เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 135

มองรอยยิ้มที่เดิมทีสง่าตอนนี้ก็เริ่มถูกความชั่วร้ายย้อมทับ ในที่สุดไป๋จิ้งผิงก็สำนึกได้ว่าเขาไม่เหมือนกับพูดเล่นอยู่ แล้วนึกถึงเรื่องที่ภรรยาและลูกสาวของตัวเองทำในช่วงนี้

ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดกระทันหัน หนานกงเฉินรู้แล้ว? เขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

งั้นเรื่องของบริษัท……

ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงจะเอ่ยปากถามอย่างกล้าๆกลัวๆ:"บริษัทยิ่นเทียน…...เป็นของคุณ?"

"ถูกต้อง" หนานกงเฉินพยักหน้า

"คุณ……!" ไป๋จิ้งผิงยืนขึ้นจากโซฟาอย่างฉับพลัน กัดฟันแล้วจ้องไปที่เขาอย่างตะลึงงัน ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่าคุณทำเอาไว้

"แต่ว่านี่เป็นแค่การโต้ตอบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ที่ยอดเยี่ยมกว่านี้อยู่ข้างหลังต่างหาก" หนานกงเฉินเอาบุหรี่กดไปที่ที่เขี่ยบุหรี่ให้ดับลง ยิ้มอย่างไม่มีภัย "ท่านประธานไป๋ แผนการเล็กน้อยของผมเมื่อเทียบกับแผนการที่ยิ่งใหญ่ของพวกคุณตระกูลไป๋แล้วมันคนละชั้นกันเลย ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด"

"ตกลงคุณจะเอายังไง?" ผ่านไปครู่ใหญ่ไป๋จิ้งผิงถึงถาม วันนี้เขาอุตส่าห์แบกหน้ามาขอความช่วยเหลือและสนับสนุน ไม่ได้คิดว่าผลจะออกมาเป็นอย่างนี้ เป็นผลที่ทำให้คนตกใจและโมโหในเวลาเดียวกัน

เขายืนทรงตัวไม่ค่อยอยู่ล้มนั่งบนโซฟา โมโหจนหัวใจบีบรัดเป็นพักๆ

หนานกงเฉินชายตามองกระปุกยาเล็กๆบนโต๊ะ ยิ้มอย่างหยอกเล่น:"เมื่อกี้ก็พูดแล้วไง เอายาเม็ดในนี้ไปแบ่งให้ลูกสาวทั้งสองของคุณหนึ่งคนต่อหนึ่งเม็ด แล้วผมจะส่งบริษัทไป๋ซื่อกับยิ่นเทียนให้คุณ"

"คุณเอาอะไรมาล้อเล่น? คุณบ้าไปแล้ว!"

ให้เขาฆ่าลูกสาวด้วยมือของเขาเอง? เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?

"ที่บ้าคือตระกูลไป๋ของพวกคุณ……" ร่างกายของหนานกงเฉินเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย รินแก้วชาแล้วจิบหนึ่งอึก ชายตามองไปยังเขา:"แล้วก็…...ผมหนานกงเฉินไม่เคยล้อเล่น"

"เอาแบบนี้ไหม ผมให้คุณเลือกอีกที" หนานกงเฉินใช้กรามชี้ไปทางหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น:"คุณกระโดดจากตรงนี้ลงไปสิ ผมก็จะปล่อยลูกสาวที่รักของคุณทั้งสองไป"

ไป๋จิ้งผิงมองตามสายตาของเขาไปทางหน้าต่าง นี่มันชั้นหกสิบนะ กระโดดลงไปคงตายแน่ๆ

"ก็ยังไม่ยินยอมใช่ไหม?" หนานกงเฉินลุกขึ้นยืนจากโซฟา ยิ้ม:"ท่านประธานไป๋ไม่ต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ล้อคุณเล่นเฉยๆเท่านั้นเอง ยี่สิบปีที่อยู่ในคุกคงเจ็บปวดกว่าการกระโดดลงไปจากที่นี่สินะ ผมกลับชอบท่าทางของคุณตอนที่ติดคุก คงสนุกแน่นอน"

"หนานกงเฉิน…...คุณมันไม่ใช่คน!" ไป๋จิ้งผิงโมโหจนร่างกายไม่มั่นคงแล้ว

"ใช่ ผมไม่ใช่คน ตระกูลไป๋ต่างหากคือคน"

"คุณ……"

หนานกงเฉินเห็นว่าท่าทางเขาเหมือนจะล้มลงมา ก็รีบเดินไปที่โต๊ะทำงานโทรบอกฝ่ายเลขา:"เรียกรถพยาบาลมาหน่อย"

หลังจากที่เอาไมโครโฟนติดไว้แล้ว หนานกงเฉินหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง:"ท่านประธานไป๋ ยังมีเรื่องอะไรต้องพูดอีกไหม? ถ้าไม่มี…...ขอโทษทีนะ ผมยุ่งมาก"

ไป๋จิ้งผิงยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก จังหวะหายใจก็ไม่มั่นคง เขาจ้องหนานกงเฉินด้วยความลำบากแล้วถามออกมา:"ผมตายแล้ว จะช่วยให้ความโกรธของคุณลดน้อยลงไหม?"

หนานกงเฉินไตร่ตรองสักพัก ลากมุมปากแล้วยิ้ม:"บอกไม่ได้"

"พ่อเกิดอะไรขึ้น? วันนี้ตอนบ่ายยังดีๆอยู่ไม่ใช่เหรอ?" ไป๋ยิ่งอันมองไป๋จิ้งผิงบนเตียงผู้ป่วยไปด้วย ถามอย่างกังวลไปด้วย

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เลขาของหนานกงเฉินมาที่นี่พร้อมกับรถพยาบาล" สวีหย่าหรงพูด:"ฉันได้ยินเลขาผู้หญิงคนนั้นพูดว่าพ่อเธอเป็นลมล้มลงในห้องทำงานของหนานกงเฉิน ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น"

"หรือว่าคุณชายเฉินจะไม่ตอบรับ? พ่อก็เลยรีบ?" ไป๋ยิ่งอันล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า:"หนูจะโทรไปถามคุณชายเฉิน"

เธอถือโทรศัพท์กำลังจะกดโทร ไป๋จิ้งผิงในตอนนี้กลับหันหน้ามาหาเธออย่าเงียบๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีแรง:"ไม่ต้องหรอก……"

"พ่อ พ่อฟื้นแล้ว?" ไป๋ยิ่งอันอึ้งไปสักพัก รีบวางโทรศัพท์แล้วไปจับมือของพ่อไว้:"พ่อ พ่อเป็นไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?"

ไป๋จิ้งผิงอ้าปาก กลับพูดไม่ออกสักประโยค ทำได้แค่บีบมือเล็กๆของไป๋ยิ่งอัน

"พ่อ พ่อไม่ต้องพูดแล้ว นอนพักแบบนี้นี่แหละ"

ไป๋จิ้งผิงมองเธอ หางตาทั้งสองข้างมีน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว

"ยิ่งอัน…...เป็นเพราะไม่ได้ปกป้องพวกเธอให้ดี พ่อไม่มีความสามารถ" ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขารักลูกสาวเกินไป ลูกสาวคงไม่เปลี่ยนเป็นแบบนี้ที่ในตอนนี้ใช้อำนาจบาตรใหญ่

ถ้าในตอนนั้นไม่ใช่เขาเห็นด้วยกับความคิดของภรรยาที่ให้ไป๋มู่ชิงกลับมาแต่งงานแทน ตระกูลไป๋คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างวันนี้ เรื่องบริษัทเขาไม่กล้าจะหวังอะไรแล้ว ตอนนี้ขอแค่หนานกงเฉินปล่อยภรรยากับลูกสาวของตัวเองไป

"พ่อ…...พ่ออย่าเป็นแบบนี้สิ" ไป๋ยิ่งอันน้ำตารื้นจนอารมณ์ทุกอย่างแสดงออกอยู่บนใบหน้า:"ไม่มีบริษัทแล้วก็ไม่เป็นไร อนาคตหนูสามารถเลี้ยงพ่อกับแม่ได้ อย่าลืมสิว่าตอนนี้หนูเป็นถึงนายหญิงน้อยของตระกูลหนานกงเลยนะ"

"นายหญิงน้อยของตระกูลหนานกง……" ไป๋จิ้งผิงยิ้มออกมาด้วยความเจ็บปวด บีบมือของเธอ:"ยิ่งอัน…...ถ้าวันไหนหนานกงเฉินไม่ต้องการเธอแล้ว อย่าเพิ่งรีบร้อนนะ แล้วก็อย่าทำเรื่องโง่ๆลงไป ให้หาผู้ชายดีๆแต่งงานด้วยใช้ชีวิตให้ดี"

"พ่อ พ่อพูดอะไรน่ะ?"

"พ่อพูดหลักความเป็นจริงกับเธออยู่" ไป๋จิ้งผิงไม่ได้บอกพวกเขาเรื่องที่หนานกงเฉินเปลี่ยนไปตอนนี้ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะตื่นตระหนก กลัวพวกเขาจะรับไม่ได้

ไป๋มู่ชิงก็ใกล้จะแต่งงานกับหลินอันหนานแล้ว เขาไม่อยากให้กระทบถึงงานแต่งของคู่สามีภรรยา ถ้าหลินอันหนานสามารถปกป้องไป๋มู่ชิงได้ ก็คงจะดีไม่น้อย!

"คุณผู้ชาย ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นโรคมะเร็งสักหน่อย และก็ไม่ได้มีโรคอะไรร้ายแรง แค่ร่างกายไม่มีแรงก็เท่านั้นเอง อย่าทำให้เหมือนว่ามาลาได้ไหมแบบนี้ทำให้ลูกตกใจกลัวนะ" สวีหย่าหรงเป็นห่วงแทนเขา:"ไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนเถอะ ฉันยังรอให้คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วคิดบัญชีอยู่นะ"

ไป๋จิ้งผิงรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องเมื่อวานตอนบ่ายที่เขาได้เจอกับจูฮุ่ย ยิ้มอย่างอ่อนแรง:"ได้…...ผมจะรอให้คุณมาคิดบัญชีกับผม ถ้าคุณไม่มาหาผมแล้วทะเลาะสามวันสามคืนผมคงไม่ชินซะมากกว่า"

"ยังจะพูดเล่นอีก" สวีหย่าหรงด่าอย่างโมโห

จูฮุ่ยคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ถือโอกาสที่สวีหย่าหรงกับไป๋ยิ่งอันไม่อยู่มาหาไป๋จิ้งผิงที่ห้องผู้ป่วย

พยาบาลสาวเห็นว่าเธอเข้ามา มองไป๋จิ้งผิงที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย หลังจากนั้นก็ถอยออกไปตามสถานการณ์

ไป๋จิ้งผิงไม่ได้คาดหวังว่าจูฮุ่ยจะมาเยี่ยมตนเอง หลังจากที่บนหน้าเกิดความประหลาดใจขึ้น ก็เรียกเสียงเบา:"เสี่ยวฮุ่ย คุณมาแล้ว"

จูฮุ่ยเดินเข้าไป สังเกตว่าเขาซูบลงไปเยอะ ความสงสารในใจก็ล้นออกมา:"คุณสบายดีไหม?"

"ก็ดี ดีกว่าเมื่อวานเยอะเลย" ไป๋จิ้งผิงพยายามพยุงตัวให้นั่งขึ้นมา จูฮุ่ยรีบเดินไปช่วยเอาหมอนรองให้เขา

"คุณล่ะ? เสี่ยวอี้เป็นยังไงบ้าง?" ไป๋จิ้งผิงถามกลับ

"เขาสบายดี กำลังรอเข้ารับการผ่าตัด"

บทสนทนาของทั้งสองเงียบลง บรรยากาศก็เลยอึดอัดนิดหน่อย จูฮุ่ยทำลายความเงียบ:"ฉันก็แค่มาเยี่ยมคุณ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นฉันกลับก่อนนะ"

"เสี่ยวฮุ่ย" จู่ๆไป๋จิ้งผิงก็ยื่นมือออกมา ขณะที่เธอกำลังหมุนร่างไปก็คว้ามือของเธอไว้

จูฮุ่ยนิ่งอึ้ง หันหน้ามามองเขา

"ผมสามารถถามเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม สรุปว่ามู่ชิงเป็นลูกสาวของผมหรือเปล่า?" ไป๋จิ้งผิงมองแล้วถามเธอด้วยมาดเอาจริงเอาจัง

จูฮุ่ยมองเขา แล้วยิ้มด้วยความเจ็บปวด

เธอนึกว่าเขาจะพูดคำขอโทษออกมา ทั้งปีนั้น และช่วงนี้ เรื่องที่เขาทำผิดกับเธอมีเยอะมาก หรือพูดกับเธอเรื่องอื่นก็ได้ อย่างน้อยก็ทำให้เธอรู้สึกปลื้มใจสักนิด น่าเสียดาย!

เขาไร้น้ำใจขนาดนี้ เธอกลับเป็นห่วงเขาจากใจจริง หลังจากที่เจอกันเมื่อวานตอนบ่าย ใจของเธอไม่ค่อยดี

เห็นได้ชัดว่าคนอื่นเขาไม่ต้องการเธอไม่สนใจเธอตั้งนานแล้ว หลังจากที่เธอเห็นว่าเขาป่วยเธอกลับยังรักและสงสารเขา เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นเลวมาก เมื่อวานต่อว่ามู่ชิงอย่างรุนแรง ความจริงแล้วเธอกำลังด่าตัวเองอยู่!

"คุณช่วยบอกความจริงผมได้ไหม?" ไป๋จิ้งผิงรอไม่ไหวถามออกมาอีกประโยค

จูฮุ่ยกระพริบตาทั้งสองข้าง บังคับให้น้ำตาที่อยู่ใต้ตากลับไป พูดอย่างเศร้าสลด:"ตอนที่มู่ชิงยังเด็ก ฉันพาเธอไปที่ตระกูลไป๋เพื่อแนะนำให้ทุกคนรู้จัก แม่ของคุณด่าฉันแรงมาก บอกว่าเกิดลูกผู้หญิงยังจะมีหน้ากลับมาแย่งตำแหน่งคุณผู้หญิงของตระกูลไป๋อีก หลังจากนั้นหนึ่งปีฉันไปที่นั่นอีกครั้ง เขาก็ชี้หน้าของมู่ชิงบอกว่าหน้าตาไม่เหมือนกับคนตระกูลไป๋เลย หลังจากนั้นก็ถีบหัวส่งพวกเราสองคนแม่ลูกออกไปจากตระกูลไป๋ หลังจากนั้นอีก ฉันโกรธมากก็เลยให้มู่ชิงเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างให้เหมือนไป๋ยิ่งอัน กลับโดนแม่ของคุณกับคุณผู้หญิงเฆี่ยนตี คุณผู้หญิงของคุณยังถือมีดมาข่มขู่ว่าจะทำลายหน้าของมู่ชิง ครั้งนั้น ฉันก็เลยเลิกคิด และในที่สุดก็เข้าใจได้ว่าไม่ใช่พวกคุณตระกูลไป๋ไม่เชื่อมู่ชิง แต่เป็นเพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่อยากจะยอมรับเธอ ฉันรู้ทุกครั้งที่ฉันพามู่ชิงไปที่นั่น คุณเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องไม่ยอมออกมาพบฉัน ยิ่งไปกว่านั้นหน้าของมู่ชิงคุณไม่แม้แต่จะเคยเห็น แต่ที่ฉันไม่เข้าใจ ไป๋ยิ่งอันก็เป็นเด็กผู้หญิง แต่ทำไมเขาถึงได้รับความรักจากแม่คุณล่ะ? เพราะว่าทางบ้านของสวีหย่าหรงมีฐานะงั้นเหรอ?"

ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวน้ำตารินไหลออกมา สะอึกสะอื้นเสียงต่ำ:"คุณรู้ว่ามู่ชิงเป็นลูกสาวแท้ๆของคุณชัดๆ แต่กลับยังถามแบบนี้ ถ้าลูกที่ฉันเกิดเป็นผู้ชาย พวกคุณตระกูลไป๋คงไม่ทำแบบนี้กับฉันใช่ไหม? ต้องโทษที่ฉันไม่มีประโยชน์ เกิดลูกผู้ชายไม่ได้ถูกไหม……?"

เธอกัดริมฝีปาก พูดต่อไม่ได้แล้ว

ไป๋จิ้งผิงมองไปยังเธอ ครู่ใหญ่ถึงจะพูดออกมาสามคำอย่างรู้สึกผิด:"ขอโทษนะ"

"ขอโทษจะไปมีประโยชน์อะไร? คุณทำร้ายฉันกับมู่ชิงจนกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะว่าพวกคุณปฏิเสธอีกครั้ง ฉันคงไม่พามู่ชิงไปศัลยกรรมหรอก ยิ่งไม่ให้พวกคุณมีโอกาสบังคับให้เธอแต่งงานกับตระกูลหนานกง" จูฮุ่ยส่ายหน้ากะทันหัน:"ไม่ ต้องโทษฉันถึงจะถูก เพราะฉันใจร้อนเกินไป เพราะฉันทำร้ายมู่ชิงจนกลายมาเป็นถึงทุกวันนี้"

เบ้าตาของไป๋จิ้งผิงก็เริ่มร้อน ใบหน้ารู้สึกผิด:"เธอพูดถูก เป็นความผิดของฉันเอง"

แต่ว่านะ รู้ว่าผิดแล้วจะมีประโยชน์อะไร? มันไม่มีทางที่จะชดเชยได้อีกแล้ว

"หวังว่างานแต่งงานของเขาในวันมะรืนนี้จะเป็นไปได้ราบรื่น หวังว่าเขากับหลินอันหนานสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข" ไป๋จิ้งผิงพูดพึมพำ:"หลินอันหนานรักเขามากใช่ไหม? เขาจะปกป้องมู่ชิงได้ใช่ไหม?"

จูฮุ่ยมองเขา:"คุณไม่ได้กำลังสงสัยเขาเหรอ? ทำไมต้องกังวลอนาคตของเขาด้วย?"

"ขอแค่เธอบอกฉันกับปากว่ามู่ชิงเป็นลูกสาวแท้ๆของฉัน ฉันก็จะไม่สงสัยอีก" ไป๋จิ้งผิงจ้องมาที่เธอ ประโยคนี้ที่เขาไม่กล้าพูดออกมาเขาก็ได้พูดออกมาแล้ว

ถ้าตอนนี้เขายังไม่กล้ายอมรับลูกสาวคนนี้อีก พอเขาเป็นวิญญาณก็คงจะไม่ให้อภัยตนเองเหมือนกัน

"ให้ผมได้เจอเขาหน่อยได้ไหม?" จู่ๆเขาก็พูดน้ำเสียงขอร้อง

จูฮุ่ยมองเขา หลังจากที่เงียบไปสักพักก็ส่ายหน้า:"เจอแล้วจะทำยังไงต่อ? คุณจะทำอะไรได้? คุณกล้ารับเขากลับเข้าตระกูลไหม? คุณกล้ายอมรับเขาไหม? คุณจะให้เขาแต่งออกจากบ้านใหญ่ตระกูลไป๋ไหม?"

ไป๋จิ้งผิงเงียบลง

จูฮุ่ยยิ้มเยาะ:"ถ้าพวกนี้คุณยังทำไม่ได้ แล้วจะมีหน้าอะไรไปเจอเขา?"

"เสี่ยวฮุ่ย" ไป๋จิ้งผิงเงยหน้ามองเธอแล้วพูด:"อย่าทำแบบนี้ได้ไหม? ก็คิดซะว่าฉันอยากจะทำหน้าที่พ่อที่จะเจอลูกสาวของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย"

"ทำไมเป็นครั้งสุดท้าย? ตกลงคุณเป็นอะไรกันแน่?" จูฮุ่ยได้ยินเขาพูดแบบนี้ จู่ๆก็กังวล

ไป๋จิ้งผิงส่ายหน้า:"ไม่มีอะไร ฉันก็แค่รู้สึกว่าร่างกายของฉันไม่ค่อยจะไหวแล้ว ฉันกลัวว่าถ้าวันไหนตัวเองไม่ระวังก็คงจะล้มลง แล้วก็ บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ถึงแม้ว่าฉันตอนนี้จะยังไม่ตาย อนาคตก็คงจะเข้าไปอยู่ในคุก"

จูฮุ่ยได้ยินเพียงแค่ไป๋ซื่อเกิดปัญหาขึ้น กลับไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงเพียงนี้ เธอแต่ไหนแต่ไรมาก็ใจอ่อนอยู่แล้ว หลังจากที่ได้ยินไป๋จิ้งผิงพูดแบบนี้ก็คงต้องประนีประนอม หมุนร่างออกไปทางประตูห้องผู้ป่วย

ไป๋มู่ชิงไม่อยากจะเจอกับไป๋จิ้งผิง ในตอนนั้นที่ออกมาจากตระกูลไป๋เธอก็ตะโกนใส่หน้าไป๋จิ้งผิงว่าต้องการจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา อีกทั้งตัดสินใจแล้วว่าจะแตกหักกับเขา

แต่เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจการโน้มน้าวและอ้อนวอนของแม่ได้ สุดท้ายก็มาที่หน้าเตียงผู้ป่วยของไป๋จิ้งผิง

มองคนที่อยู่บนเตียงกับสองคนก่อนหน้านี้ พ่อที่ดูอ่อนแรง คนที่แต่ไหนแต่ไรมาจิตใจดีอย่างเธอก็อดสงสารไม่ได้ แต่สงสารก็ส่วนสงสาร ภายนอกยังคงเย็นชาอยู่

"ท่านประธานไป๋ เรียกหาฉันมีธุระอะไร?" เธอถามอย่างหน้าตาเฉย

ไป๋จิ้งผิงมองสีหน้าเย็นชาของเธอ ในใจรู้สึกเสียใจ แต่สิ่งเหล่านี้เขารนหาที่เอง ใจเขารู้ดีที่สุด สายตาจับจ้องไปที่เธอครู่ใหญ่ เขาถึงเริ่มพูดออกมา:"มู่ชิง ขอโทษนะ"

ไป๋มู่ชิงส่ายหน้า:"ท่านประธานไป๋ ฉันไม่รับคำขอโทษของคุณ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรอีกไหม?"

"มู่ชิง" จูฮุ่ยเตือนเธอเสียงเบาอยู่ข้างๆ:"พูดแบบนี้กับพ่อไม่ได้นะ"

ไป๋มู่ชิงกลับหันไปทางจูฮุ่ยอย่างโกรธ จ้องเขาแล้วอารมณ์ไม่ดี:"แม่ แม่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แม่ลืมไปแล้วเหรอว่าพวกเขาทำอะไรกับพวกเราไว้บ้าง? กลับให้หนูยอมรับเขาเป็นพ่อ? สรุปแม่ยังเหลือความเคารพตัวเองกับขีดจำกัดอยู่บ้างไหม?"

เธอโกรธจัด พูดไปพูดมาอย่างไม่สนใจถึงขนาดไม่ได้เป็นกังวลถึงความรู้สึกของแม่

ตอนนั้นก็เป็นเพราะว่าแม่เอาแต่โน้มน้าวเธอให้ยกโทษให้พ่อ ตอนที่เธอโดนคนตระกูลไป๋เสแสร้งแกล้งทำว่ารับเธอเข้าตระกูลแล้วเพื่อจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันก็วิ่งไปอย่างโง่ๆ แล้วก็โดนเขาบีบบังคับให้แต่งงานกับหนานกงเฉิน

หนึ่งปีมานี้ เธอกว่าจะผ่านมาได้ก็เกือบตาย แม่ที่อ่อนแอคนนี้กลับอยากให้เธอให้อภัย?

ตอนนี้ก็นับว่าเธอเข้าใจแล้ว นิสัยของตัวเองอ่อนแอไม่มีความสามารถขนาดนั้น หลักๆเลยก็คงเป็นเพราะกรรมพันธุ์ที่มาจากแม่ที่ไม่มีประโยชน์คนนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด