เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 113

”เธอคิดว่าฉันเป็นคนที่เลี้ยงเด็กเป็นหรอ?”ไป๋ยิ่งอันพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบา

“ฉันดูแล้วไม่น่าเป็น ดังนั้นฉันเลยอยากรู้ไงว่าต่อไปนี้เธอจะอยู่ยังไง ”

“ไว้ใจเหอะ เดิมที่ก็เป็นลูกที่อ่อนแออยู่แล้ว จะอยู่ได้สักกี่วันเชียว อาจจะอยู่ไม่ถึงสักกี่วันก็.....”

“ถ้าเด็กรอดมาได้ละ?”

“รอดงั้นเรอะ? ถ้าฉันไม่ให้มันอยู่ มันจะยังมีชีวิตรอดได้เรอะ?”ไป๋ยิ่งอันยิ้มอย่างสะใจ

“ห๊ะ? เธอจะ.......”เหอหลิงถามเบาเบา

“แค่ลูกอ่อนแอคนหนึ่ง ฉันบีบคอมันตายตอนไหนใครก็ไม่แปลกใจหรอกนะ ฉันจะกลัวอะไร”ไป๋ยิ่งอันพูดอย่างหน้าตาเฉย ไป๋มู่ชิงขาอ่อนเกือบล้มลงพื้นทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้

เธอรู้ดีไป๋ยิ่งอันไม่มีทางรักลูกของเธอ แต่เธอคิดมาตลอดว่าไป๋ยิ่งอันจะดูแลลูกเธออย่างดีเพราะทำให้เธอได้ไปอยู่ในตระกูลหนานกง ถึงแม้ว่าไป๋ยิ่งอันจะไม่ใยดีกับลูกแต่คนในตระกูลหนานกงอาจมีคนรักลูกเธอเหมือนที่รักหนานกงเฉินอยู่

แต่ว่า.....

แต่ก็จริงถ้าหากเธอไม่อยากได้ลูกคนนี้ บีบคอลูกตายตอนไหนก็ไม่มีคนเอะใจ ถึงแม้ว่าคนในตระกูลหนานกงจะดูแลลูกได้ดีแค่ไหน ไป๋ยิ่งอันในสถานะแม่ของลูกก็มีโอกาสที่จะบีบคอลูกตายได้

ไป๋มู่ชิงรู้สึกตัวเองทนไม่ไหวแล้วกับขาที่อ่อนและท้องที่กำลังปวดอยู่ เสียงจากหลังประตูกลับยิ่งพูดเสียงดังมาอีก “แผนนี้ก็ฟังดูดีนะ เธอเป็นแม่ของลูกไม่มีใครจะมาเอะใจว่าคนทำคือเธอได้หรอก”

“มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว รอฉันเข้าไปตระกูลหนานกง พอฉันมีลูกกับหนานกงเฉินแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้เด็กยัยนั่นมีชีวิตในโลกใบนี้อย่างแน่นอน”

“ใช่ เลี้ยงไว้ก็ก่อเรื่อง!”

ไป๋มู่ชิงทนฟังไม่ไหวแต่ก็ไปไม่ได้ ทำได้เพียงอุดหูตัวเองไว้ น้ำตาไหลลงไม่หยุด

“เอ๊ะ? คุณไป๋ทำไมมาอยู่ตรงนี้คะ?”พยาบาลหญิงเห็นเธอยืนร้องไห้พิงกำแพงไว้ รีบเดินเข้ามาพยุงตัวเธอทันที

ไป๋มู่ชิงทำมือให้เธอพยุงตัวเองออกจากที่นี้ พยาบาลหญิงพยุงเธอแล้วถามไปอย่างเป็นห่วงว่า “คุณหญิงเจ็บท้องใช่ไหมคะ คุณหญิงอยู่ห้องไหนคะ?”

“ไม่ใช่”ไป๋มู่ชิงตอบไปทั้งที่กลั้นความเจ็บไว้ จากนั้นก็ชี้ไปที่บันไดหนีไฟ พยาบาลหญิงพยุงเธอไปทางที่เธอชี้แล้วถามอย่างไม่ไว้ว่างใจว่า “คุณหญิงเป็นอะไรคะ มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยคุณหญิงไหมคะ”

“ฉันไม่เป็นอะไร แค่ทะเลาะกับลูกของพ่อนิดหน่อย เธอไปเหอะ ”ไป๋มู่ชิงพยายามทำเหมือนตัวเองไม่เป็นอะไร

พอพยาบาลหญิงได้ยินแบบนี้ก็โล่งอกไปที “งั้นคุณหนูระมัดระวังด้วยนะคะ ฉันจะกลับไปทำงานต่อ”

“ได้”ไป๋มู่ชิงพยักหน้า

พอสาวพยาบาลไปแล้ว ไป๋มู่ชิงเจ็บจนจับราวบันไดแล้วหายใจอย่าหอบๆ บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ

เธอต้องทำไงดี?ทำไงดี?

คิดจะวิ่งหนีตอนนี้มันไม่ทันแล้ว อีกนิดเดียวลูกก็ใกล้คลอดแล้ว และเธอก็เดินไม่ไหวอีกด้วย

แต่หากว่าเธอไม่ไป ลูกของเธอก็จะตกอยู่ในมือของไป๋ยิ่งอัน ลูกอาจตายได้ เธอจะเป็นเพราะช่วยเสี่ยวหยี่แล้วปล่อยให้ลูกตัวเองต้องเจอกับคนจิตใจเลวทรามแบบนั่นไม่ได้

เหตุเร่งด่วนเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรอย่างเร่งรีบ

สถานการณ์ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะโทรหาใครให้มาช่วยเธอได้ โทรหาหนานกงเฉินหรอ? แล้วจะอธิบายทั้งหมดนี้ยังไงกับเขา หากว่าบอกความจริงกับเขาแล้ว เขาจะจัดการกับตัวเองยังไง? แล้วซูวยาหยงจะทำอะไรน้องชายและแม่ของเธอบ้าง

หาซูเจี้ยให้มาช่วย ใช่ นี้เป็นโรงพยาบาลของสามีเธอ เธอต้องช่วยฉันแน่ๆ

เธอกดโทรหาซูเจี้ย เสียงโทรศัพท์นานมากกว่าเธอจะรับ พอเธอรับเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คุณหญิงหนานกง ไม่ทราบว่าโทรมาครั้งนี้........”

ไม่รอให้เธอพูดจบ ไป๋มู่ชิงก็รีบพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวเจี้ย ฉันขอร้องละช่วยฉันหน่อย ฉันสัญญาว่านี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ฉันขอร้อง......”

“เธอเป็นอะไรอีก?”เห็นได้ชัดว่าซูเจี้ยรู้สึกน่ารำคาญมาก

เธอรู้อยู่แล้วว่าไป๋มู่ชิงโทรหาเธอก็ต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไร และยังร้องไห้อ้อนวอนขนาดนี้

ไป๋มู่ชิงเจ็บจนต้องหายใจ และพูดต่ออีกว่า “เสี่ยวเจี้ย....ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายเหตุการณ์ให้เธอฟังยังไง แต่ตอนนี้ฉัน......ฉันอยู่โรงพยาบาลเหิงซิง ตอนนี้ฉันจะคลอดแล้ว เปลี่ยนโรงพยาบาลไม่ทันแล้ว เสี่ยวเจี่ย....ฉันขอให้เธอช่วยเอาลูกฉันไปซ่อน แล้วบอกว่าลูกตายไปแล้ว เธอจะต้องไม่ให้ลูกฉันตกอยู่ในมือของแม่รองฉัน ฉันขอร้องละ.....”

“เธอบ้าไปแล้วเหรอ อยู่ก็ต้องเจอคน ตายก็ต้องเจอศพ บอกว่าลูกตายแล้วกลับไม่มีศพเด็ก โรงพยาบาลจะอธิบายยังไงกับผู้ปกครองเธอ”

“ฉันไม่รู้. ฉันไม่รู้อ๊าาาาาา....... ”ไป๋มู่ชิงร้องไห้ออกมาด้วยความกังวล “เสี่ยวเจี้ยฉันขอร้องละ ช่วยฉันคิดหน่อย............”

“ฉันไม่เคยติดต่อสื่อสารกับโรงพยาบาลเหิงซิงมาก่อน เรื่องนี้ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้”

“เสี่ยวเจี่ยเธอต้องช่วยฉัน นอกจากเธอไม่มีใครช่วยฉันแล้ว.....ฉันไม่อยากให้ลูกฉันต้องตายเพราะยัยผู้หญิงเลวๆคนนั้น ถึงแม้ว่าลูกฉันจะถูกกำหนดให้เป็นเด็กอ่อนแอก็ตาม ฉันก็ไม่อยากให้ลูกต้องตาย ฉันขอร้องละ.....”

ฝั่งโทรศัพท์ซูเจี้ยเงียบไปสักแปบ”ก็ได้ ฉันจะช่วยเธอครั้งนี้ครั้งเดียว ถือเป็นว่าถ่ายโทษที่ฉันโกหกเธอครั้งก่อนแล้วกัน”

“เธอโกหกอะไรฉัน??”ไป๋มู่ชิงถามเธอ ความจริงเธอไม่เป็นห่วงเรื่องนี้เลย เธอคิดจะถามซูเจี้ยว่าจะทำยังไงให้ลูกเธอไปให้พ้นจากยัยสองแม่ลูกนั้น

“เจ้าโง่ ผลตรวจครั้งนั้นเป็นของปลอม ลูกของเธอแข็งแรงดี ”ซูเจี้ยตอบแบบยิ้มๆ

“เธอพูดอะไรนะ ?”ไป๋มู่ชิงตกใจ

“ฉันบอกว่าลูกเธอแข็งแรงดี ผลตรวจจากโรงพยาบาลหงเอินถูกหนานกงเฉินแก้ไขก่อนหน้านี้แล้ว ”ซูเจี้ยตอบ

ตอนนั้นซูเจี้ยแก้ไขผลตรวจลูก เพราะว่าไม่อยากให้ไป๋มู่ชิงคลอดลูกให้คนเลวๆอย่างหนานกงเฉิน และคิดว่าพอไป๋มู่ชิงดูผลตรวจแล้วแทงลูกออกสะ

แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่า ไป๋มู่ชิงกลับคิดที่จะคลอดลูกคนนี้ออก ทั้งทั้งที่รู้ว่าเด็กอ่อนแอ

“และอีกอย่าง...ฉันบอกความลับให้เธอนะ ลูกในท้องเธอเป็นลูกที่แข็งแรง และยังเป็นสาวน้อยที่น่ารักมากด้วย”

ไป๋มู่ชิงชะงักไปเล็กน้อย ตกใจจนลืมไปว่าปวดท้อง

จนกว่าความเจ็บจะมาอีกครั้งเธอทนไม่ไหวร้องออกมาอย่างเสียงดัง “ซูเจี้ย!เธอออกจากบ้านหรือยังเนี้ย”

“ฉันใกล้จะถึงแล้ว เธออดทนรออีกนิดหนึ่งนะ แล้วจะติดต่อเธอหลับอีกครั้ง ”ซูเจี้ยว่างสายทันที

พอว่างสายแล้ว ไป๋มู่ชิงค่อยๆนั่งลงที่พื้นบันได ร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็กน้อยคนหนึ่ง

เธอคิดไม่ถึงว่าพระเจ้าจะเล่นตลกกับเธอ ไม่สิ ต้องเป็นคนรอบข้างสิ ทุกคนล้วนคิดว่าลูกในท้องเธอคือลูกที่อ่อนแอ แม้แต่ตัวเธอเองก็คิดแบบนี้ ทำให้ลูกต้องถูกคนอื่นรังเกลียดขนาดนี้

และตอนนี้ลูกกลับเป็นคนที่แข็งแรง กลับต้องมาเผชิญกับไป๋ยิ่งอันที่จะแย่งลูกตัวเองไป

เธอรู้ดี หากว่าไป๋ยิ่งอันรู้ว่าลูกของเธอแข็งแรงดี มันไม่มีทางทำให้เธอดีกับเด็กคนนี้ แต่ยังจะเป็นความโกรธแค้นเลยทำร้ายลูก

ดังนั้น ไม่ว่ายังไงก็จะยอมให้ลูกตกอยู่ในมือของไป๋ยิ่งอันไม่ได้

ซูเจี้ยเดิมกำลังเที่ยวเล่นกับเพื่อนอยู่ พอได้รับโทรศัพท์ของไป๋มู่ชิงก็เลี้ยวรถกลับมาทางโรงพยาบาลทันที

ไม่ถึงห้านาทีก็ถึงโรงพยาบาล เธอตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานชั่วคราวของ เฉาฉีเหิง

เดิมที เฉาฉีเหิงพึ่งกำลังกลับจากต่างประเทศ ส่วนตัวก็ชอบเรียนรู้เรื่องยาอยู่แล้ว ก็เลยสร้างห้องทำงานไว้ที่บนสุด

ซูเจี้ยก่อนหน้านี้เคยมาหาเขาที่ห้องทำงานแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นครั้งนี้เลยรู้ทางไปอย่างสะดวก

ตอนเธอเดินเข้าไป เฉาฉีเหิงกำลังออกมาจากห้องทำงาน เสื้อที่เรียบร้อยกลับยุ่งเหยิง เน็คไทที่สวมอยู่ตอนนี้กลับหายไปแล้วก็ไม่รู้

ซูเจี้ยมองตาเขาแล้ว ไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่เขาสภาพยุ่งเหยิง “คุณชายเฉา เรื่องคร่าวๆฉันบอกคุณในโทรศัพท์แล้ว คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”

เฉาฉีเหิงมองไปที่เธอแล้วจัดการเสื้อผ้าหน้าผมไปด้วย แล้วตอบว่า “เธอวิ่งมาทางนี้โดยเฉพาะเพื่อขอร้องให้ฉันช่วยเด็กในท้องของคนที่เป็นแฟนกับคนชอบเธอ?”

เรื่องยากที่จะเห็นเธอพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงดีดี และมีคำขอมากมายที่พูดออกมา แต่กลับเป็นเพราะชายคนนั้น ใจของเขาก็ต้องไม่รู้สึกดีเป็นธรรมดา

“คุณชายเฉา อย่าพูดให้มันน่าเกลียดขนาดนี้ได้ไหม!”ซูเจี้ยขมวดคิ้ว

“คำไหนละที่ฟังดูน่าเกลียด ?”

“ครั้งนี้ฉันมีเรื่องเร่งรีบจริงๆ ฉันไม่อยากทะเราะกับนาย”

“ทำไมฉันกลับรู้สึกมันไม่เร่งรีบละ. ภรรยาของหนานกงเฉินใกล้คลอดแล้ว เขากลับไม่มีแม้แต่เงา เธอละ คนนอนอย่างเธอกลับกระตือรือร้นเหมือนมดบนหม่อไฟ ” เฉาฉีเหิงหัวเราะอย่างเรียบๆแล้วพูดต่อว่า”เธอจะทำอะไร? ใช้เด็กคนนี้ไปเข้าใกล้หนานกงเฉินหรอ? ให้เขารู้สึกขอบคุณเธอ แล้วก็รักเธอ........”

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ ”ซูเจี้ยไม่รู้ตัวเองกล้าตบลงไปได้ไง ตบลงที่หน้าของเขาเต็มๆ

พอเธอตบลงไป เฉาฉีเหิงสีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งน่ากลัว “ทำไม? ฉันพูดถูกจนทำให้เธอโมโหหรอ!!”

ซูเจี้ยจ้องเขา แล้วกัดฟันพูดว่า”นายจะช่วยไม่ช่วย?”

“อยากให้ฉันช่วย? ได้สิ”เฉาฉีเหิงกวาดสายตาไปที่ร่างอวบอิมเธอแล้ว “ถอดเสื้อสิ ถ้าเธอทำให้ฉันรู้สึกสะใจละก็ อย่าว่าเเต่ลูกคนนี้เลย หนานกงเฉินฉันก็ช่วยหามาให้เธอได้ ”

คำพูดของเขาดูหมิ่นขนาดนี้ ทำให้ซูเจี้ยโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรอีก

สายตาที่เฉาฉีเหิงมองมาทางเธอ เธอกัดฟันแล้ว ยกมือขึ้นไปถอดกระโปรงของตัวเองลง

ฤดูร้อน ปกติเธอก็ใส่น้อยอยู่แล้ว ใต้เสื้อเชิ้ตเป็นเสื้อชั้นในที่สุดเซ็กซี่ สีหน้าของเฉาฉีเหิงยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่

ซูเจี้ยรู้ว่าเขาเพียงอยากจะระบายความโกรธในใจ เลยทำแบบนี้กับเธอ หากว่าเป็นเรื่องอื่นละก็เธอจะไม่มีทางยอมเด็ดขาด แต่เรื่องนี้เร่งรีบ เธอเป็นห่วงมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ไม่รอให้เฉาฉีเหิงเปิดปากพูด เธอก็เดินเข้าไปเขย่งขาแล้วจูบลงคอของเขา

ไอความหวานตีเข้าหน้าเขาเต็มๆ เฉาฉีเหิงขมวดคิ้วแล้วเอามือไปจับมือเธอที่กำลังปลดเสื้อเขา ก้มลงไปบอกเธอว่า “ตรงนี้...ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เราเขาไปข้างในกันเถอะ”

พูดจบ เขาก็เอามือโอบเอวเธอเข้าไปแล้วจูบไปด้วย

ถึงแม้ครั้งนี้ซูเจี้ยจะเป็นคนเริ่มก่อน และเธอไม่คิดจะทำแบบนี้กับเขามาก่อน สีหน้าดูอายเป็นเรื่องธรรมดา เธอเข้ามาถึงห้องพักผ่อนของเขา สายตากวาดไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ที่บนเตียง

เธอตะลึงเล็กน้อย ดันเฉาฉีเหิงออกทันที

หญิงสาวบนเตียงไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย ผิวขาวกระจ่าง เป็นสไตล์ที่เฉาฉีเหิงชอบ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่มีความอายเลย เห็นคนสองคนเข้ามายังไม่คิดจะหลบ กลับดึงส่วนที่ถูกบังออกอีก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ”คุณชายเฉา.ไหนบอกว่าแปบเดียวก็เข้ามาไง ทำอะไรถึงนานขนาดนี้คะ?”

เธอพูดเหมือนไม่เห็นซูเจี้ยอยู่นี้ทั้งคน สายตากลับไม่มองไปที่ซูเจี้ยเลย

หน้าของซูเจี้ย ก่อนเห็นผู้หญิงคนนี้ก็ซีดไปแล้ว ทั้งชีวิตนี้เธอไม่ได้รับการเหยียดหยามกันขนาดนี้มาก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด