เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 114

พยาบาลหญิงคนหนึ่งเห็นพวกเขาเสียงดังเอะอะโวยวายกันอยู่ จึงเดินเข้าไปเตือนว่า“ขอความกรุณางดใช้เสียงด้วยด้วยค่ะ ตรงนี้เป็นที่พักฟื้นของผู้ป่วยหลังคลอด กรุณาอย่าส่งเสียงดังรบกวนนะคะ ขอบคุณค่ะ”

ซูวยาหยงรีบเดินเข้าไปถามว่า“คุณพยาบาลคะ ลูกสาวของฉันหายตัวไป คุณเห็นเธอบ้างไหมคะ?”

เธอไม่ได้หวังอะไรมากกับคำตอบที่จะได้ เพราะก่อนหน้านี้เธอก็ไล่ถามพยาบาลมาหลายคนแล้วแต่ก็ไม่มีใครเห็นไป๋มู่ชิงเลย

พยาบาลหญิงมองเธอแล้วพูดว่า“ลูกสาวของคุณหรอ? เป็นคนท้องหรือเปล่า?”

“ใช่แล้วๆ เธอพึ่งจะฉีดยาเร่งครรภ์ไป เธอมีลักษณะผมสีดำยาวๆ หน้าตาสะอาดสะอ้าน คุณเห็นเธอบ้างไหมคะ?”ซูวยาหยงเอารูปของไป๋ยิ่งอันให้เธอดู

พยาบาลสาวเห็นรูปแล้วพูดขึ้นว่า“อ้อ คนนี้หรอ เธอได้ฉีดยาเร่งครรภ์ไปด้วยหรอ? ฉัน......

“คุณเห็นเธอหรอ?”ซูวยาหยงถามอย่างร้อนรน

“ฉันเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องผู้ป่วยห้อง 6 พอฉันเดินเข้าไปถามเธอว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่เธอก็บอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วเธอก็ให้ฉันพยุงเธอไปที่บันไดหนีไฟ” พยาบาลหญิงพร้อมชี้ไปทางบันไดหนีไฟ

“ไปที่บันไดหนีไฟงั้นหรอ?”ซูวยาหยงถามด้วยความตกใจ

“ใช่ ดูเหมือนจะรีบซะด้วย”

“ไปหาให้ทั่วทั้งชั้นบนแล้วก็ชั้นล่าง!” ซูวยาหยงหันไปพูดกับเสี่ยวชิง แล้วเธอก็เดินไปทั้งน้ำตา

ซูวยาหยงที่กำลังจะไปช่วยตามหา ก็ชะงักเท้าไว้ เดินกลับไปที่ห้องพักห้อง 6

เธอตั้งใจให้ห้องพักห้อง6 กับไป๋ยิ่งอัน เธอคิดไว้ว่าถ้าลูกคลอดออกมาก็จะเอาลูกมาให้เธอ แล้วค่อยย้ายไป๋มู่ชิงไปห้องพักฟื้นธรรมดา

ไป๋มู่ชิงร้องไห้เสียใจอยู่หน้าห้องไป๋ยิ่งอันงั้นหรอ? สิ่งแรกที่เธอคิดคือ ไป๋ยิ่งอันไปพูดอะไรกระทบจิตใจเธออีกหรือเปล่า

เธอเดินไปเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยห้อง 6 มองไปเห็นไป๋ยิ่งอันกับเหอหลินกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

เมื่อเหอหลินเห็นซูวยาหยงเดินเข้ามา ก็รีบลุกขึ้น “น้าสาม”

ไป๋ยิ่งอันที่เห็นหน้าของซูวยาหยงที่หมดอาลัยนั้นก็ถามอย่างเป็นห่วงว่า “เกิดอะไรขึ้นหรอคะคุณแม่”

“ยัยไป๋มู่ชิงนั่น มันหนีไปแล้ว” ซูวยาหยงจ้องหน้าเธอแล้วตอบ

“อะไรนะคะ?” ไป๋ยิ่งอันนั่งยืดตัวขึ้น

เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงเอะอะข้างนอก แต่เธอไม่สามารถออกไปให้คนอื่นเห็นเธอได้ เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และก็ไม่รู้เรื่องที่ไป๋มู่ชิงหายตัวไปด้วย

“เห็นไหมคะคุณแม่ หนูบอกแล้วว่ายัยนั่นไม่ได้เรื่องหรอก! ” ไป๋ยิ่งอันไม่รอให้ซูวยาหยงเอ่ยปากก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธว่า“แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรดีล่ะคะ พวกเราโดนยัยนั่นปั่นหัวแล้ว ยัยบ้านั่น อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกละกัน......!

“พอได้แล้ว เงียบสักที!”ซูวยาหยงพูดด้วยความโกรธ

ไป๋ยิ่งอันรีบเงียบ แล้วมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ ในใจก็คิดว่าที่ไป๋มู่ชิงหนีไปมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อย ทำไมต้องมาอารมณ์เสียใส่เธอด้วย แต่เห็นซูวยาหยงโกรธขนาดนี้ เธอไม่พอใจแค่ไหนก็ไม่กล้าพูดหรอก

“ฉันมีเรื่องจะถามแก ก่อนหน้านั้นแกพูดอะไรกับไป๋มู่ชิงหรือเปล่า?” ซูวยาหยงจ้องเธอเขม็ง

“ไม้ได้พูดอะไรนิคะ แม่บอกให้หนูห้ามออกจากห้อง หนูก็อยู่ในนี้ไม่กล้าออกไปไหนเลย ” เพื่อที่จะให้แม่ของเธอเชื่อก็ดึงเหอหลินที่อยู่ข้างๆมา“ไม่เชื่อลองถามเหอหลินดูสิคะ เธออยู่กับหนูตลอด”

“จริงค่ะน้าสาม ฉันกับยิ่งอันอยู่ตรงนี้ตลอด ไม่ได้ออกไปไหนเลย”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเธอสองคนได้พูดอะไรเกี่ยวกับยัยนั่นหรือเปล่า?” ซูวยาหยงถามต่อ “เมื่อกี้พยาบาลหญิงคนนั้นบอกว่าเห็นไป๋มู่ชิงยืนร้องไห้เสียใจอยู่ที่หน้าประตู หลังจากนั้นก็เดินออกไป”

ไป๋ยิ่งอันและเหอหลินมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ซูวยาหยงที่เห็นถึงความผิดปกติบนใบหน้าของไป๋ยิ่งอันนั้น ก็ถามด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมว่า “หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว! ได้พูดอะไรไปหรือเปล่า?”

“พวกเรา......” ไปยิ่งอันสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วตอบว่า “หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าฉันกับเหอหลินได้พูดถึงเธออยู่ แต่ว่า......เธอน่าจะไม่ได้ยินนะคะ หนูไม่เห็นจะมีใครยืนอยู่ที่หน้าประตูเลยค่ะ”

ซูวยาหยงรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา กลั้นหายใจถามออกไปว่า “พวกเธอพูดอะไรออกไป?”

“หนู......หนูพูดว่าอนาคต หนูต้องไม่ชอบเด็กคนนั้นแล้วก็ทำไม่ดีกับเค้าอย่างแน่นอนอะไรประมาณนี้......หนูไม่รู้ว่าเธออยู่ข้างนอก.....แม่คะ ครั้งนี้หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ หนูแค่พูดไปเท่านั้น......”

ไป๋ยิ่งอันรู้ว่าแม่ของเธอต้องฆ่าเธอแน่ๆ ดังนั้นก็พูดออกมาอย่างคลุมเครือและระวังมากที่สุด

ซูวยาหยงได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะกระอักเลือด ถ้าไป๋ยิ่งอันไม่ใช่ลูกของเธอ เธอคงตบหน้าอีกฝ่ายตั้งนานแล้ว

แต่เธอกลับเป็นลูกแท้ๆของเธอเอง อีกอย่างถ้าตบเธอตอนนี้ก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เลยทำได้แค่โกรธเท่านั้น

“คุณแม่คะ แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงดีคะ?” ไป๋ยิ่งอันเริ่มกังวล “ถ้าไป๋มู่ชิงได้ยินที่หนูพูดจริงๆเธอยังจะเอาเด็กให้หนูอยู่ไหมคะ? เธอจะ...... ”

“ยังจะมีหน้ามาถามฉันอีกหรอ!” ในที่สุดซูวยาหยงก็ทดไม่ได้ แล้วตบหน้าเธออย่างแรง โกรธจนตาแดงไปหมด “ฉันคิดแผนให้แกทั้งวันทั้งคืน ทำทุกวิถีทาง แต่แกกลับไม่พยายามให้ตัวเองเลย! ฉันว่าแกไม่ต้องฝันที่จะได้เป็นแล้วล่ะ คุณหญิงน้อยของตระกูลหนานกงอะไรนั่นน่ะ หาคนที่ทนกับแกได้แล้วแต่งซะเถอะ!”

“คุณแม่คะ หนูขอโทษ หนูไม่คิดว่าเธอจะมาแอบฟังที่หนูพูดกับเหอหลิน หนูผิดไปแล้ว แม่ช่วยตามหาเธอหน่อยนะคะ?”

“ถ้าหาไม่เจอ คราวนี้แกก็ตายใจซะเถอะ ฉันก็ด้วย! ” ซูวยาหยงพูดจบ ก็สะบัดมือของไป่ยิ่งอันที่จับมือของเธอไว้ออก หันหลังแล้วเดินออกไป

ซูวยาหยงเปิดประตูกำลังจะเดินออกไป พยาบาลหญิงคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาบอกว่า“คุณหญิงไป๋คะ ทำไมถึงเราถึงไม่เจอคุณที่เป็นญาติผู้ป่วยเลยคะ?ตอนนี้ลูกสาวของคุณคลอดแล้วนะคะ อยู่ที่ชั้น 6 ค่ะ!”

“ห้ะ.......!” ซูวยาหยงอ้าปากจ้องหน้าเธอค้างไว้สีหน้าแสดงออกถึงความไม่น่าเชื่อออกมา “เธอพูดว่าอะไรนะ? ลูกสาวฉันคลอดแล้วงั้นหรอ?”

“ใช่ค่ะ ได้เด็กผู้ชายค่ะ ฉันหาญาติผู้ป่วยไปจนทั่ว จะเป็นบ้าอยู่แล้ว”

“คลอดแล้ว......งั้นหรอ......” ซูวยาหยงยังคงทำหน้าที่แสดงถึงความไม่น่าเชื่อออกมา

ไป๋ยิ่งอันและเหอหลินที่อยู่ภายในห้องพักผู้ป่วยได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ ไป๋ยิ่งอันดันเหอหลินออกไป เพื่อเป็นการบอกให้เธอออกไปดู

เหอหลินสะกิดซูวยาหยงที่นิ่งไป พูดอย่างยิ้มๆว่า“น้าสามคะ ยังนิ่งอยู่ทำไมล่ะคะ? รีบไปดูกันเถอะค่ะ”

“อืม ใช่ อยู่ที่ไหนล่ะ พาพวกฉันไปหน่อย” ซูวยาหยงพูดกับพยาบาลหญิงคนนั้น

ทั้งสองตามพยาบาลหญิงคนนั้นมาถึงห้องคลอดที่อยู่ชั้นที่ 6 ประตูห้องคลอดเปิดออกมาพอดี พยาบาลหญิงคนหนึ่งอุ้มเด็กทารกไว้ มองคนที่ยืนอยู่แล้วถามว่า “ท่านใดคือญาติของไป๋ยิ่งอันคะ?”

“ฉันคะ ฉันเป็นแม่ของเธอเอง” ซูวยาหยงเดินเข้าไปหาอย่างดีใจ

พยาบาลหญิงส่งเด็กทารกไปตรงหน้าของเธอแล้วพูดว่า“เด็กผู้ชายนะคะ น้ำหนัก 5,700กรัม คลอดธรรมชาติค่ะ เราจะอุ้มเด็กไปที่ห้องเด็กแรกเกิดก่อน หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงเราจะอุ้มไปส่งให้ที่ห้องพักฟื้นค่ะ”

“ค่ะ.......” ซูวยาหยงมองเด็กทารกที่อยู่ในอ้อมกอดของพยาบาลหญิง อดไม่ได้ที่จะถามว่า“เด็กแข็งแรงดีใช่ไหมคะ?”

“เรื่องนี้เราไม่แน่ใจ เราต้องเฝ้าดูอาการของเด็กก่อน”พยาบาลหญิงตอบ

ซูวยาหยงพยักหน้ารับ พยาบาลหญิงจึงอุ้มเด็กเดินจากไป

พอเด็กถูกอุ้มไปแล้ว ซูวยาหยงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และวางใจได้ซักที

เธอยืนรออยู่หน้าห้องคลอดได้ซักพัก ไป๋มู่ชิงก็ถูกพาออกมาจากห้องคลอด

บนเตียงผู้ป่วยนั้น ผมของไป๋มู่ชิงยุ่งไปหมด เหงื่อออกตามไรผมและกรอบหน้า ตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยน้ำตา

ซูวยาหยงเดินเข้าไปหา แล้วจับมือของเธอไว้แล้วพูดว่า“เด็กคลอดออกมาแล้วนะ เป็นเด็กผู้ชาย เธอเห็นหรือยัง?”

“เด็กผู้ชาย......” ไป๋มู่ชิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา“ให้ฉันได้เห็นหน้าเขาหน่อยได้ไหม? ให้ฉันได้เห็นหน้าของเขาหน่อยได้หรือเปล่า?”

ลูกของเธอ เธอยังไม่ได้เห็นหน้าก็จะถูกอุ้มไปแล้วหรอ?

“พยาบาลอุ้มลูกไปที่ห้องเด็กแรกเกิดแล้ว อีกซักพักถึงจะได้เห็น ไปกันเถอะ เรากลับห้องกันก่อน” ซูวยาหยงปล่อยมือเธอลง บอกให้ผู้ช่วยพยาบาลพาเธอไปส่งที่ห้องพักฟื้น

ไป๋มู่ชิงถูกส่งไปที่ห้องพักผู้ป่วยธรรมดา ซูวยาหยงที่เห็นเธอร้องไห้ไม่หยุดนั้นก็พูดปลอดว่า“มู่ชิง เธอเชื่อใจฉันนะ เด็กนะฉันจะดูแลเป็นอย่างดี ไป๋ยิ่งอันเธอก็แค่โง่ เธอไม่รู้หรอกว่าเด็กคนนี้สำคัญกับเขาขนาดไหน แต่ถ้าเขาทำไม่ดีกับเด็กละก็ ฉันคนแรกที่จะไม่ปล่อยเขาไว้”

ไป๋มู่ชิงฟังไม่เข้าหูเลยซักนิด ลูกก็ถูกเอาไปแล้ว ยังไม่รู้ด้วยว่าลูกจะเป็นยังไงบ้าง แข็งแรงดีหรือเปล่า

“ให้ฉันได้เห็นหน้าลูกหน่อยได้ไหม? แค่แวบเดียวก็ได้” เธอเงยหน้าขึ้นมองซูวยาหยง

ซูวยาหยงส่ายหน้าด้วยความช่วยอะไรไม่ได้“มู่ชิง อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้สิ กว่าเราจะเดินมาถึงขั้นนี้ได้ มันไม่ง่ายเลย อีกนิดก็จะสำเร็จแล้ว หรือเธออยากให้ทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดสูญเปล่าหรอ?”

ซักพักก็พูดขึ้นว่า“ไม่ใช่ฉันไม่อยากให้เธอเจอเขา ถ้าเจอไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ? มันจะทำให้เธอยิ่งขาดเขาไม่ได้มากกว่าเดิม และเสียใจกว่าเดิมอีก เพื่อไม่ให้ความรู้สึกของเธอแย่ไปกว่านี้ ฉันให้เธอเจอเขาไม่ได้หรอก”

ไป๋มู่ชิงเงียบไป เธอรู้ว่ายังไงซูวยาหยงก็ไม่ให้เธอได้เจอกับเด็กคนนี้หรอก

ซูวยาหยงก็พูดปลอบเธออีกรอบ แล้วให้เสี่ยวชิงดูแลเธอดีๆ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

ซูวยาหยงกลับมาที่ห้องของไป๋ยิ่งอัน ไป๋ยิ่งอันที่ทรงผมยุ่งเหยิงนอนอยู่บนเตียงถามเธอว่า“คุณแม่คะ หนูดูเหมือนคนที่พึ่งจะคลอดลูกเสร็จหรือยังคะ?”

ซูวยาหยงมองแล้วพูดว่า“มันขาดความรู้สึกของคนที่เพิ่งคลอดลูกเสร็จ เดี๋ยวถ้าคุณผู้หญิงมา ลูกก็ทำเป็นนอนหันหลังให้ประตูก็พอ อย่าส่งเสียงและอย่าให้เขาเห็นหน้าลูก”

“ค่ะ” ไป๋ยิ่งอันก้มมองตัวเองรอบหนึ่ง เพื่อให้ตัวเองเหมือนคนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ เธอกินมากจนทำให้ตัวเองดูอ้วนขึ้นจากเดิมมาก หลังจากนี้เธอคงต้องหาเวลาไปลดน้ำหนักแล้วล่ะ

ในตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ไป๋ยิ่งอันรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มแล้วนอนหันหลังให้กับประตูทันที พยาบาลหญิงเข็นเด็กทารกเข้ามา ข้างหลังก็มีผู้อำนวยการหลานเดินตามมาด้วย

ซูวยาหยงเดินเข้าไปหา มองเด็กทารกที่อยู่บนเตียงแล้วถามผู้อำนวยการหลานว่า“ผู้อำนวยกานหลานคะ เด็กเป็นยังไงบ้างคะ?”

ผู้อำนวยการหลานมองไปที่เด็กแล้วตอบว่า“คุณเคยบอกว่าตอนมาตรวจตอนอายุครรภ์ตอนเดือนที่4ที่5เนี่ย เด็กมีปัญหาสุขภาพใช่ไหมครับ ”

“ใช่ค่ะ”

“เมื่อสักครู่ผมตรวจอย่างละเอียดแล้วพบว่า เด็กหายใจไม่สะดวก ผิวซีด คาดว่าน่าจะเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือไม่ก็เป็นโรคปอดอักเสบ” ผู้อำนวยการหลานก็รีบพูดขึ้นอีกว่า“เดี๋ยวรอผลตรวจของเอกซเรย์ถึงจะแน่ใจได้ครับ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“เมื่อสักครู่เราได้ให้น้ำกลูโคสเด็กไป ตอนนี้พวกคุณให้นมลูกได้ แต่ก็ระวังอย่าให้เด็กสำลักนะคะ”

“ค่ะ ฉันหาแม่นมมาแล้ว พวกคุณวางใจได้ค่ะ”

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

พอผู้อำนวยการหลานเดินออกไป ไป๋ยิ่งอันก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียง เกาะเตียงของเด็กไว้แล้วมองไปที่เด็กเล็กนั่น พูดด้วยสีหน้าไม่ชอบว่า“โถๆ ช่างหน้าเกลียดเสียจริง เหมือนตอนที่ไป๋มู่ชิงไม่ได้ศัลยากรรมเลย”

ซูวยาหยงมองไปแล้วต่อว่าเธอ“ตอนนี้เธอเป็นแม่ของเด็กคนนี้นะ ต้องรักเด็กคนนี้ ถ้าให้คุณผู้หญิงมาเห็นสภาพนี้ของเธอเข้าต้องถูกสงสัยแน่ๆ”

“หนูรู้แล้วค่ะ หนูไม่พูดแบบนี้ต่อหน้าคุณผู้หญิงหรอก” ไป๋ยิ่งอันพูด

ซูวยาหยงอุ้มเด็กทารกขึ้นจากเตียง ยื่นไปให้ไป๋ยิ่งอันอย่างระมัดระวัง“ลองฝึกอุ้มดูสิ”

“ตัวเล็กขนาดนี้หนูไม่อุ้มหรอกค่ะ อีกอย่างหน้าก่อนหน้านั้นหนูก็เคยฝึกอุ้มมาก่อนแล้วด้วย”

“ก่อนหน้านั้นที่เธออุ้มนั่นมันตุ๊กตา มันไม่เหมือนกัน รีบฝึกอุ้มสะ”

ไป๋ยิ่งอันยื่นมือไปรับด้วยความไม่สมัครใจ ท่าทางของธอเก้ๆกัง ตัวแข็งไปหมด ซูวยาหยงพูดปลอบว่า“ครั้งแรกที่อุ้มลูก ทุกคนก็เป็นแบบนี้ อุ้มหลายๆรอบเดี๋ยวก็ชินไปเอง อย่าให้คุณผู้หญิงเห็นท่าทางแบบนี้ล่ะ เข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้วค่ะ”ไป๋ยิ่งอันพยักหน้าตอบ

เพื่อตำแหน่งของคุณหญิงน้อยตระกูลหนานกง เธอตัดสินใจที่จะอดทนไว้ แค่อุ้มเด็กมันจะไปยากอะไร

ไป๋ยิ่งอันอุ้มจนรู้สึกคล่องขึ้น ดูมีความเป็นคุณแม่เพิ่มขึ้น ซูวยาหยงถึงจะตัดสินใจโทรหาบ้านตระกูลหนานกง

ตอนที่เธอกำลังจะโทรไปนั้น ผู่เหลียนเหยาและเซิ่งซินกำลังอยู่กับคุณผู้หญิงที่ทานของว่างอยู่ที่สวน พี่เหอหญิงเดินเข้ามาพูดด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มว่า “คุณผู้หญิงคะ คุณหญิงน้อยคลอดแล้วค่ะ ได้เป็นเด็กผู้ชายค่ะ”

ทั้งสามที่ทานของว่างอยู่ก็ชะงัก หันกลับมาพร้อมกัน ผู่เหลียนเหยาถามว่า“วันกำหนดคลอดคืออาทิตย์หน้าไม่ใช่หรอ?”

“คลอดก่อนหนึ่งสัปดาห์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนิ”พี่เหอพูดอย่างยิ้มๆว่า“คุณหญิงไป๋บอกว่าคุณหญิงน้อยเจ็บครรภ์คลอดตอนกลางวันของวันนี้ แล้วก็คลอดในเวลาต่อมาค่ะ ”

มือของคุณผู้หญิงที่จับแก้วชานั้นแข็งไปหมด พูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า“เป็นเด็กผู้ชาย......”

“ใช่ค่ะ ในที่สุดท่านก็ได้หลานชายแล้ว ยินดีด้วยนะคะคุณผู้หญิง” พี่เหอพูด

“แล้วเด็กแข็งแรงดีหรือเปล่า?” คุณผู้หญิงเหมือนกับทุกคนที่ได้ยินว่าไป๋มู่ชิงคลอดแล้ว คำถามแรกที่คิดได้จะเป็นคำถามนี้

“คุณหญิงไป๋บอกว่าตอนนี้เด็กเพิ่งจะได้รับการตรวจสุขภาพไป ผลตรวจยังไม่ออกมา” พี่เหอที่เห็นหน้าวิตกของคุณผู้หญิง ก็ถามอย่างลังเลว่า“คุณผู้หญิงจะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลไหมคะ?”

คุณผู้หญิงนิ่งไปสักพักใหญ่ ก็ดึงสติตัวเองกลับมา แล้วพยักหน้ารับ“ก็ดี เราไปกันตอนนี้เลย”

ไม่ว่าเด็กคนนี้จะเป็นอย่างไร เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาก็เป็นของตระกูลหนานกงอยู่ดี อีกอย่างเด็กคนนี้เป็นเด็กผู้ชาย เธอไม่มีเหตุผลที่ไม่เอาอยู่แล้ว

จากนั้นพี่เหอรีบไปเตรียมรถ แล้วที่ทุกคนก็ขึ้นรถไปพร้อมกัน รถเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์อย่างช้าๆ พี่เหอหันกลับมาถามคุณผู้หญิงว่า“คุณผู้หญิงคะ เราจะแจ้งให้คุณชายใหญ่ทราบไหมคะ?”

คุณผู้หญิงนิ่งคิดแล้วส่ายหัว“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเขาก็ไม่สบายใจอีก”

เมื่อได้ข่าวว่ามู่ชิงคลอดแล้ว ความรู้สึกของคุณผู้หญิงก็หนักอึ้งตลอด เพราะเธอไม่อยากเป็นเหมือน 29 ปีก่อน ที่เธอรีบไปโรงพยาบาลด้วยความดีใจ แต่หมอกลับบอกเธอว่าลูกของเธอไม่ไหวแล้ว เด็กในท้องมีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่รอด

หู่เหลียนเหยาควงแขนคุณผู้หญิงไว้แล้วพูดปลอบโยนว่า“คุณยายคะ อย่ากังวลไปเลยค่ะ คุณหญิงไป๋บอกว่าเด็กเพิ่งตรวจสุขภาพไป ผลตรวจยังไม่ออกมาไม่ใช่หรอคะ เด็กอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้”

“ใช่ค่ะคุณยาย เราต้องเชื่อมั่นในตัวเด็กสิคะ” เซิ่งซิงก็พูดปลอบใจขึ้นอีกคน

แม้คุณผู้หญิงจะพยักหน้ารับ แต่ความกังวลในใจของเธอก็ไม่น้อยลงเลย

หลังจากที่ออกมาจากห้องคลอด ไป๋มู่ชิงก็นอนซมอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน เว้นแต่ว่าพยาบาลหญิงจะมาฉีดยาให้เธอและทำการตรวจหลังคลอดเธอจะขยับนิดหน่อย เวลาอื่นเธอไม่แม้แต่จะขยับเลย

ในมือของเสี่ยวจิงถือซุปไก่ดูกดำที่พี่หงฝากคนเอามาให้ พูดคะยั้นคะยอว่า“คุณหนูคะ ทานอะไรสักหน่อยเถอะค่ะ พี่หงบอกมาว่าคุณหนูเพิ่งคลอดลูกเสร็จต้องทานอาหารบำรุงร่างกายนะคะ ไม่อย่างนั้นจะทำให้มีโรคตามาทีหลังได้นะคะ”

กับคำปลอบโยนของเธอ ไป๋มู่ชิงฟังไม่เข้าเลยสักนิด ตอนนี้ก็ไม่ได้สนแล้วว่าตัวเองเพิ่งจะคลอดลูกเสร็จ หรือว่าจะทำให้เกิดโรคอะไรมาทีหลังหรืเปล่า

ในหัวของเธอมีแต่ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้ฉายขึ้นซ้ำไปมา หลังจากที่เธอร้องไห้เสียใจเสร็จก็เริ่มที่จะใจเย็นลง เริ่มคิดย้อนไปถึงสิ่งที่ซูซีเคยพูดตอนที่เธอโทรไปหา

ซูซี่เคยบอกกับเธอว่าลูกของเธอเป็นผู้หญิงเป็นเด็กหญิงที่มีร่างกายแข็งแรง ทำไมถึงกลายเป็นเด็กชายได้ล่ะ? ซูซี่โกหกเธออย่างงั้นหรอ?

ไม่ ถึงแม้ว่าซูซี่จะเย็นชากับเธอมากก็ตาม แต่ไม่มีวันทำร้ายเธอแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะโกหกเธอเลย

เกิดอะไรขึ้น.....ผลการตรวจครรภ์ครั้งที่แล้วเธอพูดโกหกอย่างงั้นหรอ? หรือครั้งไหนกันแน่?

“คุณหนูคะ รีบกินตอนที่น้ำซุปยังร้อนๆเถอะค่ะ ขอร้องเถอะค่ะ ทานอะไรสักหน่อยนะคะ?” “เสี่ยวชิงแทบจะใช้น้ำเสียงขอร้องเหมือนคนจะขาดใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด