เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 132

สรุปบท บทที่ 132 เปลี่ยนแผนไม่ทัน: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

อ่านสรุป บทที่ 132 เปลี่ยนแผนไม่ทัน จาก เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด โดย เยว่กวางจู่อวี

บทที่ บทที่ 132 เปลี่ยนแผนไม่ทัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เยว่กวางจู่อวี อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“พี่ ผมอยากทานเนื้อตุ๋น” เสี่ยวอี้พิงอยู่ข้างตู้เก็บความเย็น มือเล็กๆพูดแล้วชี้ไปยังเนื้อที่หั่นเป็นชิ้นเรียบร้อยแล้วด้านใน

“เนื้อตุ๋นเหรอ? แต่ว่าพี่สาวทำไม่อร่อยเท่าที่ร้านนะ” ไป๋มู่ชิงตอบอย่างลำบากใจ

“ไม่เป็นไรฮะ ผมชอบทานฝีมือพี่สาว”

“เสี่ยวอี้! ” จูฮุ่ยพูดแทรกขึ้นมาอย่างโมโห:“คุณหมอเพิ่งจะพูดไว้ว่ายังไง? ให้เธอกินอาหารอ่อนๆ”

จูฮุ่ยตำหนิเสี่ยวอี้เสร็จ ก็หันไปตำหนิไป๋มู่ชิงต่อ:“เธอก็เหมือนกัน รู้ว่าไม่กี่วันมานี้อาการป่วยของเสี่ยวอี้ยังไม่คงที่ก็ยังจะพาเขามาที่ห้างเดินเล่นไปเรื่อย”

ถูกแม่ดุแบบนี้ เสี่ยวอี้กับไป๋มู่ชิงก็มองตากัน ต่างคนต่างทำหน้าตลก แล้วหันกลับเดินออกไปจากตู้เก็บความเย็น

พอไป๋มู่ชิงหันกลับ ก็เห็นว่าไป๋ยิ่งอันปรากฏอยู่ตรงหน้าตนเองเธอก็รู้สึกแปลกใจ

ในมือของไป๋ยิ่งอันเข็นรถเข็นสำหรับช๊อปปิ้งอยู่ ในรถเข็นมีวัตถุดิบในการทำอาหารหลายอย่าง เขาออกมาซื้อกับข้าวเป็นด้วย? น่าจะเป็นครั้งแรกล่ะมั้ง

ไป๋มู่ชิงไม่ได้สนใจเขา จูงมือของเสี่ยวอี้:“เสี่ยวอี้ พวกเราไปเดินเล่นฝั่งนั้นกัน”

ไป๋ยิ่งอันเข็นรถมาที่ด้านหน้าเธอ ขวางทางที่เธอจะไป สายตาที่อมยิ้มนั้นสังเกตเธออยู่:“เดินเล่นอย่างสบายใจเหรอ ไม่คิดว่าเธอจะมีเวลาออกมาเดินเล่นกับคนอื่นเขาด้วย”

ไป๋มู่ชิงมองที่เขา พูดออกมาเบาๆ:“เธอก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

ไป๋ยิ่งอันยักไหล่:“ฉันจะเหมือนกันได้ยังไง? ฉันเป็นคนว่างงานที่ไม่มีงานอะไรต้องทำ แต่เธอไม่เหมือนกัน อีกไม่กี่วันก็ต้องแต่งงานกับหลินอันหนานแล้ว เวลานี้ไม่ใช่ว่ายุ่งจนวุ่นหรอกเหรอ?”

จูฮุ่ยเหมือนกับว่าถูกแม่ลูกตระกูลไป๋ขู่ทำให้หวาดกลัวมาแล้ว พอเห็นไป๋ยิ่งอันก็เดินอ้อมไป รีบช่วยไป๋มู่ชิงพูดตรงหน้า:“เรื่องแต่งงานมีตระกูลหลินเขาจัดการอยู่ฝ่ายเดียว พวกเราไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ นี่ยิ่งอัน เธอก็เดินช๊อปปิ้งไปละกันนะ พวกเราต้องกลับก่อนแล้ว”

“คุณน้า อย่าเพิ่งรีบกลับก่อนสิคะ” ไป๋ยิ่งอันยิ้ม:"วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันออกมาซื้อกับข้าว เดินมาครึ่งวันแล้วไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี ไม่สู้ให้พวกเธอมาช่วยคิดสักหน่อยดีไหม?"

"จริงสิ พวกเธอคงยังไม่รู้สินะ? ฉันกับคุณชายเฉินย้ายไปอยู่ที่ชายเขาด้วยกันสองคนแล้ว วันนี้ตอนเย็นฉันว่าจะกลับไปทำอาหารค่ำใต้แสงเทียน แต่ฉันไม่รู้ว่าอาหารค่ำใต้แสงเทียนเนี่ยต้องเตรียมอะไรบ้าง"

ชายเขา เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ

ไป๋มู่ชิงรู้ว่าตระกูลหนานกงมีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่ชายเขา และยังเป็นหลังที่ดีที่สุดในที่นั่นด้วย มิน่าล่ะไป๋ยิ่งอันถึงได้ยิ้มได้อย่างมีความสุขขนาดนี้

เธอขยับริมฝีปาก:"ขอโทษนะ ฉันก็ไม่เคยทำอาหารค่ำใต้แสงเทียน เลยไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง" พูดจบ เธอก็จูงเสี่ยวอี้อ้อมทางเขาไป

หลังจากเดินผ่านร่างของไป๋ยิ่งอัน เสี่ยวอี้หันกลับไปปะทะกับเขาแล้วทำหน้าตลกใส่:"คนไม่ดี! "

"เสี่ยวอี้! " จูฮุ่ยตบที่หัวของเขาเพื่อเตือนให้ระวัง

เดินออกมาจากห้าง หลังจากกลับมาที่รถ จูฮุ่ยก็ทนไม่ไหวถามออกมา:"มู่ชิง เมื่อกี้เธอก็ได้ยินที่คุณหมอพูด บอกว่าการผ่าตัดของเสี่ยวอี้ต้องรีบทำให้เร็วที่สุด ไม่งั้นนานวันเข้าก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ"

"หนูรู้" ไป๋มู่ชิงลูบหัวเสี่ยวอี้:"หนูจะคิดวางแผนดีๆ"

"ช่วงนี้เธอก็ยุ่งเรื่องงานแต่งของตัวเอง แล้วยังมีเวลามาห่วงน้องชายเธออีกเหรอ?" จูฮุ่ยพูดอย่างไม่สบายใจ เธอเคยพูดไว้นานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ได้พูดออกมาในสิ่งที่อัดอั้น

ไป๋มู่ชิงมองแม่อย่างแปลกใจนิดหน่อย แล้วพูด:"แม่ พวกเราไม่ได้คุยกันดีแล้วเหรอ รอเสร็จงานแต่งงานของหนูกับอันหนาน ก็จะไปผ่าตัดเป็นเพื่อนเสี่ยวอี้"

"สรุปงานแต่งสำคัญหรือว่าชีวิตของน้องชายสำคัญกันแน่? วันนี้เมื่อเช้าน้องชายเธอก็เป็นลมอีก เธอยังมีกะจิตกะใจจัดงานแต่ง?" จูฮุ่ยน้ำเสียงหนักแน่น

ไป๋มู่ชิงเหมือนจะไม่มีความผิด แต่ก็กอดเสี่ยวอี้อย่างละอายใจ:"แน่นอนว่าชีวิตของเสี่ยวอี้สำคัญสิ แต่การผ่าตัดก็ต้องนัดล่วงหน้า อันหนานเขานัดไว้แล้ว หลังจากสองสัปดาห์ก็สามารถผ่าตัดได้เลย"

"สองสัปดาห์? งั้นเธอก็หมายความว่าหลังพวกเธอแต่งงานเสร็จแล้ว ยังต้องไปฮันนีมูนอีกครึ่งเดือน ถึงจะกลับมาจัดการเรื่องเสี่ยวอี้? นี่เธอไม่เป็นห่วงเลยเหรอว่าระหว่างที่รอพวกเธอฮันนีมูน เสี่ยวอี้อาจจะตายที่นี่ก็ได้?"

"แม่......"

"พอแล้ว ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว" เสี่ยวอี้พูดแทรกระหว่างคนสองคนที่ขัดแย้งกัน มือเล็กๆนั้นจับที่แขนของจูฮุ่ยโยกไปมา:"แม่ แม่อย่าไปโทษพี่เลย พี่รักผมที่สุดแล้ว ไม่มีทางที่จะไม่ห่วงผม"

พูดจบก็มาพูดปลอบใจไป๋มู่ชิงต่อ:"พี่ฮะ พี่อย่าโมโหไปเลยนะ แม่แค่เป็นห่วงผม"

ไป๋มู่ชิงมองน้องชายตัวเอง ถอนหายใจเบาๆ:"แม่ เพื่อแม่กับน้อง หนูได้ลิ้มรสถึงความเจ็บปวดของชีวิตแล้ว ถ้าแม่ยังรู้สึกว่าไม่พอ งั้นงานนี้หนูไม่แต่งแล้วโอเคไหม? พรุ่งนี้พวกเราก็พาเสี่ยวอี้ไปรอเวลาผ่าตัดที่โรงพยาบาล"

"ฉัน......" ท่าทางของจูฮุ่ยก็เบาลง ใบหน้ามีความรู้สึกผิด:"มู่ชิง ขอโทษ ฉันพูดพวกนี้ออกไปก็เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของเสี่ยวอี้เกินไป เธออย่าเอามาใส่ใจเลย"

ได้ยินคำขอโทษของเขา ไป๋มู่ชิงยิ้มเจื่อนๆ:"หนูชินตั้งนานแล้ว ยังไงซะในใจของแม่ก็มีแต่เสี่ยวอี้ แต่ว่าแม่วางใจได้ ในใจหนูเสี่ยวอี้สำคัญที่สุด หนูกับแม่ต่างก็เป็นห่วงอาการป่วยของเขาเหมือนกัน"

ในใจเธอก็สำคัญเหมือนกับเสี่ยวอี้ รวมถึงลูกสาวที่ขาดการติดต่อของเธอด้วย

นึกถึงลูกสาวที่น่าสงสารของตัวเองแล้ว เบ้าตาของไป๋มู่ชิงก็เริ่มร้อนอย่างอดไม่ได้

หลังจากจัดการทำความสะอาดเสร็จแล้ว ไป๋ยิ่งอันก็สังเกตฉากอบอุ่นโรแมนติกอย่างละเอียด รู้สึกว่าแสงไฟยังอบอุ่นไม่พอ ก็เลยหันไฟข้างๆปรับให้มืดลงนิดนึง

