เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 111

"อย่ากังวลเลย เขาไม่ตายหรอก" เขาปลอบด้วยความอ่อนโยน

“จะไม่ตายได้ยังไง เลือดเขาไหลเยอะขนาดนี้”

“ถ้าหากเขาตายไป เธอเป็นภรรยาของฉัน แล้วก็กำลังท้องอยู่ ฉันจะขับรถชนมันให้ตายเลยก็ได้ อย่างมากก็แค่ได้รับโทษ ข้อหาการป้องกันตัวผิดพลาดทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ไม่เห็นมีไรมากเลย”

“ผิดพลาดทำให้ผู้อื่นถึงแก่ตาย......แล้วมีโทษจำคุกกี่ปี?” สิ่งที่เธอห่วงที่สุดก็คือเรื่องนี้

เพราะเธอไม่ต้องการให้หนานกงเฉินต้องติดคุกเพราะเธอ และไม่กล้าคิดด้วยว่าถ้าคนอย่างหนานกงเฉินโดนจับเข้าคุกมันจะเป็นอย่างไร เขาจะรับมือกับความลำบากนั้นได้หรือเปล่า?

“ขอทานนั้นเป็นคนลงมือก่อน อาจจะไม่ติดคุกก็ได้” เขาหาข้ออ้างไปมั่วเพื่อปลอบใจเธอไม่ให้กังวลไปมากกว่านี้

“จริงหรอ?”

“อื้ม”

ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็เบาใจลงนิด แค่ไม่ต้องคิดคุกก็พอ! เธอคิดแบบนั้น

หนานกงเฉินเดินไปที่หน้าซิ้งค์น้ำ กดน้ำมาแก้วหนึ่งมายัดใส่มือของเธอ“ดื่มน้ำหน่อย จะได้ดีขึ้น อย่าคิดไปเอง”

ไป๋มู่ชิงมองหน้าเขา รับแก้วน้ำจากมือเขามาดื่ม น้ำอุ่นๆที่ดื่มเข้าไป ทำให้ใจอุ่นไปด้วย ทำให้เธอดูใจเย็นลงไม่น้อย

หลังจากที่ใจเย็นลงแล้ว เธอก็นึกขึ้นได้สิ่งที่จะถามเขา จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วถามว่า“จริงสิ นายทำไมถึงอยู่ที่นั่นล่ะ”

หนานกงเฉินเอนตัวพิงกับเก้าอี้ แล้วเก็บความไม่เป็นธรรมชาตินั้นไว้ แล้วตอบว่า:“ขับรถผ่านไปพอดีน่ะ”

“งั้นหรอ? บังเอิญขนาดนั้นเลย?”

“อืม”หนานกงเฉินตอบรับ เขาไม่ได้บอกเธอ ว่าแท้จริงแล้วเขาขับรถตามเธอมาตลอด หลังจากที่ขับผ่านเธอไป ก็ตัดสินใจกลับบ้านขณะนั้นเอง ที่เขาเอะใจกับขอทานที่อยู่ข้างถนน ไม่รู้เพราะอะไร เขาตีรถกลับที่ไฟแดงข้างหน้า อ้อมไปอยู่ข้างหลังของเธออีกครั้ง

อาจจะเป็นเพราะเราทั้งสองมีจิตที่เชื่อมโยงกัน พอเขามองเห็นขอทานคนนั้นก็รู้สึกว่าเธออาจจะเป็นอันตราย ในตอนที่เขากำลังตีรถกลับ เธอกำลังโดนสัตว์เดียรฉานนั้นลวนลามอยู่

“ขอบคุณนะ”ไป๋มู่ชิงพูดด้วยใบหน้าที่ซาบซึ้งใจ ถ้าไม่ใช่เขา เธอต้องแย่แน่ๆ

“แค่ขอบคุณจะมีประโยชน์อะไร”หนานกงเฉินมองเธอแล้วพูด“ต้องรู้จักปกป้องตัวเองให้เป็นถึงจะมีประโยชน์สิ”

ไป๋มู่ชิงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด เธอก็คิดไม่ถึงว่าถนนเส้นนั้นจะมีขอทาน ยิ่งคิดไม่ถึงว่าขอทานนั้นจะทำร้ายเธอ ถ้ารู้ตั้งแต่แรก เธอไม่เดินออกบ้านคนเดียวหรอก

“ฉันก็แค่.....อยากไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ข้างหน้านู้น”เธอก้มหน้าแล้วตอบด้วยเสียงเบาๆ

“ทางเปลี่ยวขนาดนี้ ถึงเธอแค่จะไปซื้อของ ก็ไม่ควรที่จะไปคนเดียว?”

“ต่อไปฉันจะไม่ไปคนเดียวอีก”

หนานกงเฉินชะงัก แล้วพูดว่า“ถ้าแค่ดูแลตัวแค่นี้เองยังทำไม่ได้ เธอก็กลับตระกูลหนานกงไปเลยไม่ดีกว่าหรอ”

“ฉันบอกแล้งไงว่าคราวหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีก”ไป๋มู่ชิงพูดอย่างร้อนรน

กลับบ้านตระกูลหนานกงงั้นหรอ ไม่มีทาง! กว่าเขาจะออกจากที่นั่นได้ไม่ใช่จะง่ายๆ

หนานกงเฉินเห็นเธอปฏิเสธอย่างทันควัน ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ในเมื่อนี่คือสิ่งเราตกลงกันก่อนแล้ว

ถ้าให้พูดตามจริง สิ่งที่เขาเห็นวันนี้ ทำให้เขาอยากพาเธอกลับบ้านตระกูลหนานกงมาก อย่างน้อยเธออยู่บ้านนั้น เธอก็ปลอดภัยกว่านี้

ไป๋มู่ชิงที่เห็นว่าเขาโกรธ ก็รีบอธิบายว่า:“นี่มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ไม่ใช่ว่าคนขอทานทุกคนจะโรคจิตสักหน่อย”

หนานกงเฉินเหนื่อยที่จะเถียงเธอต่อ พูดกับเธอด้วยสีหน้าจริงจังว่า“ถ้าคราวหน้ายังเป็นแบบนี้อีก ก็เตรียมตัวกลับบ้านตระกูลหนานกงกับฉันได้เลย”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้ารับ

หนานกงเฉินพูดต่ออีกว่า“มีอีกอย่าง ตอนนี้เธอกำลังท้อง แค่ดูแลตัวเองยังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปฝืนดูแลเด็กกำพร้าพวกนั้น”

พอไป๋มู่ชิงได้ยินเขาพูดแบบนั้นรีบเงยหน้าตอบ“ไม่ ฉันดูแลพวกเขาได้ อีกอย่างพวกเขาเป็นเด็กน่ารัก แทบจะไม่เคยทำให้ฉันต้องเป็นห่วงเลย”

“ไม่ได้”

“ฉัน......”

อยู่ดีๆเลขาเหยียนก็เดินเข้ามา ไป๋มู่ชิงเห็นดังนั้นจึงหยุดที่จะพูดต่อ

เลขาเหยียนมองไปที่ทั้งสอง ถามอย่างเป็นห่วงว่า“คุณสองคนไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”

“อืม ไม่เป็นอะไร” ไป๋มู่ชิงตอบเสร็จก็รีบถามขึ้นว่า“ขอทานคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

“สมองได้รับการกระทบกระเทือน แต่หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว”เลขาเหยียนตอบ

“จริงหรอ?”ไป๋มู่ชิงโล่งอก

พ้นขีดอันตรายแล้ว ก็แสดงว่าหนานกงเฉินก็ไม่ได้ผิดข้อหาขับรถชนผู้อื่นเสียชีวิต แล้วก็ไม่ต้องติดคุก ดีแล้วล่ะ!

หนานกงเฉินเห็นสายตาที่ดูโล่งอกขึ้นของเธอ ก็พูดอย่างยิ้มๆว่า:“ทำไมเธอดูดีใจกว่าฉันอีกล่ะ?

“ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะฉัน ฉันไม่อยากทำให้คุณต้องเดือนร้อนไปด้วยนะ”ไป๋มู่ชิงตอบอย่างดีใจ

เลขาเหยียนพูดขึ้นอีกว่า:“คุณชายเฉิน ทางโรงพยาบาลผมจัดการให้แล้ว รถก็ส่งไปให้เขาดูแลแล้ว แล้วทางนี้ล่ะ? สอบปากคำรึยัง?งั้นทางนี้ให้ผมจัดการต่อแล้วพวกคุณกลับไปพักเถอะ”

“ทุกอย่างจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมจะส่งพวกคุณกลับไปก่อน”เลขาเหยียนพูด

ไป๋มู่ชิงเดินตามหนานกงเฉินออกจากสถานีตำรวจ เลขาเหยียนได้ขับรถมาจอดที่หน้าประตูและเปิดประตูรถให้ทั้งสอง

ไป๋มู่ชิงมองไปที่รถ แล้วไปที่หนานกงเฉิน อยู่ดีๆก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรขึ้นรถดีไหม ถ้าเลขา

เหยียนส่งเธอกับหนานกงเฉินกลับบ้านตระกูลหนานกงจะทำยังไง? ถ้าเขาจะออกจากที่นั่นอีกคงยากมากแน่ๆ

เลขาเหยียนที่เห็นเธอไม่ยอมขึ้นรถ ก็จับกระตูรถไว้แล้วพูดว่า:“คุณผู้หญิงมีอะไรหรือเปล่าครับ? ยังไม่อยากกลับบ้านอีกหรอครับ?”

“ฉัน......ฉันกลับเองได้”เธอพูดอย่างติดติดขัดขัด

เลขาเหยียนมองไปที่หนานกงเฉิน เพื่อให้เขาพูดหรือทำอะไรสักอย่างกับเธอ

ในที่สุดหนานกงเฉินก็พูดกับไป๋มู่ชิงว่า:“ขึ้นรถเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านของเธอทีเดียวเลย”

ไป๋มู่ชิงมองไปที่หนานกงเฉินอย่างไม่ไว้วางใจ หนานกงเฉินเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จะบังคับพาฉันกลับบ้านตระกูลหนานกงก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้

“ทำไม?ไม่อยากขึ้นงั้นหรอ?”หนานกงเฉินเหล่ตา มองเธอ "หรือเธออยากโดนขอทานข้างถนนลวนลามอีกรอบ?"

"ไม่ใช่นะ"ไป๋มู่ชิงรีบส่ายหัว แค่นึกถึงตอนที่โดนขอทานคนนั้นกอดจับไปทั่วเธอก็กลัวมาก ท้องไส้ปั่วป่วนไปหมด

ตอนที่เธอไม่รู้จะตัดสินใจยังไงนั้น ก็มีรถคันหนึ่งค่อยๆขับเข้ามาใกล้สถานีตำรวจ และนั่นคือรถของซูวยาหยง

รถจอดปุป ซูวยาหยงก็เปิดประตูลงมาจากรถทันที จับแขนของไป๋มู่ชิงไว้แล้วพูดด้วยความเป็นห่วงว่า "ลูกสาวของแม่ แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้อยู่บ้าน จะไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าทำไม แล้วดูลูกสิ......"

เธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วพูดต่อว่า "ดีแล้วที่ลูกกับเด็กในท้องไม่เป็นอะไร ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ลูกจะให้แม่บอกกับคุณผู้หญิงยังไง!"

ไป๋มู่ชิงทำแค่มองเธอ ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เพราะเธอรู้ว่าแค่ซูวยาหยงคนเดียวก็สามารถเล่นละครตบตานี้ได้

เป็นไปตามคาด ซูวยาหยงทำได้โดยที่ไม่ต้องให้ไป๋มู่ชิงช่วย ตามด้วยหันไปหาหนานกงเฉินแล้วพูดอย่างรู้สึกผิดว่า "ขอโทษด้วยนะคุณชายเฉิน ที่ฉันไม่ได้ดูแลยิ่งอันดีๆ เด็กคนนี้จิตใจดีเกินไป ดื้ออยากอยู่กับเด็กกำพร้า แต่คุณชายเฉินไม่ต้องเป็นห่วง ต่อไปนี้ฉันจะดูแลเธอเป็นอย่างดี ไม่ให้เธอไปที่ไหนไปเรื่อยแน่นอน"

ไป๋มู่ชิงรู้สึกถึงมือของซูวยาหยงที่จับแขนเธอไว้เริ่มออกแรงจิกแขนของเธอ ถึงหน้าจะดูยิ้มให้ แต่ใจคงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟไปแล้ว

ซูวยาหยงมารับคนเองกับมือ หนานกงเฉินก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่พูดเรียบๆว่า "หวังว่าครั้งนี้คุณแม่จะทำได้อย่างที่พูดนะครับ"

"แน่นอน ทำได้แน่นอน......"ซูวยาหยงรีบพยักหน้ารับ กลัวว่าหนานกงเฉินจะเอาไป๋มู่ชิงกลับไปเหมือนคราวที่อยู่ที่สนามบินอีก

"งั้นก็ดี"หนานกงเฉินมองไปที่ไป๋มู่ชิงเล็กน้อย แล้วเดินขึ้นรถไป

เมื่อรถสตาร์ทขึ้น เลขาเหยียนเลื่อนกระจกลง หนานกงเฉินไม่ได้มองออกไป มีแต่ซูวยาหยงที่ยิ้มและโบกมือให้ "คุณชายเฉินกลับดีๆนะคะ"

มองดูรถที่ค่อยขับออกไปจากสถานีตำรวจ ในใจของไป๋มู่ชิงรู้สึกเหมือนมีอะไรค่อยหายไป ค่อยๆรู้สึกถึงความวูบโหวงในใจ

ยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก ความคิดทุกอย่างก็ถูกเสียงด่าที่อยู่ข้างตัดทิ้งไป

"ยัยนี่! ขึ้นรถเดี๋ยวนี้! " พอหนานกงเฉินไปแล้ว ซูวยาหยงก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่ควงแขนไว้ก็เปลี่ยนเป็นกระชากทันที

ไป๋มู่ชิเลิกมองตามหนานกงเฉิน แล้วหันไปมองซูวยาหยง เธอสะบัดมือออกแล้วเดินขึ้นรถ

ถึงแม้ว่าไป๋ยิ่งอันจะเหมือนกับไป๋มู่ชิงยังไง ทั้งสองก็เป็นคนละคนอยู่ดี ถ้าอยู่ๆก็เปลี่ยนเขาสองคนอาจจะทำให้คนอื่นสงสัยได้

ดังนั้นเธอจึงวางแผนเสร็จทุกอย่าง รอให้ไป๋มู่ชิงคลอดลูกให้เสร็จก็จะเป็นเวลาอีกสี่เดือน สี่เดือนนี้ถ้าหากว่าคนๆหนึ่งมีหน้าตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยคงไม่แปลก อีกอย่าง พอถึงเวลานั้นหนานกงเฉินก็จำเอกลักษณ์บนตัวของไป๋มู่ชิงไม่ค่อยได้แล้ว

ถึงตอนนั้นให้ไป๋ยิ่งอันอุ้มเด็กกลับไปที่ตระกูลหนานกง ถึงแม้ว่าเธอจะแสดงได้ไม่ค่อยเหมือน ก็อ้างว่าเป็นเพราะอาการหลังคลอด มาปิดบังตัวเองได้

"วันนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นแค่อุบัติเหตุ"ไป๋มู่ชิงพูด

"ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรั้นที่จะย้ายออกมา มันจะเกิดเรื่องพวกนี้ได้ยังไง?"ซูวยาหยงพูดอย่างโมโหว่า "หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป แกต้องอยู่ที่บ้านเท่านั้น ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด"

"ไม่......"

"แกมีสิทธิ์พูดว่าไม่งั้นหรอ?"ซูวยาหยงไม่รอเธอตอบก็แทรกขึ้นมาว่า "แกอยากให้ทุกอย่างที่ฉันทำมันสูญเปล่าหรือยังไง? ฉันขอเตือนแกไว้นะ ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป แกได้เห็นดีกับฉันแน่"

ซูวยาหยงโมโหจนเอามือเสยผม คิดได้ก็พูดขึ้นว่า "ไม่ได้การล่ะ ถ้าจะตัดขาดความสัมพันธ์ของเธอกับหนานกงเฉิน ฉันต้องส่งเธอไปคลอดลูกที่ต่างประเทศ"

ไป๋มู่ชิงได้ยินดังนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า "อย่าเลย ต่อไปนี้ฉันจะไม่ไปเจอกับหนานกงเฉินอีกเด็ดขาด ครั้งนี้เป็นเพราะเกิดอุบัติเหตุ เขาบังเอิญผ่านมาเห็น ไม่อย่างงั้นฉันคง......"

ไป๋มู่ชิงเงียบไป ไม่อย่างงั้นล่ะ? ไม่อย่างงั้นตอนนี้เธอจะมีสภาพเป็นยังไง

โชคดีที่หนานกงเฉินบังเอิญผ่านมา โชคดีจริงๆ

แต่ว่า......ทำไมเรื่องถึงบังเอิญขนาดนี้ล่ะ?เธอกำลังจะโดนขอทานนั้นลวนลาม แล้วเขาก็ปรากฏตัวขึ้นทันที หรือว่า......?

เธอรีบสะบัดความคิดนั่นออกจากหัว เป็นไปไม่ได้ เขาจะมาหาเธอที่หมู่บ้านจินหวาได้ยังไง? อีกอย่างมาโดยไม่ซุ่มไม่เสียงอีก? มันไม่เหมือนนิสัยของเขาเลย ดังนั้นเธอจะคิดแบบนี้ไม่ได้ อย่าคิดให้ความหวังตัวเองแล้วรู้สึกไปเอง

"ฉันสาบาน ต่อจากนี้จะไม่เจอกับเขาอีกเด็ดขาด " เธอแทบจะสะดุดลมหายใจเมื่อพูดคำนี้ออกมา

ซูวยาหยงก็เห็นเธอเหมือนไม่ได้พูดเล่น ถ้าไม่งั้นล่ะก็ หึ เธอพูดเตือนอีกครั้ง "เธอเป็นคนพูดเองนะ อย่าลืมสิ่งที่พูดล่ะ"

ไป๋มู่ชิงถูกพากลับบ้านตระกูลไป๋ ไป๋ยิ่งอันที่ถือผลไม้นั่งดูโทรทัศน์บนโซฟาก็รีบเด้งตัวขึ้นนั่งตัวตรงทันที มองไป๋มู่ชิงแล้วพูดขึ้นว่า "เธอกลับมาได้ยังไง?"

ไป๋มู่ชิงทำแค่เหล่มอง แล้วเดินขึ้นไปบนห้อง

"เดี๋ยวก่อน " ซูวยาหยงเรียกเธอไว้ ไป๋มู่ชิงทำไรไม่ได้ ได้แค่หันกลับไปหา "มีอะไรอีก? ฉันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน"

เมื่อกี้ฟังเธอบ่นมาทั้งทาง หูชาไปหมด

ซูวยาหยงทิ้งกระเป๋าไปที่โซฟา มองเธอด้วยสีหน้าจริงจังแล้วพูดว่า "เพื่อป้องกันไม่ให้เธอเจอกับคนบ้านตระกูลหนานอีก ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเธอก็อาศัยอยู่ที่นี่ซะ ออกบ้านให้น้อยที่สุด ถ้าจำเป็นจริงๆก็ให้เสี่ยวจ้าวส่งเธอออกไป เข้าใจไหม?"

“เข้าใจแล้ว” ไป๋มู่ชิงตอบ

ไม่แปลกที่ซูวยาหยงจะทำแบบนี้ แค่ไม่ให้คนติดตามเธอทุกย่างก้าว อย่าทำเหมือนเธอเป็นนักโทษก็พอ

มองไป๋มู่ชิงที่เดินหายไปบนชั้นสอง ไป๋ยิ่งอันก็ถามซูวยาหยงเสียงเบาว่า "แม่คะ ทำไมเธอถึงไม่เป็นอะไรเลย"

"แล้วเธอควรเป็นอะไรอย่างงั้นหรอ?"

"เธอไม่ใช่......โดนขอทานนั่น......"ไป๋ยิ่งอันรีบเงียบทันที

ซูวยาหยงสาดสายตาเย็นชามาที่เธอ "ลูกตามแม่มา"

น้อยครั้งที่ไป๋ยิ่งอันจะโดนแม่เย็นชาใส่ก็เกิดตกใจ เดินตามหลังเธอเข้าไปที่ห้องนอน

พอแน่ใจว่าไม่มีคนอื่นแล้วจึงปิดประตู หันกลับไปหาเธอแล้วถามด้วยความโกรธ "ยิ่งอัน เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้เธอเป็นคนทำงั้นหรอ?"

"เรื่องอะไรคะ?"ไป๋ยิ่งอันตัดสินใจทำเป็นไม่รู้

"ยังจะโกหกฉันอีกงั้นหรอ?" ซูวยาหยงโกรธจนตบหน้าเธอ ไม่ได้แรงมาก ไป๋ยิ่งอันตกใจมาก ในเมื่อแม่ของเธอน้อยมากที่จะใช้กำลังกับเธอแบบนี้

เธอเอามือจับหน้าตัวเองแล้วมองไปที่แม่ของเธอ รู้ว่ายังไงก็ปิดไว้ไม่ได้แล้ว จึงค่อยๆพูดขึ้น"แม่คะ หนูแค่อยากทำให้เธอแท้ง แล้วเราก็ไม่ต้องรออีกสี่เดือน อีกอย่าง หนูก็ไม่เคยเลี้ยงเด็ก ถึงเวลานั้นแม่จะให้หนูพาเด็กกลับบ้านนั้น หนูต้องบ้าตายแน่ๆ"

"แล้วใครเกิดมาแล้วเลี้ยงลูกเป็นบ้าง?เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลหนานกงได้ยังไง?"

"ก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆของหนูสักหน่อย......"

"แม่บอกกับลูกกี่ครั้งแล้ว ว่าเด็กคนนี้จะช่วยให้ลูกเข้าไปอยู่บ้านตระกูลหนานกงได้ ไม่ว่าเด็กคนนี้จะดีหรือไม่ดี ยังไงสะก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของระกูลหนานกง ถ้าไม่มีเด็กคนนี้ ถึงเวลาลูกจะเอาข้ออ้างอะไรกลับไปบ้านนั้น อย่าลืมว่าตอนนี้ลูกออกมาเพื่อดูแลครรภ์อยู่"

"ก็ได้ค่ะ หนูรู้แล้ว" ไป๋ยิ่งอันตอบด้วยความน่าสงสาร

"คราวหน้าคิดจะทำอะไรก็บอกแม่ก่อน ได้ยินไหม?"

"ก็หนูกลัวแม่ไม่เห็นด้วยนี่นา"

"อย่างเรื่องของคืนนี้ฉันไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว"

"ก็ใช่ไงคะ"

ซูวยาหยงถอนหายใจ มองเธอแล้วพูดว่า"ถ้าวันนี้ฉันไปสถานีตำรวจไม่ทัน ยัยเด็กนั่นคงกลับบ้านกับหนานกงเฉินไปแล้ว แผนของเราได้ล่มกันหมดแน่"

"มันก็โชคดีไปงั้นแหละ"ไป๋ยิ่งอันบ่นกับตัวเอง

เดิมทีเธอจ้างคนไปแค่ต้องการจะแกล้งไป๋มู่ชิงสักหน่อย ให้มันแท้งลูกก็พอ คิดไม่ถึงว่าหนานกงเฉินจะเข้ามาเห็นเข้า

"แม่คะ แม่คิดว่าเธอจะทำตามสิ่งที่เราบอก อยู่ที่นี่จนจะคลอดอย่างงั้นหรอคะ?" เธอถามด้วยความกังวล เพราะเธออยากให้ไป๋มู่ชิงแท้งลูกมากกว่า ลดปัญหาไปตั้งเยอะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด