“นี่คืออะไร?” เขาโกรธถามเสียงสั่น
ไป๋มู่ชิงตกใจ รีบดึงคอเสื้อในมือเขากลับมา ติดไว้ที่คอตัวเองเหมือนเดิม ในใจกระวนกระวาย พอเธอตกใจก็ลืมเอาคอเสื้อของตัวเองจัดให้ดี แล้วยังถูกไป๋ยิ่งอันเห็นเข้าโดยบังเอิญอีก
ทำยังไงดี? ถ้าให้ไป๋ยิ่งอันรู้ว่าเมื่อคืนเธอกับหนานกงเฉิน……
ถ้าไม่กล้าคิดไปไกล ดึงแม่แล้วเดินจากไป
ไป๋ยิ่งอันกลับลากกลับมา ถามด้วยความโกรธ:“ฉันถามเธอว่านี่คืออะไร?!”
ไป๋มู่ชิงร้อนใจ ดิ้นไปด้วยใจไม่ดีไปด้วย:“เกี่ยวอะไรกับเธอ?รีบปล่อยมือนะ!”
จูฮุ่ยกับสวีหย่าหรงที่อยู่ด้านข้างเห็นว่าทั้งตัวของไป๋มู่ชิงเต็มไปด้วยร่องรอย ก็ถูกทำให้ช็อคไป จูฮุ่ยถามอย่างตะลึงงัน:“มู่ชิง นี่เธอเป็นอะไร?”
“เป็นอะไร? คุณว่าเธอเป็นอะไรล่ะ? เมื่อคืนลูกสาวคุณแอบคบชู้กับสามีฉัน!” ไป๋ยิ่งอันหันไปทางจูฮุ่ย กวาดสายตามองเขา:“ไม่ใช่สิ คุณร่วมหุ้นกันกับเธอนี่? คุณเห็นพวกเขาคบชู้กันใช่ไหม? ผู้หญิงต่ำช้าอย่างคุณจะแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไร?!”
ไป๋มู่ชิงมองไปรอบข้าง โชคดีที่ตรงนี้เป็นมุมตึกไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปผ่านมา เห็นว่าไป๋ยิ่งอันซักไซ้เธอหลายคำถามก็รู้สึกหวาดผวา หันหน้าไปตอบ:“ฉันเปล่า!”
“เปล่า? เธอยังกล้าพูดว่าเปล่า?” ไป๋ยิ่งอันโกรธจัด ตะโกนอย่างอารมณ์ขึ้น:“งั้นเธอว่าร่องรอยที่ไม่รู้จักความละอายพวกนี้มันมาจากไหนล่ะ? หลินอันหนานเหลือไว้ให้เธอเหรอ?”
“คุณว่า เมื่อคืนเธออยู่กับหลินอันหนานหรือเปล่า?” ไป๋ยิ่งอันหันไปถามจูฮุ่ย
จูฮุ่ยส่ายหน้า:“ไม่ใช่ ยิ่งอันเธอจะใส่ความมู่ชิงอย่างนี้ไม่ได้นะ เมื่อคืนเขานอนอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น”
“ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น? ร่างกายของเขาเกือบจะถูกผู้ชายแทะจนเละแล้ว คุณมองไม่เห็นเหรอ?” ไป๋ยิ่งอันพูดแล้วเดินไปดึงเสื้อของไป๋มู่ชิง
จูฮุ่ยไม่ได้พูดอะไร เท่าที่เขารู้ เมื่อคืนไป๋มู่ชิงไม่ได้ออกไปไหน แต่รอยบนร่างกายของไป๋มู่ชิงมันเกิดอะไรขึ้น?
ไป๋ยิ่งอันโกรธจนน้ำตาไหล เมื่อคืนเธอตั้งใจทำอาหารค่ำใต้แสงเทียน ตั้งใจให้หนานกงเฉินดื่มไวน์แก้วนั้น สุดท้ายไม่เพียงแต่คนอื่นได้ประโยชน์จากจุดนี้ ตัวเธอเองกลับถูกผู้ชายน่ารังเกียจคนนั้นยึดครองทั้งคืน
เธอยิ่งคิดยิ่งโกรธ ยิ่งคิดยิ่งไม่คุ้มค่าเอาซะเลย!
สวีหย่าหรงเมื่อสักครู่ได้ฟังไป๋ยิ่งอันเล่าเรื่องเมื่อคืนแล้ว ครั้งนี้ได้เห็นรอยบนตัวของไป๋มู่ชิงอีก แล้วเห็นปฏิกิริยาของไป๋ยิ่งอัน ก็พอเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอกัดฟันแล้วพ่นประโยคนึงออกมา:“เหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูกจริงๆ เป็นคู่แม่ลูกที่ต่ำช้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณเลวมาก่อน ฉันจะเลวตามได้ยังไง?” ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็ทนไม่ไหว โมโหและพ่นประโยคพวกนี้ไปยังเขา:“คุณผู้หญิงหนานกง หลังจากนี้กรุณาช่วยจับตาดูสามีคุณให้ดีด้วย อย่าให้เขาวิ่งวุ่นไปทั่ว”
“เธอว่าอะไรนะ? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไปยั่วเขา เขาจะทำ......!”
“คุณเข้าใจผิดแล้ว เขาต่างหากที่ยั่วฉัน เรื่องนี้ฉันก็รำคาญใจอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นหลังจากนี้คุณก็ดูแลเขาดีๆด้วย จับตาดูเขาให้ดี เติมเต็มเขา......”
“เธอ......!” ไป๋ยิ่งอันโกรธจนคลั่งไปแล้ว กำลังจะเข้ามาตบเธอ
ไป๋มู่ชิงมือไวกว่าเอาฝ่ามือขวางเขาไว้ แล้วหมุนร่างเดินจากไป
แต่ทว่าพอหันร่างกลับถูกหลินอันหนานที่ยืนอยู่ด้านหลังทำให้ตกใจ สมองก็ว่างเปล่ากะทันหัน
เธอมองหลินอันหนานที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึงงัน ในเมื่อไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เวลานี้ใบหน้าของเขาอึมครึม ตัวแข็งทื่อ เห็นได้ชัด ว่าสิ่งที่ควรได้ยินเขาได้ยินหมดแล้ว
เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับหลินอันหนานยังไง ก็เลยก้มหน้า รีบวิ่งไปทางลิฟต์ที่อยู่ด้านข้าง
ลิฟต์ยังอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เธอรอไม่ไหว ก็เลยหันไปทางบันไดหนีไฟ
“มู่ชิง เธอหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” จูฮุ่ยอับอายจนโกรธแล้วตามเข้ามาในบันไดหนีไฟ สั่งคำสั่งตามหลังเธอไป
ไป๋มู่ชิงหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับมา และคงไม่มีหน้าหันหลับมา
จูฮุ่ยเดินขึ้นไป จ้องเธอแล้วถามเสียงสั่น:“เธอบอกมาว่าเป็นความจริงหรือเปล่า? เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? แล้วยังรอยพวกนั้นบนตัวเธออีก......” จูฮุ่ยดึงคอเสื้อของเธอลงมา ดึงออกเยอะกว่าไป๋ยิ่งอันซะอีก
ได้ยินเสียงเสื้อผ้า‘แควก’ ขาดลง
“เธอพูดสิ!สรุปเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” จูฮุ่ยจ้องเขม็งรอยแดงคล้ำบนไหล่เธอแล้วตะโกนออกมา
ไป๋มู่ชิงอ้าปาก กลับพูดไม่ออก ได้แค่อายจนหน้าแดงแล้วจะดึงเสื้อผ้ากลับ แต่ทว่า เสื้อผ้าขาดแล้วก็คือขาดเลย ดึงกลับไม่ได้แล้ว
ความเงียบคือการยอมรับที่ดีที่สุดอย่างต้องไม่สงสัย ในที่สุดจูฮุ่ยก็ทนไม่ไหวฟาดมือมาที่หน้าเธอ:“ทำไมเธอเลวขนาดนั้น? อันหนานไม่ดีกับเธอเหรอ? ทำไมต้องไปยั่วสามีของคนอื่น?”
ไป๋มู่ชิงถูกเขาสะบัดฝ่ามือมา ร่างล้มไปยังราวจับบันไดด้านข้าง เธอทำได้แค่รีบเอามือไปพยุงไว้เพื่อให้ร่างกายมั่นคง
“หนูไม่ได้ยั่วเขา......” เธอแก้ต่างแล้วก้มหน้า
“ไม่ได้ยั่ว? งั้นมันคืออะไร?” จูฮุ่ยจ้องเขม็งเธออย่างโมโห แล้วซักไซ้ต่อ:“ฉันถามเธอ เมื่อคืนเธอออกไปข้างนอกตอนไหน? ทำไมฉันไม่รู้ ตอนนี้เธอปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ กล้าแอบฉันออกไปทำเรื่องวุ่นวายข้างนอกใช่ไหม? ไป๋ยิ่งอันเป็นคนแบบไหน? ผู้ชายของเขาเธอยังกล้าแย่ง? เธอตั้งใจให้ฉันกับเสี่ยวอี้ช่วยกันฝังศพให้เธองั้นเหรอ? เธอ......”
จูฮุ่ยโกรธจนพูดต่อไปไม่ได้แล้ว สุดท้ายก็กัดฟัน:“ฉันเตือนเธอนะ ครั้งนี้ทางที่ดีอย่าหาเรื่องให้ฉันดีกว่า ไม่เช่นนั้นฉันกับเสี่ยวอี้จะไม่ให้อภัยเธอ!”
พูดจบ เขาก็หมุนร่างออกไปจากบันไดฉุกเฉิน
ภายในห้องบันไดเงียบลง คำพูดของแม่ดังก้องอยู่ในหูของเธอ ไป๋ยิ่งอันใช้มือทั้งสองพยุงที่ราวจับบันได ค่อยๆนั่งลง แล้วล้มนั่งที่ขั้นบันได
เธอรู้ดีว่าเมื่อคืนตัวเองนั้นไม่รู้จักความละอายขนาดไหน ไม่น่าให้อภัยอย่างมาก เธอก็ไม่มีหน้าไปเจอหลินอันหนานเหมือนกัน เธอก้มศีรษะเอาหน้าไปปิดตรงที่ระหว่างหัวเข่า สะอึกสะอื้นออกมาเบาๆ
หลินอันหนานยืนอยู่ด้านหลังเธอสักพัก แล้วเดินมานั่งข้างๆเธออย่างเงียบๆ เห็นว่าไหล่ที่ผอมจนเห็นกระดูกของเธอกำลังสั่น และคอเสื้อที่ถูกฉีกจนยุ่ยก็ค่อยๆไหลลงมา
เขาเอาเสื้อสูทนอกที่ตัวเองแขวนไว้ที่ข้อพับมาตลอดคลุมไปที่ร่างเธอ และยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา
ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่สักพัก ไป๋มู่ชิงจู่ๆก็พูดออกมาเสียงเบาๆ:“อันหนาน พวกเรายกเลิกงานแต่งกันเถอะ”
หลินอันหนานหันหน้ากลับมา จ้องหน้าด้านข้างของเธอ:“ทำไมล่ะ?”
“ฉันในตอนนี้......คุณยังต้องการอีกเหรอ?” ไป๋มู่ชิงกระพริบตาทั้งสองข้าง:“ความรู้สึกแบบนี้ฉันเคยลิ้มรสมาแล้ว ตอนนั้นตอนที่คุณกับไป๋ยิ่งอันนัวเนียอยู่ด้วยกัน ฉันเห็นแล้วก็คลื่นไส้อยากจะอาเจียน ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณในตอนนี้ดี ฉันที่อยู่ตรงหน้าคุณ ในใจคุณก็คงอยากจะอาเจียนเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”
หลินอันหนานมองหน้าด้านข้างของเธอที่เจ็บปวดเสียใจ ยิ้มเจื่อน:“ตอนนั้นเป็นผมเองที่ผลักคุณไปให้หนานกงเฉิน ขนาดลูกคุณยังเคยมีกับเขาเลย แค่เพิ่มเมื่อคืนอีกครั้งเอง?”
ไป๋มู่ชิงหันกลับมาอย่างตกใจ จ้องมองเขา
นี่เขาต้องการแต่งงานกับเธอต่อ? ทำไมล่ะ!
สายตาของเขาประสานกับเธอ สายตามีความรู้สึกเสียใจอยู่:“ถ้าเมื่อคืนผมไม่ได้ยืนหยัดที่จะไป แต่ยืนหยัดตามใจตัวเองกลับไปที่ข้างบนอีกครั้ง คงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นใช่ไหม?”
ไป๋มู่ชิงสะอึกสะอื้น แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ความจริงแล้วเมื่อคืนตอนที่ผมโทรไปหาคุณแล้วไม่ได้รับ ผมใจร้อนรีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ผมก็คิดอีกว่าบางทีคุณคงหลับไปแล้ว หลังจากนั้นก็วางความคิดที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ลง พอมาคิดตอนนี้ เดิมทีผมมีลางสังหรณ์จริงๆ ผมสังหรณ์ใจว่าคุณกับหนานกงเฉินคงเกิดเรื่องนั้นขึ้น เพราะว่าผมเจอเขาเข้าที่ด้านล่าง”
หลินอันหนานส่ายหน้า ยิ้มข่มความเจ็บปวดไว้
“ขอโทษนะ......” ไป๋มู่ชิงพูดอย่างรู้สึกผิด:“ฉันไม่ได้ตั้งใจ หลังจากที่ฉันรับสายคุณเสร็จไม่ถึงหนึ่งนาทีเขาก็โทรมาหาฉัน เขาบอกว่าเขาไม่สบาย พอฉันได้ยินก็รีบหุนหันออกไป หลังจากนั้น......”
เธอกะพริบตาลง น้ำตาจากนัยน์ตาก็ร่วงไหลลงมา
หลินอันหนานนึกถึงสภาพของหนานกงเฉินเมื่อคืน ดูเขาแล้วไม่เหมือนป่วยเลย แต่กลับเหมือนเมามากกว่า แต่ไม่ว่าจะป่วยหรือเมา ถ้าใจเขาคิดจะต่อต้านมีเหรอจะต้านไม่ไหว?
เขาฝืนยิ้มแล้วส่ายหน้า:“ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว ผมไม่อยากฟัง”
ไป๋มู่ชิงรู้ดีถ้าให้เขาฟังเรื่องแบบนี้มันโหดร้ายมาก ก็ไม่ได้พูดอีก ใบหน้าเล็กๆปิดลงไปที่ระหว่างหัวเข่าอีกครั้งน้ำตาไหลออกมา
ทั้งสองเงียบลงสักพัก หลินอันหนานก็เริ่มพูดก่อนว่า:“กลับกันเถอะ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ต้องนั่งอยู่ที่นี่แล้ว”
ไป๋มู่ชิงพยักหน้า ขณะที่ลุกขึ้นมาจากพื้นนั้นก็หยิบสูทนอกขึ้นมาด้วย
“เรื่องพิธีแต่งงาน……” หลินอันหนานยิ้ม:“ยังคงจัดตามปกติ เพราะฉะนั้นเธอต้องปรับอารมณ์ของตัวเองให้ได้ เตรียมตัวให้พร้อมที่จะเป็นเจ้าสาวคนใหม่ที่มีความสุขเถอะ”
เขายื่นมือมาลูบที่มุมปากของเธอ:“ไม่มีงานแต่งไหนที่มีคนชอบมองเจ้าสาวที่หน้านิ่วคิ้วขมวดหรอกนะ”
เห็นได้ชัดว่าท่าทางของเขาถือสาแต่กลับแกล้งทำว่าไม่สนใจ ในใจก็รู้สึกผิดต่อเขามากขึ้นไปอีก ตาทั้งสองข้างของเธอจู่ๆก็มีน้ำตาไหลออกมา มองไปที่เขา:“อันหนาน ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
หลินอันหนานมองตาเธอ พยักหน้าให้ยิ้มเล็กน้อย:“ผมเชื่อใจคุณ”
เห็นว่าไป๋ยิ่งอันโมโหท่าทางคล้ายกับคนบ้าเดินไปเดินมาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยด้านนอก สวีหย่าหรงอารมณ์ไม่ดี:“ยิ่งอัน ฉันว่าเธอ ทำไมเธอไม่มีประโยชน์ขนาดนั้น? เห็นได้ชัดว่ามีโอกาสอยู่ตรงหน้าเธอนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งเธอก็เป็นคนทำโอกาสนั้นหล่นหายไป”
จังหวะเดินของไป๋ยิ่งอันหยุดลง พูดอย่างอารมณ์ไม่ดี:“แม่ แม่ก็อย่าเพิ่งตำหนิหนูเลย แม่ควรจะไปฉีกไป๋มู่ชิงผู้หญิงต่ำช้าคนนั้นให้เป็นชิ้นๆ!”
“ถ้าให้ฉันดูตามไอคิวของเธอ ฉีกผู้หญิงทั้งโลกให้เป็นชิ้นๆก็คงไม่ได้รับรักจากหนานกงเฉินหรอก”
“แม่……”
“พอแล้วๆ เธอก็ไม่ต้องคิดตามฉันแล้ว แค่เรื่องของพ่อเธอก็ทำให้ฉันปวดหัวพอแล้ว” สวีหย่าหรงปัดป่ายมือมาทางเธอ
ไป๋ยิ่งอันกลับหันไปทางเขาอย่างรวดเร็ว ถามว่า:“แม่ หนูคิดไม่ออก ในสถานการณ์ที่ร่างกายของคุณชายเฉินลำบาก ทำไมยังวิ่งออกไปด้านนอกได้ อีกอย่างยังวิ่งไปไกลถึงสวนเซียงตี แม่ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่า?”
สวีหย่าหรงชำเลืองมองเธอ:“เวลาที่ผู้ชายเขามีความต้องการ เขาไม่เรื่องมากหรอก อีกอย่างยังเป็นผู้ชายที่ถูกวางยาอีก”
มันก็จริง อย่าว่าแต่ผู้ชายเลย ขนาดเธอเป็นผู้หญิงก็เหมือนกันตอนที่ร่างกายร้อนดั่งไฟก็ขาดสติ ขาดความสามารถในการแยกแยะ แม้แต่ในอ้อมกอดที่กอดอยู่นั้นไม่ใช่หนานกงเฉินเธอก็ยังไม่รู้เลย
แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ ระแวงว่าทำไมหนานกงเฉินถึงไม่ต้องการเธอ อีกทั้งคนขับรถคนนั้นโผล่มาที่ห้องของเธออย่างเหมาะเจาะ
ท่าทางประหลาดใจและสงสัยนี้ ทำให้ไป๋ยิ่งอันรีบพุ่งออกจากโรงพยาบาลบุกไปยังบริษัทหนานกงกรุ๊ปชั้นบนสุดของตึก
ขณะที่พนักงานหญิงที่เคาน์เตอร์พาเธอไปหาหนานกงเฉินที่ห้องทำงานตามมารยาทนั้น หนานกงเฉินกำลังคุยงานอยู่กับเลขาเหยียน เห็นเธอเข้ามา เลขาเหยียนก็หอบเอกสารบนโต๊ะไปทางเสียงของเธอที่ทักทายมาแล้วหมุนร่างเดินออกไป
ไป๋ยิ่งอันอ้อมโต๊ะทำงานไป แล้วยืนอยู่ตรงหน้าหนานกงเฉินมองลงที่เขาแล้วถามว่า:“เฉิน ฉันถามคุณหน่อย เมื่อคืนสรุปแล้วคุณไปทำอะไรมากันแน่?”
ในครั้งแรกที่หนานกงเฉินเห็นเธอ ก็เดาได้ว่าเธอมาเพราะเรื่องนี้ เขาปิดฝาปากกาในมืออย่างไม่รีบร้อนอะไร หลังจากเอาปากกาที่เซ็นนั้นใส่เข้าไปในที่เสียบปากกาก็ตอบอย่างสบายๆ:“ไม่ได้บอกเธอไปแล้วเหรอ เดิมทีบริษัทมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ แต่เพราะว่าดื่มเยอะเกินไปรู้สึกว่าทั้งร่างไม่สบายตัว ก็เลยหาที่ใกล้ๆแถวนั้นพักผ่อน”
“คุณมันคนโกหก!เมื่อคืนคุณอยู่กับไป๋มู่ชิงชัดๆ!” เธอพูดแทรกเขาด้วยความโกรธ ซักไซ้อย่างทั้งโกรธทั้งน้อยใจ:“ทำไมคุณต้องไปอยู่กับมัน? หรือว่าคุณโดนมันยั่ว? หรือว่าฉันสวยไม่เท่ามันหุ่นดีไม่เท่ามัน?”
หนานกงเฉินยิ้ม จับมือของเธอแล้วดึงเธอมาบนขาของตัวเอง ฝ่ามือคลุมไปที่ส่วนเว้าโค้งตรงหน้าอกของเธอ:“คุณผู้หญิง หุ่นคุณดีกว่าเขาเยอะเลย”
“คุณ!คุณยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเมื่อคืนอยู่กับมัน?” ไป๋ยิ่งอันถูกทำให้โกรธจัด
“ใช่ครับ เหล้าของพ่อคุณในช่วงสุดท้ายออกฤทธิ์เต็มที่เกินไป ผมรอกลับไปเจอคุณไม่ไหว ทำได้แค่หาร่างกายใครสักคนมาแก้ไขปัญหานี้”
“คุณไปหามันได้ยังไง?”
“เขาพักอยู่ข้างห้องผม ไม่งั้นผมจะหาใครได้อีก?” หนานกงเฉินจู่ๆก็ใช้ฝ่ามือโอบหน้าของเธอ สังเกตเธอ:“จริงสิ เมื่อคืนคุณก็ดื่มไปไม่น้อย คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ทั้งตัวร้อนเหมือนถูกไฟเผา นึกถึงแต่เพศตรงข้ามอย่างบ้าคลั่งเหมือนผมหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...