ดอกไม้สด ไวน์ อาหารตะวันตกชั้นเลิศ......แล้วยังมีไวโอลินที่ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความโรแมนติก ไม่จำเป็นต้องดื่มเหล้า ไป๋ยิ่งอันก็ถูกมอมเมาไปก่อนแล้ว

ได้ยินเสียงรถที่หน้าประตู ไป๋ยิ่งอันดีใจ เปิดมุ้งลวดเพื่อดูด้านนอก เป็นหนานกงเฉินที่กลับมาจริงๆด้วย

เธอให้สัญญาณมือนักไวโอลินกับพ่อครัว แล้วเธอก็วิ่งไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว

ประตูรถเบนซ์ถูกคนเปิดออก คนผิวดำคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ออกมากจากที่นั่งคนขับ ไป๋ยิ่งอันนิ่งอึ้งไป กลับเห็นว่าคนผิวดำเดินไปส่วนเบาะหลังแล้วเปิดประตูออก พูดภาษาจีนไม่ค่อยคล่องออกมาหนึ่งประโยค:"คุณชายเฉิน ถึงแล้วครับ"

หนานกงเฉินก้าวออกมาจากเบาะหลัง ใบหน้าของไป๋ยิ่งอันก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ไปกอดแขนต้อนรับ:"คุณชายใหญ่ คุณกลับมาได้ทันเวลาพอดี"

"คุณหญิงลงครัวครั้งแรก ผมจะเมินเฉยได้ยังไง?" หนานกงเฉินยื่นมือไปจับหลังมือของเธออย่างอ่อนโยน ยิ้มอย่างสบายๆ

"ไปกันเถอะ ฉันจะให้คุณดูเซอร์ไพร์สที่ฉันเตรียมไว้สำหรับคืนนี้เป็นพิเศษ" ไป๋ยิ่งอันจับมือของหนานกงเฉินเดินไปในห้อง ขณะที่ผ่านคนผิวดำคนนั้น เธอมองเขาอย่างไม่รู้ตัว แล้วถามหนานกงเฉินที่อยู่ข้างๆอย่างเสียงเบา:"เขาคือใครเหรอคะ?"

"คนขับรถที่บริษัทเชิญมาใหม่" หนานกงเฉินอมยิ้มตอบ

"ทำไมต้องเชิญคนผิวดำขนาดนี้ล่ะ มองแล้วทำให้คนตกใจกลัว"

"คนผิวดำร่างกายแข็งแรงทำงานได้ดี" หนานกงเฉินใช้มือจับหน้าเธอ:"ไว้ภายหลังเดี๋ยวเธอเข้าใจเอง"

"พอแล้ว แค่คุณรู้สึกว่าดีก็พอแล้ว ยังไงซะเขาก็ขับรถให้คุณ" ไป๋ยิ่งอันพูด เขาไม่สนใจเรื่องเล็กๆพวกนี้หรอก

หนานกงเฉินกวาดสายตาดูรอบๆห้องอาหารที่ถูกไป๋ยิ่งอันตกแต่งให้บรรยากาศอบอุ่นโรแมนติก เอียงข้างไปยิ้มให้เธอเบาๆ:"ผมนึกว่าคุณจะทำอาหารจีนซะอีก ไม่คิดว่าจะเป็นอาหารตะวันตก"

"ตอนแรกฉันก็อยากจะทำอาหารจีนค่ะ หลังจากนั้นพอคิดถึงอาหารตะวันตกก็ยิ่งอยากจะทำมากกว่า ยังไงก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำอาหารให้คุณ ก็ต้องทำให้คุณติดใจจนลืมไม่ลงหน่อยสิ" ไป๋ยิ่งอันเข้าไปโอบกอดใกล้ๆร่างกายของเขา หยอดคำหวานในอ้อมกอดเขาแล้วยิ้มเบาๆ:"ทำไมคะ? ไม่ชอบเหรอ?"

"แน่นอนว่าชอบ" หนานกงเฉินพยักหน้า ก้มหน้าไปจูบที่ขมับของเธอ:"พวกเราเข้าไปนั่งได้แล้วหรือยัง?"

"ได้แน่นอนค่ะ" ไป๋ยิ่งอันลากเขาไปนั่งที่โต๊ะอาหารทรงยาว ตัวเองนั้นก็นั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา รินไวน์บนโต๊ะ:"มื้อค่ำของคืนนี้ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ทำคนเดียว แต่ทุกขั้นตอนในการทำก็มีฝีมือฉันด้วยนะคะ รวมถึงไวน์นี่ก็เป็นไวน์ที่ฉันเลือกมาจากโรงเหล้าของพ่อฉันด้วยตัวเองเลยนะ ลองชิมดูรสชาติเป็นยังไง?"

"ได้สิ" หนานกงเฉินยกแก้วไวน์ขึ้นแกว่งเบาๆ เขาดื่มไปอึกนึงค่อยๆผ่านลำคอไป แล้วพยักหน้าทันที:"ไม่เลว รสชาติถูกปากมาก"

"จริงเหรอคะ? งั้นคุณก็อย่าลืมดื่มเยอะๆนะ คืนนี้พวกเราไม่เมาไม่เลิก" ไป๋ยิ่งอันยิ้มตาหยีพูด

"โอเคครับ" หนานกงเฉินเห็นด้วย

อาหารมื้อค่ำชั้นเลิศค่อยๆถูกทยอยส่งขึ้นมา ทุกอย่างล้วนมีฝีมือที่ละเอียดและงดงาม หลังจากที่ไป๋ยิ่งอันเห็นว่าหนานกงเฉินตัดชิ้นเนื้อตุ๋นเอาเข้าไปปากไปแล้วก็ถามขึ้น:"อร่อยไหมคะ?"

"ไม่เลว คุณก็ทานด้วยสิ" หนานกงเฉินพยักหน้า พร้อมกับตัดเนื้ออีกชิ้นส่งให้เธอที่อยู่ตรงหน้า ไป๋ยิ่งอันอ้างปากรับเข้าไป หลังจากทานเนื้อตุ๋นเสร็จก็ยิ้มตาหยี:"นี่เป็นวัตถุดิบที่ฉันเลือกมาทำด้วยตัวเองเลยนะ"

"อืม เพื่อตอบแทนที่คุณเหนื่อยกับการเตรียมอาหารมื้อนี้ ผมดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว" หนานกงเฉินยกแก้วไวน์ขึ้นแกว่งแก้วเบาๆ

ไป๋ยิ่งอันอดใจรอไม่ไหว อยากจะให้เขาเมาซะเหลือเกิน เธอยกแก้วไวน์ขึ้นชนแก้วกับเขาอย่างไม่ปฏิเสธ หลังจากนั้นอ้าปากจิบหนึ่งคำ

ในบรรยากาศที่มีเสียงดนตรีคลอ มื้อค่ำของทั้งสองคนดำเนินการได้อย่างโรแมนติกและอบอุ่น ถึงขนาดว่าไป๋ยิ่งอันเป็นฝ่ายเชิญหนานกงเฉินมาเต้นรำด้วยกัน และหนานกงเฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

ในใจไป๋ยิ่งอันรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจ พอเพลงจบ ไป๋ยิ่งอันที่หยุดเต้นรำเอนร่างไปพิงในอ้อมกอดของหนานกงเฉินอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็เอาไวน์ที่เคาท์เตอร์บริการเครื่องดื่มที่ถูกเตรียมพร้อมไว้แล้วส่งให้ข้างๆปากของหนานกงเฉิน ต้องการที่จะป้อนเขา

หนานกงเฉินก้มลงมองไวน์ในมือเธอ ดื่มไวน์ในแก้วหมดไปครึ่งนึงอย่างไม่เกรงกลัว แล้วเอาครึ่งนึงที่เหลือไปที่ข้างๆปากเธอ กระซิบข้างหูด้วยเสียงยั่วยวน:"ที่รัก ให้ผมดื่มคนเดียวจะไปสนุกอะไรล่ะ? พวกเราดื่มด้วยกัน......"

ลมหายใจของเขารดอยู่ที่ข้างๆหูของไป๋ยิ่งอัน มือเท้าทั้งสี่ข้างไม่มีกำลังและชาไม่นานก็มาถึงร่างกายของไป๋ยิ่งอัน เธอเหมือนกับคนที่ถูกสะกดจิต อ้าปากดื่มไวน์แก้วที่เหลือเข้าไปอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

หนานกงเฉินเอาแก้วไวน์วางไว้บนโต๊ะ ถามข้างๆหูเธอด้วยเสียงนุ่มนวล:“อยากทานอย่างอื่นอีกไหม?”

“ได้สิคะ” ไป๋ยิ่งอันยิ้มตอบเขา ทั้งสองคนกลับไปยังที่นั่ง

ไป๋ยิ่งอันมองข้ามผ่านแสงเทียนไปยังหนานกงเฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ใต้แสงเทียน ใบหน้าของเขาด้านข้างอีกครึ่งซ่อนอยู่ในเงามืด มองแล้วเป็นสามมิติและเซ็กซี่มีสเน่ห์ได้มากกว่าแสงไฟปกติเสียอีก

ไม่รู้ว่าถูกความหล่อของเขาดึงดูด หรือเพราะว่าไวน์ครึ่งแก้วเมื่อกี้ เธอถึงมีความคิดที่จะโผตัวเข้าไปหา ใจร้อนอยากจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเขาจนตายกันไปข้างหนึ่ง

ก่อนหน้านี้ไวน์แก้วนั้นคือแก้วที่เธอเตรียมไว้ อีกทั้งใส่ลงไปในปริมาณมากด้วย เพราะกลัวว่าหนานกงเฉินจะมองออก ก็เลยรอสถานการณ์จนกว่าเขาจะเริ่มเมาและไม่คิดจะป้องกันถึงจะให้เขาดื่ม

ถึงแม้ว่าดื่มไปแค่ครึ่งแก้ว เธอคิดว่าคืนนี้เขาก็คงหนีไม่พ้นแล้ว

คืนนี้ เขาต้องกลายเป็นของเธอ!

พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็ทนไม่ไหวยิ้มออกมา

“เป็นอะไร? มีเรื่องอะไรถึงดีใจขนาดนั้น?” สายตาของหนานกงเฉินทะลุผ่านแสงเทียนมา อ่อนโยนอย่างกับน้ำ

“ไม่มีอะไรนี่คะ ฉันดีใจที่ได้ทานอาหารมื้อค่ำใต้แสงเทียนกับคุณชายใหญ่” ไป๋ยิ่งอันยืนขึ้นจากเก้าอี้ เดินอ้อมไปหาหนานกงเฉินด้านหน้า หลังจากที่นั่งลงบนขาของเขา ก็เอามือคล้องไปที่คอของเขาต่อ จูบไปริมฝีปากของเขา:“คุณชายใหญ่ ต่อไปพวกเราทำอะไรกันดีคะ?”

เธอรู้สึกได้ถึงร่างกายของตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด เริ่มร้อนรุ่มทีละหน่อย เธอเชื่อว่าหนานกงเฉินก็กำลังเริ่มเปลี่ยนไปเหมือนกับเธอ เพราะเขากับเธอก็ดื่มปริมาณเท่ากัน

“คุณอยากทำอะไร?” หนานกงเฉินยกมือข้างหนึ่ง ลูบไล้ไปที่บริเวณเข็มขัดของกระโปรงชุดนอนเธอ

ปลายนิ้วปาดเบาๆ ชุดนอนผ้าไหมหลุดลงจากหัวไหล่ของเธอ ทันใดนั้นรูปร่างที่เซ็กซี่ยั่วยวนก็เผยให้เห็นอยู่ตรงหน้าเขา

สิ่งที่เธอใส่อยู่ด้านใน คือเสื้อตัวเล็กๆที่วันนั้นเธอตั้งใจไปซื้อที่หัวม่าวเป็นพิเศษ ตั้งไว้ในห้องอยู่หลายวัน วันนี้ในที่สุดเธอก็ได้เอามันออกมาใช้แล้ว

หนานกงเฉินมองร่างกายที่ยั่วยวนของเธอนั้น ริมฝีปากเฉียดผ่านแก้มของเธอแล้วพูดเสียงต่ำอย่างอบอุ่นข้างๆหูเธอว่า:“วันนี้ไม่ง่ายเลยที่จะหาเวลาออกมาอยู่กับคุณ คุณคิดไว้หรือยังว่าจะตอบแทนผมยังไง?”

“คุณคิดว่าฉันจะตอบแทนยังไงล่ะคะ” ไป๋ยิ่งอันออดอ้อนในอ้อมกอดของเขา ความกระหายภายในร่างกายยิ่งนานเข้าก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

“คุณต้องให้คุณอยู่กับผมทั้งคืน! ”

“ได้สิคะ......” ไป๋ยิ่งอันพยักหน้าเกือบจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว เธออยากได้กลับไม่ได้!

“งั้นอีกสักพักพวกเราจะเล่นแบบไหนดี? ที่นี่เหรอ? ห้องรับแขก? บนเตียง? หรือห้องน้ำ? หรือว่า......”

“ฉันต้องการทุกที่” ไป๋ยิ่งอันเอาร่างของตัวเองมาแนบชิดกับเขา ยิ้มอย่างออดอ้อน

หนานกงเฉินเผลอยิ้มออกมา:“ผมคงไม่แข็งแรงขนาดนั้น”

ไป๋ยิ่งอันกลับยกมือสองข้างประคองหน้าของเขาไว้ จูบบนริมฝีปากของเขา:“ไหวสิคะ ฉันมั่นใจว่าคุณไหว คุณชายเฉิน” พูดจบ เธอจะก้มหน้าจูบให้ลึกซึ้งขึ้น หนานกงเฉินกลับเอนหน้าไปด้านข้าง แล้วรีบอุ้มเธอในท่านอนเดินเข้าห้องนอนไป

เขาไม่ได้เปิดไฟ หลังจากวางไป๋ยิ่งอันลงบนเตียงอย่างเบามือ เขาก็กัดเบาๆที่ข้างหูของเธอ:“ที่รัก เป็นเด็กดีรอผมเดี๋ยวเดียวนะ”

แสงไฟจากห้องรับแขกส่องเข้ามา ส่องมาที่หน้าของทั้งสองคนอย่างลางๆ ไป๋ยิ่งอันพยักหน้า ภายในร่างกายของเธอร้อนรุ่มปกคลุมเกือบจะทั้งร่าง รู้สึกได้ถึงอวัยวะทั่วร่างกายเธออ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว

หลังจากหนานกงเฉินออกมา เธอขดตัวออดอ้อนอยู่บนเตียลำพัง ปากก็พร่ำเรียกหา:“คุณชายเฉิน......ฉันคิดถึงคุณ คุณรีบกลับมาหน่อยสิ......เฉิน......”

จนถึงประตูห้องนอนถูกเปิดใหม่ แล้วถูกปิดลงอีกครั้ง เธออยากได้จนสติหายไปหมดแล้ว

เธอลุกขึ้นมาจากบนเตียง กระเสือกกระสนโถมตัวไปทางที่เขาอยู่ พุ่งตรงไปยังอ้อมแขนของเขา ร่างกายกำยำ ผู้ชายที่เปลือยกายตรงหน้าเธอนี้มีความดึงดูดร้ายแรงยิ่งนัก

ช่วงเวลาต่อมา เธอก็ถูกต้อนไปถึงมุมกำแพง ขณะเดียวกันปากและร่างกายก็ถูกควบคุมไปเป็นที่เรียบร้อย

ส่วนหลังของเธอถูกออกแรงไปชนกับกำแพงที่หนาวเย็น

แต่ทว่า เธอกลับชอบ

หนานกงเฉินขับรถออกมาจากเขตชายเขาตามลำพัง รถถูกขับอย่างไม่เร็ว เพราะว่าไม่มีจุดหมายปลายทาง

ขมับของเขามีเหงื่อไหลออกมา ภายในร่างกายร้อนระอุ ขนาดเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำที่สุดก็ไม่สามารถขับไล่มันออกไปได้ เขาหายใจเข้าออกลึกๆ ลดระดับของกระจกในรถทุกบาน

ในระยะเวลาสั้นๆภายในรถก็ถูกลมเย็นๆจากทั้งสี่ด้านมาแทนที่ โดนเสื้อผ้าและเส้นผมของเขาอย่างรุนแรง แต่ทว่า ก็ไม่สามารถทำไมให้อุณหภูมิในร่างกายเขาลดลงได้เลย

เขาใจร้อนอยู่ไม่เป็นสุขแล้วสบถคำออกมาเยอะขึ้น ในใจคิดว่าผู้หญิงคนนั้นใส่ปริมาณลงไปในแก้วไวน์มากแค่ไหนกันแน่ นี่แค่ครึ่งแก้วยังทำให้เขาทนไม่ไหวได้ขนาดนี้ ถ้าเขาดื่มหมดแก้ว คาดว่าประตูของบ้านพักตากอากาศก็คงเดินออกมาไม่พ้น

อีกอย่างอุณหภูมิในร่างกายก็ยิ่งมากขึ้นทุกที ไม่มีท่าทีว่าจะลดลงเลยสักนิด

เขาใช้เท้าเบรกรถให้หยุดที่ข้างถนน นิ้วมือเรียวยาวบีบพวงมาลัยรถแน่น

ผู้หญิงน่าเกลียด!

และเวลานี้ ไป๋ยิ่งอันที่ดื่มอีกครึ่งเหมือนกับเขานั้นได้ปลดปล่อยจนถึงที่สุดและอิ่มอกอิ่มใจแล้ว

ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังทำอย่างที่เธอปรารถนาไว้จริงๆ จากห้องนอนถึงห้องรับแขก ห้องอาหารต่อด้วยห้องน้ำ ตอนนี้ก็เปลี่ยนสถานที่มาเป็นบนเตียงใหญ่ ไป๋ยิ่งอันเริ่มขอให้ไว้ชีวิต

“เฉิน หยุดก่อนได้ไหม!” ไป๋ยิ่งอันพูดขอร้องอ้อนวอน ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังนั้นกลับไม่คิดจะหยุด

ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมเขาถึงโทรหาเธอ? แล้วยังให้เธอออกไปอีก? ไป๋มู่ชิงคิดไม่ออกจริงๆ อีกไม่กี่วันเธอก็ต้องแต่งงานแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสที่มากเกินไปของทั้งสองฝ่าย หลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอก็ไม่สามารถออกไปได้

“คือว่า......คืนนี้คู่หมั้นฉันอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นฉันไม่สามารถออกไปเจอคุณได้” ไป๋มู่ชิงตั้งใจทำเสียงให้ต่ำลง ในใจคิดว่าตนเองพูดแบบนี้แล้ว หนานกงเฉินก็คงรู้สถานการณ์ดีว่าควรทำอย่างไรนะ?

ใครจะไปรู้หนานกงเฉินกลับพูดน้ำเสียงเย็นชา:“งั้นก็ให้คู่หมั้นเธอออกมาช่วยด้วยกันเลย ช่วยฉันเรียกหมอที”

“เรียกหมอ? คุณชายเฉินเป็นอะไร?” ไป๋มู่ชิงตกใจ

“ล้มป่วยน่ะ”

“คุณล้มป่วย?” ไป๋มู่ชิงท่าทางตกใจ เขาเนี่ยนะล้มป่วย? มิน่าล่ะหอบหายใจรุนแรงขนาดนั้น

สติทั้งหมดจู่ๆก็แตกกระเจิง เธอตัดสินใจออกไปข้างนอกแม้เพียงวินาทีเดียวก็ไม่มีลังเล แน่นอนว่าขณะที่เธอดึงประตูให้เปิดนั้น ก็เห็นเสื้อเชิ้ตของหนานกงเฉินไม่เรียบร้อย เหงื่อหยดตรงที่เขายืนพิง ท่าทางเจ็บปวดไม่น้อยเลย

เธอรีบพยุงร่างกายเขา สังเกตเขาไปด้วยรีบถามไปด้วย:“คุณชายเฉิน ยาของคุณล่ะ? ได้พกยาหรือเปล่า?”

ไม่รอให้หนานกงเฉินได้พูดอะไร เธอก็หันไปทางห้องเขา กดรหัสที่ประตูห้องแล้วเข้าไป แต่เขาก็ไม่รอให้วิ่งเข้านอน ข้อมือของเธอก็ถูกดึงมามัดรวบ ร่างเธอล้มไปในอ้อมกอดของเขา

“อะ!” ไป๋มู่ชิงร้องเสียงต่ำ ต่อมาก็ถูกเขาจูบอย่างร้อนแรง ขณะเดียวกันร่างกายของเธอก็ถูกดันไปชนบนตู้รองเท้า

ระหว่างริมฝีปากและฟัน ลมหายใจที่รุนแรงของเขาทำให้ได้กลิ่นหอมของไวน์ที่ส่งมายังเธอ

เธอตกใจอึ้ง นี่เขาทำอะไร? เมาจนบ้าคลั่งเหรอ?

ไม่นานเธอก็ได้สติคืนมา หลังจากนั้นก็ดิ้นรนออกมาตามสัญชาตณาณ:“คุณชายเฉิน คุณดูให้ชัด......ฉัน......ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ......”

เพราะว่าเตรียมตัวจะนอน ตัวเธอนั้นนอกจากชุดกระโปรงนอนผ้าฝ้ายแล้ว เสื้อผ้าอย่างอื่นเธอก็ไม่ได้ใส่

แต่ทว่าสิ่งที่เธอไม่รู้คือ คำพูดประโยคที่ตนเองพูดไปเมื่อกี้ไปกระตุ้นความรู้สึกของเขา รวมถึงเพิ่มความโมโหในร่างกายเขาให้รุนแรงขึ้น

ไป๋มู่ชิงนิ่งอึ่ง หลังจากนั้นก็หยุดดิ้น ครู่ใหญ่ถึงทุบตีเขาที่ไหล่ด้วยความโกรธ:“หนานกงเฉินกำลังทำอะไรกันแน่? คุณมันไร้ยางอาย!ไม่มีศักดิ์ศรี!ขนาดภรรยาน้อยของตัวเองยังทำแบบนี้ได้!คุณปล่อยเลยนะ......!”

เพราะไวน์แก้วนั้นปริมาณความร้อนในร่างหนานกงเฉินเพิ่มขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ทนมาหลายชั่วโมงแล้ว ในที่สุดครั้งนี้ก็ได้ปลดปล่อย เขาจะปล่อยเธอไปได้ยังไง?

เธอพูดว่าเขาไร้ยางอาย? คนหลอกลวงอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าเขาไร้ยางอาย?

พอนึกถึงสิ่งที่เธอทำไว้ก่อนหน้านี้ นึกถึงสิ่งที่เธอปั่นหัวเขาหลอกลวงเขา เขาก็ไม่สามารถทำตัวเองให้สงบลงได้ เขาหนานกงเฉินทั้งชีวิตมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้กลับเป็นครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงสองคนปั่นหัวจนยุ่งเหยิง!

เขาไม่เพียงแต่ไม่ปล่อย ถึงขนาดบ้าคลั่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็หัวเราะเยาะข้างๆหูเธอ:“ตอนแรกเธอวิ่งมาหาฉันที่ห้องดึกๆดื่นๆ ตอนถลกเสื้อผ้าออกยั่วฉัน ทำไมไม่คิดบ้างว่าตัวเองเป็นภรรยาน้อยของฉัน?”

“ฉัน......” ไป๋มู่ชิงพูดไม่ออก

เธอผิดไปแล้ว เธอไม่ควรวิ่งออกมากลางดึกเพราะเป็นห่วงอาการป่วยเขาตั้งแต่แรก แล้วยังเมื่อกี้นี้อีก พอได้ยินว่าเขาล้มป่วยเธอไม่ควรขาดสติแล้ววิ่งออกมาแบบนี้

เธอดิ้นออกจากเขาไม่หลุด อีกทั้งผู้ชายที่เมารัดแน่นขนาดนั้นอีก

ในตอนที่เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง มือถือเธอก็ดังขึ้น

เมื่อกี้ตอนเธอออกมาจากห้อง เธอได้ซ่อนมือถือใส่ในกระเป๋ากระโปรงชุดนอนมาด้วย เธอคลำหามือถือไปทั่ว กลับเอาไม่ออก

หนานกงเฉินเห็นแล้วก็ทนไม่ไหว หยิบมือถือของเธอขึ้นมาจากด้านในกระเป๋าเสื้อ ตอนเขาเห็นหน้าจอมือถือปรากฏชื่อสองคำขึ้นมา‘สามี’ ก็โกรธจนเกือบเป็นลม

ในความสงสัยนั้น ไป๋มู่ชิงรีบหยิบมือถือมา เวลานี้กลับคิดว่าควรจะรับหรือไม่รับดี เมื่อกี้หลินอันหนานโทรมาถามเธอว่านอนหรือยัง ตอนนี้คิดว่าคงเป็นเพราะเจอกับหนานกงเฉินด้านล่าง ก็เลยโทรมาถามเธอเพราะไม่สบายใจ

ถ้าเธอไม่รับโทรศัพท์ตอนนี้ หลินอันหนานโทรมาไม่หยุดอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นอาจจะต้องวิ่งกลับมา ถ้ารับ......จะให้เธอรับยังไง?

“คุณชายเฉิน......ให้ฉันรับโทรศัพท์ก่อนได้ไหม......” เธอพูดอ้อนวอนเขา

“เธอจะบอกเขา ว่าเธอแอบคบชู้กับคนข้างห้องเหรอ?” หนานกงเฉินยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วดึงเธอลงมาจากตู้รองเท้า โยนไปบนโซฟา หลังจากนั้นก็ตามไป

ในตอนนี้ มือถือของไป๋มู่ชิงถูกทำหล่นลงไปแล้ว

มือถือที่หล่นอยู่ที่พื้นดังมาตลอด น่าเสียดายที่เธอหยิบไม่ถึง ความจริงหยิบได้ก็ไม่มีประโยชน์ เธอรับสายไม่ได้ ตอนนี้เธอถูกเขาบังคับขนาดหายใจยังไม่ค่อยจะทัน แล้วจะรับโทรศัพท์ยังไง?

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นหลายรอบ ไป๋มู่ชิงหยุดดิ้นและยอมแพ้ ให้หนานกงเฉินที่อยู่บนร่างเธอระบายอารมณ์ใส่เธอได้อย่างเต็มที่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นอยู่บนเตียงได้ยังไง รู้แค่ไม่ง่ายเลยกว่าทุกอย่างจะนิ่งลง เธอลืมตา พบว่าตัวเองนั้นอยู่บนเตียงใหญ่นุ่มๆแล้ว

ริมฝีปากและฟันของหนานกงเฉินแทะโลมบนไหล่เธอไปเรื่อยๆ หยุดที่ข้างๆหูเธอแล้วพูดเสียงกระซิบอย่างเย้ยหยัน:“เป็นยังไง? ออกนอกลู่นอกทางก่อนแต่งงานรู้สึกฟินไหม?”

ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้แล้ว ไป๋มู่ชิงไม่รู้สึกว่าจำเป็นจะต้องขัดขืน กลับกันเธอนิ่งเงียบมาก

“เป็นอะไร? ฟินไม่พอ?” หนานกงเฉินยิ้ม

เขาทำตามที่สองพี่น้องชอบ ไม่ว่าห้องไหนก็สามารถทำกิจกรรมได้

ผ่านไปครู่ใหญ่ ไป๋มู่ชิงถึงจะพูดออกมาเบาๆ:“ไม่ใช่ว่าคุณต้องกำลังทานอาหารมื้อค่ำใต้แสงเทียนที่ชายเขาอยู่เหรอ?” เธอไม่รู้ว่าตัวเองนั่นพ่นประโยคนี้ออกมาทำไม หรือเพราะว่าหึงงั้นเหรอ?

เธอยอมรับว่าตอนที่อยู่ที่ห้างได้ยินไป๋ยิ่งอันบอกว่าจะทำอาหารมื้อค่ำใต้แสงเทียนด้วยตัวเอง ในใจมีความหึงหวงอยู่นิดหน่อย

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหนานกงเฉินไม่ทานอาหารมื้อค่ำใต้แสงเทียนดีๆ วิ่งมาที่นี่เพื่อทำเรื่องแบบนี้กับเธอ

หนานกงเฉินมอง แล้วยิ้มบางๆ:“ที่แท้เธอรู้?”

ที่แท้เธอก็รู้ หรือว่านี่จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนพวกเธอสองพี่น้อง? ไม่ง่ายเลยที่ในใจเขากว่าจะระบายอารมณ์ออกมาได้ ตอนนี้อารมณ์ร้อนกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกแล้ว

“ฉันเจอเขาไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารที่ห้าง” ไป๋มู่ชิงขยับร่างกาย ย่นคิ้ว:“ปล่อยฉันได้หรือยัง?”

หนานกงเฉินกลับไม่ปล่อยเธอ แต่จูบไปที่บนไหล่ของเธอแทน ยิ้มเบาๆ:“ฉันก็มาจากชายเขาที่นั่นนั่นแหละ พี่สาวเธอเขา......ทนเรื่องแบบนี้ไม่ไหวเท่าเธอ เลยหลับไปนานแล้ว”

“คุณ......น่ารังเกียจ!” ไป๋มู่ชิงพยายามดิ้นให้หลุดพ้นออกมาจากเขา หลังจากนั้นเอาผ้าห่มมาห่อร่างกายตัวเองไว้ ถลึงตาใส่เขา:“คุณเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเจอมา”

เขาพูดเรื่องนี้อย่างสบายใจได้ยังไง?

แค่นึกถึงเรื่องที่เขาเพิ่งจะทำกับไป๋ยิ่งอันไป นึกถึงบนร่างกายเขาน่ามีกลิ่นของผู้หญิงดุร้ายคนนั้นหลงเหลืออยู่ ไป๋มู่ชิงก็อยากจะอาเจียนขึ้นมา

เธอหันร่างจะกลับไป กลับถูกหนานกงเฉินดึงกลับมาเตียง ร่างกายแข็งแรงนั่นกดทับเธอไว้อีกครั้ง มือลูบไปที่กรามของเธอแล้วยิ้มเยาะ:“เมื่อกี้เธอไม่ได้รู้สึกว่าฉันน่ารังเกียจนี่ กลับมีความสุขด้วยซ้ำไป”

“คุณปล่อยฉันนะ” ไป๋มู่ชิงใช้มือทั้งสองดันไปที่หน้าอกของเขา กัดฟันขู่

เสียดายก็แต่เขาไม่เคยสนใจการขู่ของเธอเลยแม่แต่นิด กลับก้มหน้าลงไปจูบบนริมฝีปากเธออย่างยั่วยุ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด