หนานกงเฉินปล่อยมือจากปุ่มลิฟต์และเดินเข้าไปยืนข้างๆเธอ
เพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆเธอไป๋มู่ชิงก็สัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลัง
เธอเอนตัวเข้ามุมลิฟต์โดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวัง "พรุ่งนี้ฉันจะต้องจัดงานแต่งแล้ว คืนนี้จะมีเพื่อนๆกับสไตล์ลิสต์มานะคะ"
สิ่งที่เธอหมายถึงนั้นชัดเจน บ้านของเธอนั้นมีคน เขาไม่มีสิทธิ์คิดไม่ซื่อกับเธอเป็นอันขาด
หนานกงเฉินหันกลับมา ใช้ร่างกายขวางเธอไว้ที่มุมลิฟต์ และใช้นิ้วเรียวแตะริมฝีปากที่น่าดึงดูดของเธอ"ไม่ต้องกังวลคืนนี้ฉันไม่ได้ดื่ม"
"งั้นก็ดี" ไป๋มู่ชิงหันหน้าหนีอย่างลุกลี้ลุกลน พยายามเอานิ้วที่เขากดเข้ากับริมฝีปากของเธอออกไป
หนานกงเฉินไม่ให้โอกาสเธอได้ผละออกไป และพูดต่ออย่างเรียบง่ายว่า "และ ... ฉันเป็นโรคกลัวเชื้อโรค ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่เพิ่งถูกผู้ชายคนอื่นจูบมา"
"ฟู่ ... " ไป๋มู่ชิงสูดหายใจ เริ่มรู้สึกเจ็บเบาๆที่ริมฝีปากของเธอ
"ในเมื่อคุณไม่ชอบ ก็ปล่อยรีบปล่อยฉันสิ "
ลิฟต์ได้หยุดลงที่ชั้นที่ทั้งสองคนอยู่ ไป๋มู่ชิงผลักเขาออกอย่างแรงและพยายามเบียดร่างกายเขาออกไป
แต่ก่อนที่เธอจะวิ่งออกจากลิฟต์ จู่ๆก็มีมือมาพันธนาการที่เอวของเธอ และหนานกงเฉินก็พาเธอกลับเข้าสู่อ้อมแขนของเขา ที่เอวมีแขนอันทรงพลังของเขา ร่างกายของเธอแนบแน่นไปกับเขา ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ
“ พรุ่งนี้แต่งงานใช่ไหม” เขาก้มลงมองเธอ
เธอพยักหน้าราวกับหุ่นยนต์ "ใช่ค่ะ"
"เธออยากได้ของขวัญแต่งงานแบบไหนล่ะ พี่เขยจะให้เธอ ไม่สิ...ต้องบอกว่าบอกคนรักจะให้เธอเอง"
“ ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นค่ะ” เธอพยายามอย่างหนักที่จะดันตัวเองออกจากพันธนาการของเขา แต่เธอก็ไม่สามารถออกจากอ้อมแขนของเขาได้เลย
"หนานกงเฉิน ถ้านายยังไม่ปล่อยฉันอีก ฉันจะตะโกนแล้วนะ!" เธอขู่ด้วยความโกรธ
ในที่สุดหนานกงเฉินก็ปล่อยมือออกจากตัวเธอ ไม่ใช่เพราะเขากลัวเธอร้องตะโกน แต่เป็นเพราะเขาได้เล่นจนพอใจแล้ว
ทันทีที่เธอเป็นอิสระ ไป๋มู่ชิงก็หันหลังและรีบออกจากลิฟต์ เธอวิ่งไปไม่กี่ก้าวจนไม่ได้ยินเสียงหนานกงเฉินไช่ตามมา เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงรีบใส่รหัสผ่านที่ประตูด้วยความรวดเร็วและเปิดประตูเข้าห้องไป
จะกระทั้งประตูทุกบานถูกล็อคหมดแล้ว ประตูระเบียงเองก็ถูกล็อคเช่นกัน ในที่สุดไป๋มู่ชิงก้รู้สึกโล่งใจ เธอเดินเข้าไปในห้องนอน มองดูริมฝีปากที่ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ ยังดีที่ไม่ถูกเขาทำร้ายจนเป็นแผล
เธออาบน้ำและเก็บของเล็กน้อย จากนั้นก็ขึ้นเตียงนอนหลับพักผ่อน
เธอไม่ให้เหยาเหม่ยเข้ามาเพราะเมื่อพิจารณาแล้วว่าหนานกงเฉินรู้จักเหยาเหม่ยและรู้ว่าเหยาเหม่ยเป็นภรรยาของเพื่อนเขา ถ้าหากเจอเธอ เขาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน
หลับตาลง เธอพยายามอย่างมากที่จะทำให้ตัวเองหลับโดยเร็วที่สุด แต่เธอกลับไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างนั้นก็มีสายโทรศัพท์จากหลินอันหนาน และโทรศัพท์ทางไกลจากต่างประเทศที่มาแสดงความยินดีของซซี่ หลังจากวางสาย เธอก็ยังคงไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย
เป็นเพราะหนานกงเฉินอาศัยอยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงหรือไงกัน? จึงเป็นสาเหตุให้ใจของฉันเริ่มสับสนวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ทำไมฉันถึงกลัวเขามากขึ้นเรื่อยๆกันนะ? กลัวแม้กระทั่งเงาของเขา
หลังจากคิดเพ้อเจ้อมาพักหนึ่ง ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็หลับได้สักที แต่หลังจากหลับได้ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายของพวกสไตล์ลิสต์นั่นเอง
ก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่าง ไป๋มู่ชิงถูกแต่งหน้าแต่งตัวโดยความช่วยเหลือของสไตล์ลิสต์
เธอได้รับสายจากหลินอันหนานด้วยความงุนงง อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์หลินอันหนานคงจะตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อถามเธออย่างสดชื่อว่าตื่นหรือยัง
ไป๋มู่ชิงลืมตาขึ้นและมองตัวเองในกระจก "ฉันกำลังแต่งหน้าอยู่"
"อะไรนะ?ยังไม่ตื่นเหรอ"
"อืม" ไป๋มู่ชิงอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา:"การแต่งงานมันเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก"
“ เด็กดี อดทนสักหน่อยก็ผ่านไปแล้วนะ กลางคืนก็ค่อยนอนชดเชยนะ” เสียงของหลินอันนั้นฟังดูเอาแต่ใจ
ไป๋มู่ชิงพยักหน้าแล้วถามว่า "แปดโมงมารับฉันไม่ได้เหรอ คุณตื่นมาทำอะไรเช้าขนาดนี้"
“ เพราะฉันอยากแต่งงานกับเธอไวๆน่ะสิ” หลินอันหนานยิ้มเบา ๆ
เขาไม่ได้บอกไป๋มู่ชิงว่าในความเป็นจริงนั้นเขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจ มักจะรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าจะได้ไป๋มู่ชิงมาอย่างราบรื่น
ทำไมถึงมีความรู้สึกแย่ ๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้
ไป๋มู่ชิงเหลือบมองเวลาบนกำแพงและปลอบว่า "เพิ่งจะตีห้าเอง เช้าเกินไป ไปนอนอีกสักหน่อยเถอะ"
"ไม่เป็นไร ฉันตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ"
“ ก็ได้้ ถ้างั้นเดินทางปลอดภัยนะ”
"เอาล่ะ ไม่รบกวนคุณแต่งตัวแล้วนะ" หลินอันหนานกล่าวด้วยรอยยิ้มและวางสายโทรศัพท์
ไป๋มู่ชิงวางโทรศัพท์และมองตัวเองในกระจก ตอนนี้เธอในกระจกนั้นดูสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วมีออร่าของเจ้าสาวอีกด้วย
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงฉากที่เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเมื่อปีที่แล้วโดยไม่มีชุดแต่งงานและผ้าคลุมศีรษะที่สวยงาม ไม่มีสไตล์ลิสต์มากมาย เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเธอใส่เสื้อผ้าแบบไหนและเธอก็กลายเป็นภรรยาของหนานกงเฉินด้วยความงุนงง
หนึ่งปีต่อมาวันนี้เธอก็ได้กลับมาเป็นเจ้าสาวอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่เธออยากจะแต่งงานด้วย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าครั้งที่แล้วมากนัก
เธอหลับตานึกถึงสิ่งดีๆทั้งหมดที่หลินอันหนานทำให้เธอ และเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
เธอจะแต่งงานกับคนที่ดีกับตัวเองได้ไหมนะ เธอยังมีอะไรที่ดีกว่านี้ให้เลือกอีกนะ?
ทันใดนั้นเธอรู้สึกอยากจะโทรหาหลินอันหนาน เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรออกอีกครั้ง ที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์หลินอันหนานดูแปลกใจเล็กน้อย"ไป๋มู่ชิง เป็นอะไรเหรอ?"
“ อันหนาน ฉันอยากคุยกับคุณ”
“ เธออยากคุยเรื่องอะไร?” น้ำเสียงของหลินอันหนานเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
ไป่มู่ชิงหัวเราะ "อย่ากังวลนักสิ ฉันแค่มีความในใจบางอย่างจะบอกกับคุณ"
ความในใจ ... ฟังแล้วดูน่าตื่นเต้นนะ!
หลินอันหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า"งั้นก็ได้ เธอพูดมาสิ ฉันฟังอยู่"
ไป๋มู่ชิงบีบโทรศัพท์บนฝ่ามือของเธอแน่น และพูดว่า "ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณอยู่ในร้านกาแฟ ฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น ฉันไม่รู้ว่าทำอะไร มีครอบครัวหรือแฟนหรือไม่ เพียงแค่นั้นฉันก็ถูกคุณดึงดูด เพียงแค่คุณยื่นมือมาเล็กน้อย ฉันก็พร้อมที่จะติดกับดักแล้ว จนกลายเป็นแฟนของคุณ ตอนนั้นฉันรักคุณจากใจจริงๆ และยังเป็นรักครั้งแรกของฉันอีกด้วย จนกระทั่ง ... "
"มู่ชิง คุณหยุดพูดเรื่องนั้นได้ไหม" หลินอันหนานขัดเธอ "ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยความผิดพลาดนั้น ดังนั้นโปรดหยุดพูดถึงเรื่องนี้เถอะ"
"อันหนาน ฉันยกโทษให้คุณค่ะ"
"เธอพูดว่าอะไรนะ?"
"ฉันบอกว่าฉันยกโทษให้คุณ" ไป่มู่ชิงย้ำ "ตราบใดที่คุณไม่ทรยศฉันอีก ฉันจะยกโทษให้คุณ และฉันจะรักคุณและชอบคุณเหมือนเดิม"
"มู่ชิง ... " หลินอันหนานกระซิบเสียงเบาอย่างประหลาดใจ "เธอพูดจริงเหรอ?"
"อืม"
หลินอันหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า "นี่เป็นของขวัญแต่งงานที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับมาเลย"
“ งั้นคุณต้องรักษาไว้ให้ดีนะคะ”
"ไม่ต้องห่วง ฉันจะถนอมมันไว้ ต่อไปฉันจะรักเธอเหมือนเดิมและฉันจะไม่ทำเรื่องเลวทรามแบบนั้นอีก"
"โอเคค่ะ ฉันเชื่อคุณ"
“ แล้วเธอล่ะ ... ” หลินอันหนานลังเล
ไป๋มู่ชิงยิ้มเบา ๆ "ไม่ต้องกังวล ฉันจะลืมสิ่งต่างๆและผู้คนในอดีตให้เร็วที่สุดและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง"
“ อืม ... แล้วฉันจะปรารถนาสิ่งสวยงามในอนาคตได้ไหม”
"อะไรเหรอคะ"
"เช่น มีลูกให้เร็วที่สุด"
ไป่มู่ชิงเงียบ ลูกเอ๋ย หัวใจของเธอเริ่มเจ็บปวดอีกครั้ง ในขณะที่ยังหาลูกของเธอไม่เจอนั้นเธอจะมีลูกคนใหม่มาแทนที่หรือเปล่า?
ไม่ เธอทำแบบนี้ไม่ได้ เธอตัดสินใจแล้วว่าหลังแต่งงานเธอจะออกไปตามหาลูกสาวของเธอ และจะต้องพาลูกสาวกลับมาให้ได้
หลินอันหนานรู้สึกถึงความเงียบของเขาและหัวเราะเบา ๆ "เธอก็รู้ว่าแม่ของฉันเร่งให้ฉันมีลูก เพราะอยากอุ้มหลานไวๆ แต่ถ้าเธอไม่อยากเร่งรีบตอนนี้ล่ะก็ ไม่เป็นไรนะ พวกเรารอก่อนก็ได้"
"ฉันแค่คิดว่าฉันเพิ่งลอดไปไม่นานถ้าจะคลอดอีก ... อันหนาน งั้นพวกเราปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ" เธอเปลี่ยนเรื่อง "โอเค คุณทำธุระไปนะคะ ไว้เจอกันค่ะ"
"โอเค ไว้เจอกัน" หลินอันหนานกำลังจะวางสาย แต่ไป๋มู่ชิงก็พูดว่า "อันหนาน คุณจะทำทุกอย่างเพื่อฉันจริงๆเหรอ?"
"อืม แน่นอน"
"เช่น ... ยอมรับความคิดเล็กๆ น้อยๆ ยอมรับลูกของฉัน ... ฉันหมายถึง ... ถ้าลูกของฉันยังไม่ตาย" ในที่สุดเธอก็พูดประโยคนี้ออกมา
หลินอันหนานครุ่นคิดสักพักก่อนจะพยักหน้า "แน่นอน"
"จริงเหรอถ้าอย่างนั้นคุณช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม"
“ เรื่องอะไรเหรอ”
"ฉัน ... " ไป๋มู่ชิงกระพริบตาที่มีน้ำตาและหัวเราะเบา ๆ"ฉันจะบอกคุณหลังงานแต่งงานนะคะ"
ถ้าเธอบอกหลินอันหนานว่าตอนนี้ลูกสาวของเธออาจยังมีชีวิตอยู่ และขอให้เขาช่วยตามหา เขาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน แต่เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขาจริง ๆ หลังจากคิดได้แล้วเธอก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้หลังแต่งงาน
“ มีอะไรเหรอ?” หลินอันหนานถูกกระตุ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเธอ
"มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ฉันจะบอกคุณหลังจากแต่งงานนะคะ"
หลินอันหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "โอเค ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เธอเอง ไม่ต้องกังวล"
"ค่ะ" ไป๋มู่ชิงถอนหายใจอย่างโล่งอกและวางสายโทรศัพท์
เธอไม่รู้ว่ามันเหมาะสมหรือไม่ที่จะบอกหลินอันหนานเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น เธอได้คิดมาเป็นเวลานานก่อนที่จะตัดสินใจ
เพิ่มคนช่วยมาหนึ่งคน ก็เหมือนกับความหวังเพิ่มขึ้นมาอีกไม่ใช่เหรอ?
ณ โรงพยาบาล ไป๋จิ้งผิงตื่นขึ้นมาและเห็นไป๋ยิ่งอันอยู่หน้าเตียง เขามองไปที่เธอและถามว่า "ยิ่งอัน วันนี้มู่ชิงแต่งงานแล้วเธอไม่ควรอยู่ที่นั่นเหรอ?"
"หนูจะอยู่ที่นั่นในฐานะคุณผู้หญิงของตระกูลหนานกง แต่ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ค่ะ แค่ไปทำพิธีตอนสิบเอ็ดโมง" ไป๋ยิ่งอันจับมือเขา: "พ่อ หนูอยากอยู่เป็นเพื่อนพ่อที่นี่ก่อน"
“ ที่นี่มีพยาบาล เธอไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอก”
"หนูเองก็ไม่มีอะไรจะทำแล้ว" ไป๋ยิ่งอันยิ้ม "หนูกลัวว่าพ่ออยู่ที่นี่คนเดียวจะเบื่อ"
"ยิ่งอัน ... " ไป๋จิ้งผิงตบมือของเธอและพูดด้วยรอยยิ้มที่แสนขมขื่น "แม้ว่าเธอจะเอาแต่ใจ แต่เธอก็ยังเป็นเด็กดี พ่อปลื้มใจมากๆ"
“ แน่นอนสิคะ พ่อเป็นพ่อแท้ๆของหนู หนูไม่กตัญญูต่อพ่อแล้วจะกตัญญูต่อใครล่ะคะ”
"เด็กดี" ไป๋จิงผิงมองไปรอบ ๆ "แล้วแม่ของเธอล่ะ?
"ก่อนมาที่นี่หนูโทรไปที่บ้านแล้วค่ะ ป้าหงบอกว่าแม่ออกมาแล้ว น่าจะกำลังเดินทางมาค่ะ" ไป๋ยิ่งอันหันกลับมาและเดินไปที่โต๊ะข้างเตียง หลังจากพูดจบก็หยิบขนมออกมาจากถุง "พ่อ หนูเอาเค้กสับปะรดของโปรดมาให้ พ่อลองชิมดูสิ”
เธอยื่นขนมชิ้นหนึ่งป้อนไปที่ปากของไป๋จิ้งผิง ไป๋จิงผิงอ้าปากกัดและพยักหน้าอย่างยินดี "อื้ม อร่อยมาก"
"จริงเหรอคะ ถ้าอร่อยก็กินอีกสิคะ" ไป๋ยิ่งอันหยิบให้เขาเพิ่มอีกชิ้น
"มา ฉินกินเอง" ไป๋จิ้งผิงหยิบรับขนมจากเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ขนมที่ลูกสาวสุดที่รักของฉันซื้อมาให้ อร่อยกว่าขนมที่คนอื่นซื้อมาอีก"
“ จริงเหรอคะ งั้นเอาไว้หนูจะซื้อมาให้บ่อยๆนะคะ”
"ดี ดี" ไป๋จิ้งผิงพยักหน้า แต่ดวงตาของเขากลับหรี่ลงโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขาปัดเศษขนมปังออกจากมือ จากนั้นก็หยิบบัตรธนาคารออกมาจากใต้หมอนแล้วยื่นให้เธอ "ยิ่งอัน เธอน่ะเป็นเด็กที่เอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่บริษัทของเรื่องเกิดปัญหาแบบนี้ ต่อไปพ่อก็คงตามใจลูกไม่ได้อีกแล้ว นี่คือเงินก้อนสุดท้ายของพ่อ รหัสผ่านคือวันเกิดของลูก เธอจะต้องประหยัดนะรู้ไหม "
ไป๋ยิ่งอัน มองไปที่บัตรธนาคารในมือของเขาและน้ำตาไหลก็ไหลริน"พ่อ ตัวพ่อเองก็ไม่มีเงิน ยังจะเอามาให้หนูอีกทำไม ต่อไปนี้ควรจะเป็นหนูที่เลี้ยงพ่อสิคะ"
เธอผลักฝ่ามือของไป๋จิ้งผิงกลับไป "พ่อเก็บไปเถอะค่ะ ตอนนี้หนูเป็นถึงคุณผู้หญิงตระกูลหนานกง จะขัดสนเรื่องเงินทองได้ยังไงกัน"
"หนานกง ... " ไป๋จิ้งผิงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น"ยิ่งอันหนานกงเฉินไม่มีทางจะดีกับเธอ ดังนั้นเธอจะต้องรู้จักปกป้องและเลี้ยงดูตัวเองให้ได้"
“ ทำไมพ่อถึงพูดแบบนั้นล่ะ หนานกงเฉินดีกับหนูมาก”ไป๋ยิ่งอันรู้สึกงงงวย นอกเหนือจากบางครั้งที่เขาทำตัวเมินเฉย เรื่องอื่นๆเขาก็ดีทั้งหมด
ไป๋จิ้งผิงยิ้มอย่างขมขื่นอีกครั้ง "ยังไงก็ตาม เธอฟังที่พ่อพูดนะ เก็บเงินเอาไว้ อีกหน่อยก็คงได้ใช้ประโยชน์ และ ... " เขาคว้ามือของไป๋ยิ่งอันมาจับไว้"ถ้าหากในอนาคตฉันดูและพวกเธอไม่ได้ล่ะก็ ได้โปรดดูแลแม่ของเธอแทนฉัน แม่เธอก็เป็นคนเอาแต่ใจเช่นเดียวกันกับเธอต้องการให้คนมาดูแล"
"พ่อ พ่อกำลังพูดเรื่องอะไรนะ ทำไมพ่อถึงดูแลพวกเราไม่ได้" ไป่ยิ่งอันก็รู้สึกเศร้าเช่นกัน "เพราะปัญหาเรื่องภาษีเหรอคะ ไม่ต้องกังวล หนูจะหาทางป้องกันไม่ให้พ่อต้องติดคุกพ่อจะต้องไม่เป็นอะไรค่ะ"
เมื่อเห็นท่าทางกังวลของไป๋ยิ่งอัน ไป๋จิ้งผิงก็ปลอบใจ"โอเค พ่อรอให้เธอคิดหาวิธีแก้ปัญหา ไม่ต้องกังวลนะ"
ไป๋จิ้งผิงกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นลูบผมของเธอ "โอเค รีบไปงานแต่งงานของมู่ชิงเถอะ"
"ใช่แล้ว ... " จู่ๆไป๋จิ้งผิงก็พูดขึ้นอีกครั้ง "มู่ชิงเป็นน้องสาวของเธอ อย่าทำให้เธอลำบากใจอีกต่อไปรู้ไหม"
"พ่อ ... ทำไมพ่อพูดแบบนั้นล่ะ พ่อเริ่มจะห่วงเธอไม่ห่วงฉันแล้วใช่ไหม" ไป๋ยิ่งอันเบ้ปาก
ไป๋จิ้งผิงยิ้ม "จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ พ่อน่ะรักเธอที่สุดแล้วนะ"
“ แล้วทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ”
“ พ่อแค่คิดว่าเธอเป็นน้องสาวคนเดียวของเธอ ในวันข้างหน้าพวกเธอควรจะดูแลซึ่งกันและกันให้ดี”
"เธอไม่ใช่น้องสาวของหนู" ไป๋ยิ่งอันบ่นพึมพำและเปลี่ยนเรื่อง "เอาล่ะ หนุไม่คุยกับพ่อละ พ่อพักผ่อนเถอะค่ะ หนูจะไปร่วมงานแต่งแล้ว"
"โอเค ไปเถอะ"
"ไปแล้วนะคะ" ไป๋ยิ่งอันลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นไป๋จิงผิงก็คว้าข้อมือเธอไว้และร้องเรียกชื่อเธอ“ยิ่งอัน”
ไป๋ยิ่งอันหันกลับมาและมองเขาอย่างสงสัย "มีอะไรเหรอคะ?"
"ไม่มีอะไร แค่อยากเรียกชื่อเธอสักหน่อย" ไป๋จิงผิงยิ้มและปล่อยมือเธอ"ไปเถอะ"
ไป๋ยิ่งอันมองไปที่พ่อของเธอ รู้สึกว่าวันนี้เขามีท่าทีที่แปลกเป็นพิเศษ เป็นเพราะเจ็บป่วยหรือบริษัทเกิดเรื่องขึ้นเลยทำใให้เขารู้สึกอ่อนไหวขึ้นมากันนะ?
เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เธอหันหลังและออกจากห้องพักของพ่อไป
หลังจากที่ไป๋ยิ่งอันออกจากโรงพยาบาล เธอก็ตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานของประธานที่ชั้นบนสุดของหนานกงกรุ๊ป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...