เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 107

"เป็นยังไงบ้างคะ? คุณชายเฉิน" ผู้ช่วยเหยียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาถามขึ้น

"ปิดเครื่อง" หนานกงเฉินคิดไปคิดมาก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไปข้างนอก

ผู้ช่วยเหยียนก็เร่งก้าวเท้าตามเขาไปแล้วพูดว่า "คุณชายเฉินคะ งานอีกสักครู่คุณไม่จะร่วมงานหรอคะ?"

"ไม่ร่วมแล้ว" หนานกงเฉินพูด

ถึงแม้เขาไม่รู้ว่าทำไมไป๋มู่ชิงถึงปิดเครื่อง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่พอเห็นอากาศแบบนี้แล้วได้ยินเสียงตอบรับว่าเธอปิดเครื่อง เขาก็เป็นห่วงขึ้นมาทันที สถานการณ์แบบนี้เขาจะมีอารมณ์ไปร่วมงานได้ยังไง?

ผู้ช่วยเหยียนตามเขาไปถึงรถแล้วเข้าไปนั่งที่คนขับรถแล้วพูดปลอบใจเขาว่า "คุณชายเฉินคะ มือถือคุณหญิงน้อยอาจจะแค่แบตหมดหรือว่าตกก็ได้นะคะ"

"ไม่มีทาง" หนานกงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น เมื่อคืนไป๋มู่ชิงชาร์ตแบตถึงเที่ยงคืน ก่อนนอนเขาเป็นคนถอดสายชาร์ทให้เธอเอง แล้วแบตเตอรี่ของโทรศัพท์นี้ก็ทนมากด้วยดูหนังเล่นเกมทั้งวันยังสามารถใช้ได้เป็นอาทิตย์

เพราะฉะนั้นโทรศัพท์ไม่มีทางแบตหมด แต่จะตกหายหรือเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

"แต่ว่า ตอนนี้เราไม่มีเบาะแสอะไรเลย เราจะไปหากันที่ไหนคะ?" ผู้ช่วยเหยียนจุดประกายคำถามขึ้น ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปหาที่ไหน

คำถามนี้หนานกงเฉินก็เพิ่งนึกได้ เขาคิดไปคิดมาแล้วเปิดโทรศัพท์มากด

เพราะว่าตอนนั้นไม่เชื่อใจไป๋มู่ชิง ตอนที่เขาให้มือถือเธอ เขาก็ติดเครื่องติดตามตำแหน่งไว้ แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยเปิดใช้เลยเพราะยังไม่ถึงขั้นที่ต้องเปิดใช้ แล้วอีกอย่างมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องด้วย

แต่ว่าวันนี้อยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยแล้วเขาก็เป็นห่วงเธอมากด้วย ไม่สนแล้วแหละว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง

เขาเปิดแอพพลิเคชั่นติดตามตำแหน่งแล้วก็ได้รู้ถึงตำแหน่งที่อยู่ของโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

มองไปบนแผนที่ เขาขมวดคิ้วขึ้น นี่อยู่ทางนอกเมืองเลยหนิแล้วฝนก็ตกหนักขนาดนี้ทำไมเธอถึงไปอยู่นอกเมืองได้?

"ไปที่นี่" หนานกงเฉินเปลี่ยนจากแอพพลิเคชั่นติดตามตำแหน่งเป็นแผนที่นำทางแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผู้ช่วยเหยียน

ผู้ช่วยเหยียนมองไปที่ตำแหน่งบนในโทรศัพท์ สีหน้าก็สงสัยเหมือนกัน "ทำไมคุณหญิงน้อยถึงไปที่ไกลขนาดนี้?"

"ผมก็ไม่รู้ ไปดูก่อน" หนานกงเฉินหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องจากลิ้นชักออกมาแล้วโทรไปที่เบอร์ไป๋มู่ชิง แต่ก็ยังมีเสียงตอบรับว่าปิดเครื่องอยู่เหมือนเดิม

บนตัวของไป๋มู่ชิงทั้งเปียกทั้งหนาว ขาทั้งสองข้างเหนื่อยจนไม่มีแรง แล้วแต่ก็รอเท็กซี่ที่ผ่านมาแล้วรับเธอกลับเข้าในเมืองไม่ได้สัดคัน

ขณะที่เธอสิ้นหวังจนจะเป็นลม อยู่ๆก็มีรถเบนท์ลีย์คันสีดำโผล่มา รถก็ได้ลดความเร็วลงแล้วแล่นมาจอดตรงหน้าเธอ

เพราะว่าเมื่อกี้เพิ่งโดนโจรฉกโทรศัพท์ไป เมื่อมีรถเข้าใกล้ตัวเองไป๋มู่ชิงก็เริ่มเกร็งขึ้นมาแล้วรีบเดินไปที่ข้างทางด้วยสีหน้าเกรงกลัว

ประตูรถเปิดออก หลินอันหนานกางร่มสีดำขึ้นต่อหน้าเธอ

หลินอันหนาน? ไป๋มู่ชิงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำฝนบนหน้า เมื่อเธอเห็นชัดเจนแล้วว่าผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามาเป็นหลินอันหนานจริง สีหน้าไม่ได้แสดงความดีใจที่อยู่รอดแล้ว แต่กลับถอยหลังไปไม่กี่ก้าวพร้อมจ้องเขาด้วยสีหน้าต่อต้าน

"มู่ชิง……" เมื่อหลินอันหนานเห็นว่าเธอถอยหลังไป ในใจก็รู้สึกผิดหวัง เป็นขนาดนี้แล้วเธอก็ยังไม่อยากเข้าใกล้เขา ก็ยังรังเกียจเขาอยู่

"นายจะทำอะไร?" ไป๋มู่ชิงส่ายหัวเบาๆพร้อมถอยไปข้างหลังเรื่อยๆ

"ผมจะทำอะไรได้อีก? ก็รับคุณกลับไปไง" หลินอันหนานก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ๆ พยายามจะดึงเธอมาใต้ร่ม แต่ไป๋มู่ชิงสะบัดมือเขาออก "นายไม่ต้องมายุ่ง"

พูดจบ เธอก็หันหลังวิ่งกลับไป

"มู่ชิง ถ้าเธอยังตากฝนแบบนี้อยู่เธอจะไม่สบายนะ" หลินอันหนานรีบวิ่งตามขึ้นไปพร้อมดึงแขนเธอให้เข้ามาหลบใต้ร่ม

ไป๋มู่ชิงถูกเขาบังคับตัวไว้ เธอทำได้เพียงกรีดร้องใส่เขาอย่างอารมณ์ขึ้น "หลินอันหนานปล่อยมือฉันนะ ถึงฉันจะไม่สบายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย! ทำไมนายยังมาตามรังควานอีก?"

"เธอดูตัวเธอเองตอนนี้สิ ตากฝนเปียกขนาดนี้ยังจะอวดเก่งอีกเหรอ?" หลินอันหนานมองกวาดไปที่เธอ เปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า สีหน้าก็ซีดขาวริมฝีปากก็เริ่มม่วง ฝ่ามือก็เย็นเหมือนน้ำแข็งขนาดนี้ แล้วเธอยังมีแรงปฏิเสธเขา รังเกียจเขาอีก?

"ไม่เกี่ยวกับนาย! นายไม่ต้องมายุ่ง!" ไป๋มู่ชิงพยายามผลักเขาออกแล้วตีเขาไปด้วย แล้วในปากก็พึมพำ "นายไสหัวไปซะ! ไสหัวไป……!"

"เธอแน่ใจหรอว่าจะให้ผมไป" สีหน้าหลินอันหนานดูนิ่งขึ้น

"ใช่! ไปเลย! ไป!"

"นังผู้หญิงเลว!" หลินอันหนานโมโหจนตบหน้าเธอไป ไป๋มู่ชิงที่คาดไม่ถึงก็โอดร้องออกมา เส้นผมที่เปียกปอนติดอยู่ที่ข้างแก้มเธอ

เธอเงยหน้ามองไปที่เขาพร้อมจับแก้มที่เขาตบ เธอโกรธจนตัวสั่นจนลืมที่จะโวยวายไป

อาจจะเป็นเพราะหลินอันหนานโมโหจริงๆ จนลืมคิดไปว่าที่ตัวเองตบไปลงมือแรงแค่ไหนพร้อมจ้องกัดฟันพูดกับเธอว่า "ตอนนั้นที่คบกับผมเอาแต่พูดว่าไม่สนใจว่าผมจะได้สืบทอดตระกูลหลินหรือเปล่า เอาแต่บอกว่าตัวเองไม่ได้เห็นแก่เงิน แต่ทำไมพอเจอกับหนานกงเฉินถึงเหมือนแมลงวันที่เห็นของหวานแล้วเกาะแน่นไม่ปล่อยมือล่ะ? เธอบอกว่าผมมีชู้ไม่ควรให้อภัย แต่มันมีผู้หญิงมากกว่าเป็นสิบเท่าทำไมไม่เห็นเธอเกลียดมันเลย? มันทั้งมีชู้แล้วยังฆ่าคนในครอบครัวเธออีก ใครกันแน่ที่เธอควรจะเกลียดมากกว่า? คุณลืมตาดูให้ชัดๆ!"

"หุบปาก! นายหุบปากเดี๋ยวนี้……!" ไป๋มู่ชิงสายหน้าสุดชีวิต เธอไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยินเลยสักนิด!

หลินอันหนานไม่ได้หุบปากแต่กลับดึงแขนเธอเข้ามาใกล้กอดเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วก้มมองเธออย่างเยาะเย้ย "เธอยังไม่เคยบอกผมเลยว่าเพราะอะไร? เพราะว่ามันรวยกว่าผมหรอ? หรือเป็นเพราะมันเป็นทายาทคนเดียวที่จะได้รับช่วงตระกูลหนานกง? แต่ผมไม่ใช่ทายาทเพียงคนเดียวที่จะได้รับช่วงตระกูลหลินงั้นเหรอ?"

"ฉันขอร้องคุณหยุดพูดเถอะ……" ไป๋มู่ชิงพูดขอร้องเขาทั้งน้ำตา เธอพยายามดิ้นตัวออกจากเขา แต่เขากลับจับให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

ยิ่งเธออยากดิ้นหนีมากเท่าไหร่ ก็ทำให้หลินอันหนานยิ่งโกรธมากเท่านั้น สุดท้ายก็จูบริมฝีปากเธอด้วยความโมโห

ริมฝีปากของเธอทั้งเย็นทั้งชุ่มฉ่ำ อาจจะเป็นเพราะเม็ดฝนที่หยดลงมา เมื่อสัมผัสริมฝีปากเธอ หลินอันหนานก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาแล้วจูบลงหนักกว่าเดิม

ไป๋มู่ชิงโกรธมากเอาแต่ดิ้นหนี พยายามผลักเขาออกพร้อมทุบตีร่างกายเขาไปด้วย แต่เมื่อรู้สึกว่าตัวเองขยับไม่หลุดจากการกระทำของเขาก็เลยกัดไปที่ริมฝีปากเขา

หลินอันหนานรู้สึกเจ็บไปแล้วปล่อยเธอออกไป ความโกรธในใจไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มมากขึ้น เมื่อไป๋มู่ชิงกำลังจะหันหลังวิ่งหนีไปเขาก็ดึงแขนเธอไว้ให้กลับมาอีกครั้ง

ไป๋มู่ชิงที่รู้สึกทั้งหนาวทั้งไม่สบายตัว แถมเมื่อกี้ยังโดนเขาตบหน้าไปจนไม่เหลือแรงอะไรแล้ว ตอนนี้เขายังมาดึงมาลากอีก สุดท้ายร่างกายพยุงตัวไม่ไหวเป็นลมไปในอ้อมแขนเขา

เมื่อเห็นเธอเป็นลมหลินอันหนานก็อึ้งตกใจไป จากนั้นก็รีบอุ้มเธอขึ้น เดินไปทางที่รถจอดอยู่

เมื่อวางตัวไป๋มู่ชิงลงหลังรถก็อ้อมไปที่คนขับรถปรับเครื่องปรับอากาศในรถให้อุ่นที่สุด เนื้อตัวของไป๋มู่ชิงเปียกขนาดนี้ เขาเกรงว่าเธอจะไม่สบาย

หลานกงเฉินมาถึงที่นอกเมืองได้อย่างยากลำบาก แต่ยังไม่ถึงตำแหน่งที่โทรศัพท์บนแผนที่ก็แสดงการเปลี่ยนทิศทางของโทรศัพท์นี้เข้าไปในเมืองแทน

จากนั้นหนานกงเฉินก็ตั้งตำแหน่งใหม่แล้วบอกกับผู้ช่วยเหยียนว่า "กลับรถ ไปทางเข้าเมือง"

"ทำไมอยู่ๆถึงเปลี่ยนทิศไปในเมืองคะ?" ผู้ช่วยเหยียนถามขึ้น

เธอเพิ่งมาถึงที่นี่ไม่นาน เข้าใกล้ตำแหน่งที่ระบุแล้ว ไม่คิดเลยว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป

"อาจจะเป็นเพราะคุณหญิงน้อยเที่ยวเล่นเสร็จแล้วกำลังกลับไป?" ผู้ช่วยเหยียนถามขึ้นอีก

หนานกงเฉินส่ายหัว เขาก็ไม่รู้ ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ

ตำแหน่งเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนจะนั่งรถเข้าไปในเมือง

ข้างนอกฝนยิ่งตกหนักกว่าเดิม ทำให้การมองเห็นมัวไม่ชัด หนานกงเฉินมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นพืชผักของเกษตรกร คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมโทรศัพท์ของไป๋มู่ชิงถึงมาอยู่ที่นี่ได้

ทั้งสองตามจากนอกเมืองกลับเข้าไปในตัวเมืองเหยียนเฉิงแล้วมาที่ตึกดิจิตอลแห่งหนึ่งในเมืองเหยียนเฉิง ผู้ช่วยแล่นรถมาจอดแล้วมองสำรวจไปที่ตึกนั้น "น่าจะเป็นที่นี่แหละค่ะ"

หนานกงเฉินมองไปที่แผนที่อย่างละเอียดอีกครั้ง ใช่ที่นี่ไม่ผิด

"คุณชายเฉินคะ ให้ฉันเข้าไปดูก่อนไหมคะ?" ผู้ช่วยเหยียนถามขึ้นอย่างมีมารยาท

หนานกงเฉินตอบไปว่า "ไม่ต้อง"

มองผ่านกระจกกับสายฝนที่กำลังตกอยู่ หนานกงเฉินก็เห็นผู้ชายสองคนถือโทรศัพท์เดินออกมาข้างนอกพร้อมพูดคุยกันอย่างได้ใจ แต่โทรศัพท์ในมือของพวกเขาก็เป็นเครื่องที่เขาซื้อให้ไป๋มู่ชิง

"คุณชายเฉินคุณจะทำอะไร?" ผู้ช่วยเหยียนเห็นหนานกงเฉินเปิดประตูรถเดินออกไปเลยรีบเอ่ยขึ้นตามหลังเขา "คุณชายเฉินรอก่อน เดี๋ยวฉันหยิบร่มให้ค่ะ"

หนานกงเฉินไม่ได้สนใจอะไรเธอจากนั้นก็เดินตรงเข้าไปตรงหาผู้ชายสองคนนั้น

ผู้ชายสองคนนี้เพิ่งชกของมาในใจก็รู้สึกกลัว พอเห็นหนานกงเฉินปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าเยือกเย็นเลยนำโทรศัพท์ซ่อนไปข้างหลังพร้อมมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตัว

"จะทำอะไร?" หนึ่งในผู้ชายคนนั้นตะคอกใส่หนานกงเฉิน

"แกคิดว่าจะทำอะไรล่ะ?" หนานกงเฉินใช้คางยื่นไปที่มือข้างหลัง "ฉันเตือนแกไว้เลย บนโทรศัพท์นั่นติดจีพีเอสอยู่ นอกจากฉันไม่มีใครเอาออกได้ ไปรีเซ็ทเครื่องก็ไม่มีประโยชน์"

ผู้ชายทั้งสองมองหน้ากัน เมื่อกี้พวกเขาก็เข้าไปลองแล้ว แต่ก็รีเซ็ทเครื่องไม่ได้จริงๆ

แต่ว่าพวกเขาเป็นโจรที่ขโมยโทรศัพท์นี้มา คงไม่ยอมรับง่ายๆหรอก ยิ่งไม่มีทางคืนโทรศัพท์ที่มีค่านี้ให้เขาด้วย

หนานกงเฉินไม่ได้สนใจโทรศัพท์เครื่องนี้เลย แต่เป็นที่อยู่ของไป๋มู่ชิงต่างหาก เขาขมวดคิ้วถามขึ้น "ฉันถามแก แกขโมยโทรศัพท์นี้มาจากไหน? เจ้าของเครื่องอยู่ไหน?"

ถึงแม้ทั้งสองจะตกใจกับอารมณ์ที่หนานกงเฉินแสดงออกมา แต่เพื่อที่จะเอาตัวรอดก็รีบพูดไปว่า "แกบ้าหรอ! ตาข้างไหนของแกเห็นว่าฉันขโมยโทรศัพท์?" พูดจบก็จะเดินหนีผ่านเขาไป

แต่หนานกงเฉินล็อคมือที่ถือโทรศัพท์ไว้แล้วยกโทรศัพท์ขึ้น "ฉันถามแก เจ้าของโทรศัพท์นี้อยู่ที่ไหน?"

"ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดอะไร?" ผู้ชายอีกคนหันมายื่นมัดใส่ เกือบจะโดนหน้าของหนานกงเฉินแล้ว

หนานกงเฉินโกรธเต็มที่แล้วชกไปที่หน้าของฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามโอดครวญแล้วถอยหลังไปหลายก้าว

ถึงแม้หนานกงเฉินจะสูงกว่าพวกเขาแล้วกำลังก็ไม่แพ้พวกเขาเลย แต่ยังไงเขาก็ตัวคนเดียว โดนไปไม่กี่ครั้งก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว

เมื่อผู้ช่วยเหยียนเห็นหนึ่งในนั้นชกใส่หน้าหนานกงเฉินก็รีบตะโกนขึ้นว่า "หยุดนะ! ฉันแจ้งตำรวจแล้ว พวกแกรีบหยุดมือเดี๋ยวนี้!"

พูดจบเธอก็ขอความช่วยเหลือจากผู้ชายที่มามุงดูด้วยความรีบร้อน "สองคนนั้นเป็นขโมย ขอร้องคุณช่วยจับพวกเขาด้วย รีบไปสิ……"

แต่ว่าผู้ชายกี่คนนั้นไม่มีทีท่าที่จะช่วยเหลือเลยแถมยังถอยหลังกลับไปอีก หนึ่งในนั้นพูดด้วยเสียงเฉยชาว่า "สองคนนั้นก่อเรื่องแถวนี้บ่อย เราช่วยไม่ได้หรอกสุดสวย ถ้าไม่อยากตายที่นี่ก็รีบห้ามแฟนเธอให้ยอมแพ้เถอะ"

เมื่อผู้ช่วยเหยียนที่ขอความช่วยเหลือไม่ได้ผลแล้วเห็นพวกเขารุมเขาตั้งแต่ใต้หลังคาจนตอนนี้มากลางฝน หนานกงเฉินได้รับบาดเจ็บแล้ว ด้วยความใจร้อนเลยวิ่งเข้าไปกลางฝนแล้วใช้ร่มในมือฟาดไปที่หัวของพวกเขา "หยุดเดี๋ยวนี้! ได้ยินหรือเปล่า!"

เมื่อผู้ชายคนนั้นถูกเธอใช้ร่มฟาดไปที่หัวก็ร้องโอดครวญขึ้น ไม่สนว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ใช้มือตบหน้าเธอไปอย่างแรง

ผู้ช่วยเหยียนไปถูกตบจนพยุงตัวไม่อยู่เกือบจะล้มลงไป เมื่อหนานกงเฉินเห็นว่าเธอโดนตบก็โกรธแล้วถีบผู้ชายคนนั้นให้ล้มลงไป

หน้าผู้ชายคนนั้นจมอยู่กับน้ำสกปรกบนพื้นจากนั้นเขาก็ถุยน้ำสกปรกในปากออกมา แล้วขณะที่กำลังจะลุกขึ้นก็มีเสียงวอของรถตำรวจดังขึ้น

เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงวอรถตำรวจก็ขาอ่อนไป ผู้ช่วยเหยียนค่อยโล่งอกแล้วไปพยุงตัวหนานกงเฉินไว้แล้วถามอย่างเป็นห่วง "คุณชายเฉิน เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?"

"ผมไม่เป็นไร" หนานกงเฉินถุยน้ำฝนในปากออกมาจากนั้นก็กางขาสกัดหนึ่งในนั้นที่กำลังจะวิ่งหนีให้ล้มลงแล้วเหยียบไปที่หลังเขาพร้อมพูดกันฟัน "ฉันจะถามแกอีกครั้ง เจ้าของเครื่องอยู่ไหน?"

"หยุดเดี๋ยวนี้ ทุกคนหยุด!" ตำรวจรีบวิ่งลงมาจากรถแล้วนำผู้ชายที่อยู่บนพื้นกับอีกคนที่พยายามจะวิ่งหนีขึ้นรถไป

หนานกงเฉินที่มีเรื่องด้วยก็หนีไม่พ้นก็ถูกนำตัวไปโรงพักเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลย

ยี่สิบนาทีผ่านไป

หนานกงเฉินถูกนำตัวมาที่ห้องรับรองของโรงพัก บนตัวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว

"ทุกครั้งที่เจอเรื่องเกี่ยวกับคุณหญิงน้อย คุณมักจะเสียสติตลอด" ผู้ช่วยเหยียนยื่นทิชชู่มาเช็ดคราบเลือดที่ปากเขา

หนานกงเฉินดึงทิชชู่จากมือเธอมา จากนั้นก็เช็ดรอบๆปากแล้วโยนทิชชู่ทิ้งพร้อมพูดด้วยใบหน้าโกรธเคือง "เจอเศษสวะสังคมแบบนี้ จะมีสติได้ยังไง?"

"รู้ทั้งรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีคนเยอะกว่ายังจะเข้าไปอีก ไม่สมควรเลย" ผู้ช่วยเหยียนไม่เคยใช้น้ำเสียงที่แข็งข้อแบบนี้คุยกับเขา "ถ้าพวกเขาทำร้ายคุณจนอาการสาหัสล่ะ? ใครจะช่วยคุณตามหาคุณหญิงน้อย?"

พอพูดถึงเรื่องนี้ หนานกงเฉินก็เงยหน้าขึ้นทันที "ไปดูคำสอบปากคำของพวกเขา"

เขากำลังรอพวกเขาบอกที่อยู่ของไป๋มู่ชิง โทรศัพท์ไป๋มู่ชิงก็หายอีก ตามหลักแล้วก็ควรโทรบอกเขา แต่ไม่มีโทรศัพท์โทรมาเลยแถมที่โรงแรมก็ไม่มีคนรับด้วย

ผู้ช่วยเหยียนพยักหน้า "ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไปถาม"

ผู้ช่วยเหยียนเพิ่งลุกจากเก้าอี้ หนานกงเฉินก็คิดได้ว่าเธอเพิ่งโดนพวกเขาตบหน้าไปเลยถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า "หน้าเธอเป็นยังไงบ้าง?"

ผู้ช่วยเหยียนส่ายหน้าให้แล้วตอบว่า "ฉันไม่เป็นไร"

เส้นผมที่เปียกปอนของเธอพาดอยู่บนไหล่ แก้มฝั่งซ้ายก็มีรอยฝ่ามือสีแดงอยู่ แรงขนาดนี้จะไม่เป็นไรได้ยังไง?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด