริบก็ยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก ทุกครั้งสามารถเอาชีวิตเขาไปได้เข้าใจไหม?" คุณหญิงบ่นระบายออกมาแล้วใช้ไม้เท้าชี้ไปที่เธอ "แล้วเธออีก คนท้องอย่างเธอไปกินชาบูได้ยังไง? อยากจะให้เด็กพิการไปกว่านี้เหรอ? เธอ……"

ยิ่งด่าอารมณ์คุณหญิงก็ยิ่งขึ้นจนเกือบจะเป็นลมไป

"คุณย่าใจเย็นๆนะคะ พี่ชายไม่เป็นอะไรแล้วหนิคะ?" ผู่เหลียนเหยาพยุงตัวคุณหญิงไปนั่งที่โซฟา

คุณหญิงเพิ่งนั่งลงก็ยันตัวลุกขึ้นพูดกับไป๋มู่ชิงว่า "ไป เธอไปคุกเข่าที่ห้องโถงบรรพบุรุษจนถึงบ่ายพรุ่งนี้ไป"

เมื่อไป๋มู่ชิงได้ยินคำว่าห้องโถงบรรพบุรุษก็ลนลานขึ้นมาแล้วส่ายหัวว่า "หนูไปไม่ได้ค่ะคุณย่า ให้หนูอยู่ดูแลคุณชายเถอะค่ะ"

ตอนนี้เธอกำลังท้องอยู่ จะไปที่ที่น่ากลัวอย่างนั้นได้ยังไง จะคุกเข่าทั้งวันทั้งคืนได้ยังไง?

เธอรู้ว่าคำขอร้องของตัวเองคงไม่ได้ผล เพราะคุณหญิงไม่เคนฟังคำขอร้องใครเลย สุดท้ายคุณหญิงก็เอ่ยขึ้นมา "ไม่จำเป็น!"

"คุณย่าคะ……!"

"ไสหัวไป!" คุณหญิงรำคาญคำพูดของเธอเลยพูดแทรกขึ้นมา หลังจากที่พูดจบก็ย้ำกับคุณหมอหวงว่าให้ดูแลหนานกงเฉินดีๆจากนั้นก็หันหลังเดินเข้าห้องไป

เมื่อไป๋มู่ชิงเห็นว่าคุณหญิงสั่งขาดแล้วก็ไม่คิดที่จะขอร้องต่อ ดูไปบนเตียงที่หนานกงเฉินนอนนิ่งอยู่ ในใจก็รู้สึกเสียใจ ไม่คิดเลยว่าแค่ชาบูมื้อเดียวจะทำให้เขาเป็นถึงขนาดนี้

ผู่เหลียนเหยาเดินไปต่อหน้าเธอด้วยสีหน้ารู้สึกผิดพร้อมขอโทษ "ขอโทษนะคะพี่สะใภ้ หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูแค่อยากให้คุณหมอควงประเมินอาการถูก หนู……"

เธอรู้สึกผิดจนไม่รู้จะพูดยังไงต่อ ไป๋มู่ชิงก็ยิ้มพลางขึ้น "ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ ฉันผิดเอง ฉันดูถูกโรคของคุณชายเอง"

"แต่ว่า……" เธอเงยหน้าขึ้นไปมอง "เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกับเฉินไปกินชาบู?"

เธอกับหนานกงเฉินตัดสินใจอย่างกะทันหันเรื่องชาบู พอกลับมาก็แยกย้ายกลับห้อง เธอไม่ได้บอกกับใคร หนานกงเฉินก็ไม่มีทางบอกกับคนอื่นด้วยสิ

เซิ่งเคอรีบเอ่ยขึ้น "เป็นอย่างนี้ครับ คืนนี้ผมกับเหลียนเหยาก็ตกลงจะไปกินชาบูข้างศูนย์วัฒนธรรมเหมือนกัน พอเห็นรถพี่ชายจอดอยู่เลยไม่อยากไปรบกวนพวกพี่"

"ขอโทษนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ" สีหน้าของผู่เหลียนเหยาก็ยังรู้สึกผิดอยู่

ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะมองไปที่หนานกงเฉินแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป

กลับมาที่ห้องโถงบรรพบุรุษนี้อีกครั้ง ไป๋มู่ชิงยังไม่ได้ก้าวเข้ามาก็รู้สึกกลัวแล้ว

หลังจากเกิดเรื่องครั้งก่อนที่เธอแอบเข้ามาในห้องโถงบรรพบุรุษคนใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็เฝ้าระวังเธอมากขึ้น ทั้งสองสบตากันแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า "คุณหญิงน้อยครั้งก่อนคุณตกใจจนเป็นลมเลยไม่ใช่หรอครับ? ทำไมยังกล้ามาอีก?"

ใบหน้าทั้งสองแสดงสีหน้าเอื้อมระอากับเธอเพราะว่าทำงานมาที่นี่มานาน ไม่เคยเจอใครที่อยากเข้ามาที่นี่มาก่อน เป็นครั้งแรกที่เจอคนอย่างไป๋มู่ชิงที่ไม่เข็ดสักที

ไป๋มู่ชิงมองไปที่สีหน้ากลัวของพวกเขาด้วยความรู้สึกผิด ครั้งก่อนคงทำให้พวกเขาตกใจมากเหมือนกันหละสิ? แถมยังทำให้พวกเขาถูกหนานกงเฉินลงโทษอีก

"พวกเธอวางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันถูกลงโทษ ไม่ใช่ตั้งใจเหมือนครั้งก่อน" เธอพูด

ให้ความกล้าเธออีกสักกี่ครั้งเธอก็ไม่กล้าวิ่งเข้ามาในนี้เหมือนครั้งก่อนหรอก

ในห้องโถงนี้ก็มีเทียนไม่กี่เล่มอยู่เหมือนเดิม รอบๆมืดมัวไปหมด เงียบสงัดจนสามารถได้ยินเสียงของเทียนที่กำลังเผาไหม้ได้

ไป๋มู่ชิงจงใจระวังไปทางประตูไม้มุมขวานั่นก็เห็นว่าบนประตูมีกุญแจล็อกอยู่หลายชั้นอาจจะเพราะล็อกเพิ่มขึ้นไปหลังจากครั้งนั้น

ปัญหาก็มาแล้วสิ งั้นเธอสลบไปที่ฟ้องโถข้างหน้าหรือข้างหลังล่ะ? สิ่งที่เธอเห็นทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝัน จนตอนนี้เธอยังงงงวยทำความเข้าใจไม่ได้

แต่ตอนนี้เธอไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้แล้วเพราะถ้าเด็กคลอดเมื่อไหร่เธอก็จะจากที่นี่ไป ถึงเวลานั้นเธอกับหนานกงเฉินก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ความลับของตระกูลหนานกงก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก

เธอหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หาเบาะรองมาแล้วคุกเข่าลงไป

ขอให้คืนนี้ไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นอีก ขอให้คืนนี้ผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว

แต่ว่าไม่ว่าเธอจะภาวนายังไง จะปลอบตัวเองยังไง แต่สภาพแวดล้อมรอบๆที่น่ากลัวนี้ก็ทำให้เธอขนลุกแล้วเหงื่อก็ไหลไม่หยุด

ค่ำคืนที่ยาวนานแล้วเวลาก็ผ่านไปได้อย่างเชื่องช้า ไป๋มู่ชิงเอาแต่นับเวลาถอยหลังจนสุดท้ายก็มีแสงสว่างส่องเข้ามาทางหน้าต่างเล็กน้อย

เธอยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้วถอนหายใจออกหมดท้อง ฟ้าสว่างก็ดี ฟ้าสว่างแล้วเธอก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว

จากแสงสว่างที่ส่องเข้ามาเล็กน้อยนั้น ไป๋มู่ชิงก็ได้มองสำรวจไปที่แผ่นป้ายบูชาเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นบรรพบุรุษของตระกูลหนานกง ถ้าพวกท่านมองอยู่บนฟ้า จะคุ้มครองให้ลูกในท้องเธอเป็นเด็กที่แข็งแรงได้หรือเปล่านะ

เธอกุมมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วหลับตา อธิฐานต่อบรรพบุรุษของตระกูลหนานกงขอให้พวกท่านคุ้มครองให้เธอได้คลอดเด็กที่แข็งแรงออกมาด้วยเถอะ

ถึงเธอจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะทำเพราะเธอหวังอย่างมากว่าอยากให้เด็กคนนี้แข็งแรงอายุยืน

ไป๋มู่ชิงรู้สึกเบาะรองข้างตัวยุบลงไปแล้วตามมาด้วยเงาที่ปรากฏขึ้นข้างตัวเธอ เธอลืมตาขึ้นหันไปมองช้าๆ

เมื่อเห็นว่าหนานกงเฉินคุกเข่าอยู่ข้างตัวเธอ เดิมก็ประหลาดใจไปเล็กน้อยแล้วตามมาด้วยถอนหายใจแล้วถาม "นี่คุณทำอะไร? ฉันตกใจหมด"

"ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ?" หนานกงเฉินมองทอดไปที่เหงื่อบนหน้าผากเธอ นี่มันเกินไปหรือเปล่า

"ฉันคิดว่า……" ไป๋มู่ชิงลังเลไปไม่ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะว่ากฎของตระกูลหนานกงห้ามพูดถึงเรื่องลี้ลับนี้

"คิดว่าผีมาหรอ?" หนานกงเฉินพูดแทนเธอไป มุมปากยิ้มขึ้นด้วยอารมณ์เยาะเย้ย เขารู้ว่าเธอกลัวสถานที่นี้มาก

ไป๋มู่ชิงไม่ได้ตอบคำถามเขาแต่กลับถามเขาว่า "คุณดีขึ้นหรือยัง?"

"ดีขึ้นแล้ว" หนานกงเฉินตอบ

"ทำไมไม่นอนพักอีกสักหน่อยล่ะ?" ถึงเขากลับมาดูเหมือนปกติ มีชีวิตชีวาบ้างแล้ว แต่ว่าแสงในนี้มืดมัวมากเธอเลยมองไม่ชัดว่าสีหน้าเขายังซีดขาวเหมือนเมื่อคืนหรือเปล่า

"นอนไม่หลับ" หนานกงเฉินพูด

เขาไม่ได้บอกเธอที่เขานอนไม่หลับก็เพราะได้ยินคุณหมอหวงบอกว่าเธอถูกลงโทษให้มาที่ห้องโถงบรรพบุรุษนี้ เพราะว่าเขารู้ว่าเธอกลัวที่นี่เลยตามมาด้วย

"ขอโทษนะ" ไป๋มู่ชิงพูดขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

หนานกงเฉินหันไปมองที่เธอ "ขอโทษทำไม?"

"ฉันไม่ควรพาคุณไปกินชาบู"

ดินเนอร์ใต้แสงเทียนดีดีไม่กินแต่กลับไปกินชาบูอย่างนั้น ช่างสมองคิดบ้าอะไรอยู่

"ผมอยากลองรสชาติของชาบูเองแล้วผมก็เป็นคนพูดขึ้นมาเองด้วย คนที่ควรจะขอโทษควรจะเป็นผม" เรื่องแค่นี้เขาก็ยังแยกแยะออก

คนที่ควรจะโดนกฎตระกูลทำโทษคือเขา ไม่ใช่เธอ

ไป๋มู่ชิงกวาดมองสำรวจไปที่เขาแล้วพูดขึ้นอย่างเสียดสีว่า "เข้าใจแยกแยะได้แบบนี้เหมือนไม่ใช่คุณเลย"

"ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้ งั้นผมก็จะไม่รู้สึกผิดแล้ว กลับไปนอนดีกว่า" หนานกงเฉินพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเบาะรอง ไป๋มู่ชิงรีบดึงเขาแล้วพูดว่า "อย่างเพิ่งไป……"

"ทำไม? กลัวหรอ?" หนานกงเฉินกลับมาคุกเข่าลงบนเบาะเหมือนเดิมแล้วเลิกคิ้วใส่เธอ

ไป๋มู่ชิงไม่ปิดบังความกลัวของตัวเองเลยพร้อมพยักหน้า "ใช่ รอให้ฟ้าสว่างก่อนนี้แล้วคุณค่อยไปได้ไหม?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด