เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 137

มีเพียงกระดาษแผ่นเล็กๆ แต่เนื้อหาบนนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง มันคือใบรับรองแพทย์ของเสี่ยวอี้

สำหรับเธอแล้วเมื่อเทียบกับเอกสารสามฉบับก่อนหน้านี้ นี่ถือเป็นสิ่งที่ร้ายแรงที่สุด!

"เสี่ยวอี้ ... " เธอจ้องมองเขาและถามด้วยเสียงต่ำ "เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวอี้งั้นเหรอ?"

"กรี๊ด...!" เสียงกรีดร้องของไป๋ยิ่งอันดังกึกก้องไปทั่วห้องจัดงาน เธอมองดูเอกสารในมืออย่างใจจดใจจ่อและเริ่มโหวกเหวกโวยวาย"นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมีใบมรรณบัตรของพ่อฉัน พ่อของฉันเป็นอะไร”

เธอจับแขนของหนานกงเฉินและเขย่า"เฉิน นี่หมายความว่าไง ทำไมพ่อของฉันถึงตาย เมื่อครู่เขายังดีๆอยู่เลย"

"เมื่อครู่คุณไม่ได้ยินเหรอ" หนานกงเฉินยกมุมริมฝีปากของเขาขึ้นและโน้มตัวเข้าใกล้หูของเธอเล็กน้อย "เสียงดังโครมครามนั่น กระโดดลงมาจากชั้นบนสุดของโรงพยาบาล"

"คุณกำลังพูดถึงอะไร พ่อของฉันเพิ่งกระโดดลงตึก ... " ไป๋ยิ่งอันหน้าซีดทันที

ไป๋มู่ชิงตกใจมากจนเธอพูดอะไรไม่ออก เกือบจะถูกหลินอันหนานอุ้มกลับไปด้านใน แต่ยังไม่ทันที่จะเธอลงจะเวที หนานกงเฉินก็ปรี่เข้ามาจับข้อมือของเธอและใช้แรงดึงเธอออกจากอ้อมแขนของหลินอันหนาน

เวลาต่อมาเธอถูกหนานกงเฉินลากลงจากเวทีอย่างโซซัดโซเซ เดินผ่านท่ามกลางแขกเหรื่อในงานไปยังประตู ร่างกายของเธออ่อนแอมากจนไม่มีแรงจะต้านทาน เธอทำได้เพียงพยายามทรงตัวและไม่ปล่อยให้ตัวเองล้มลง

แขกในงานมองไม่เห็นเนื้อหาของเอกสารและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทั้งหมดนิ่งไม่ไหวติงต่อให้ไป๋มู่ชิงจะถูกหนานกงเฉินลากตัวไปก็ไม่มีใครกล้าห้ามแม้แต่คนเดียว

ทางด้านหลินอันหนานกลับโดนไป๋ยิ่งอันถามว่า "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลินอันหนาน นายบอกฉันมาสิว่านี่เป็นความจริงหรอเปล่า?"

หลินอันหนานที่โดนเธอถามรู้สึกทั้งร้อนใจและโมโห เหวี่ยงร่างของเธอไปด้านข้างอย่างไร้ซึ่งความอดทน และรีบเร่งฝีเท้าตามไปยังหน้าประตูพลางตะโกนบอก"หนานกงเฉิน! ปล่อยเธอนะ! ปล่อย!"

เมื่อเห็นว่าหนานกงเฉินไม่สนใจตนเอง เขาจึงเปลี่ยนไปตะโกนใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตู"มัวเหม่ออะไรอยู่ รีบขัดขวางเขาสิ!"

ทันทีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนได้รับคำสั่ง พวกเขาก็รีบเข้าจับกุหนานกงเฉินทันที และเกือบจะในเวลาเดียวกันชายร่างกำยำในชุดดำสามหรือสี่คนก็ลงจากรถที่จอดอยู่ที่ประตู

ชายในชุดรัดกุมหยุดโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและยืนขวางทาง

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นว่าพวกเขาดูเหมือนมืออาชีพที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จึงกลัวมากจนไม่กล้าขยับตัว มีเพียงหลินอันหนานเท่านั้นที่ไม่เกรงกลัวที่จะไล่ตามเขา แต่ก่อนที่เขาจะตาไปทัน กลับถูกชายชุดดำโยนเขากลับมา

เมื่อเห็นหนานกงเฉินลากไป๋มู่ชิงออกจากโรงแรม คนขับรถเบนซ์อีกอื่นก็ลงจากรถทันทีและเปิดประตูหลัง

ไป๋มู่ชิงเห็นรถที่ประตูถูกเปิดออก ในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมาและเริ่มดิ้น"ปล่อยฉันนะ ... หนานกงเฉิน คุณจะทำอะไร ... "

หนานกงเฉินไม่ตอบเธอ แต่กลับโยนเธอเข้าไปในรถเบนซ์พร้อมกับชุดแต่งงานขนาดใหญ่บนตัวของเธอและกระแทกประตูใส่

ไป๋มู่ชิงตกตะลึงจากนั้นก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่งหันไปรอบ ๆ และเริ่มทุบหน้าต่างอย่างกระวนกระวาย แต่การป้องกันเสียงของรถเบนซ์นั้นดีมาก ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังตะโกนอะไร

หนานกงเฉินทำตัวสบายๆไม่รีบร้อนอะไร ในขณะที่กำลังเดินไปที่ฝั่งของคนขับ เขาหันไปมองแขกเหรื่อที่ยืนมุงดูและพบกับหลินเต้าหรานกับภรรยา คุณนายหลินถามอย่างรีบร้อนใจว่า"เฉิน คุณจะทำอะไร?"

หนานกงเฉินไม่ตอบเธอ แต่เดินต่อไปข้างหน้าจนถึงหลินอันหนานซึ่งถูกควบคุมโดยชายในชุดดำ พลางพูดอย่างไม่แยแสว่า"ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับแกทีหลัง"

“ คุณหมายความว่ายังไง บัญชีอะไร เกิดอะไรขึ้นกับอันหนาน” หลินเต้าหรานเดินมาถามอย่างใจจดใจจ่อ

ในที่สุดหนานกงเฉินก็หยุดมองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสอง พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบเดียวกัน "ถามลูกชายสุดที่รักของคุณสิ"

หลังจากพูดจบก็ขึ้นรถไป

เมื่อรถสตาร์ท หลินอันหนานเฝ้าดูรถของเขาที่จากไปอย่างรวดเร็ว เขาโกรธจนกระทืบเท้าอยู่ตรงนั้น

เมื่อไป๋ยิ่งอันวิ่งออกมาจากโรงแรม รถของหนานกงเฉินก็ออกจากทางเข้าโรงแรมไปแล้ว เธอตะโกนอย่างกระวนกระวายขณะวิ่งไล่ตามรถ "เฉิน อย่าไป! คุณกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ ... "

แต่ทว่ารถของหนานกงเฉินกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง และวิ่งเข้าสู่ถนนใหญ่อย่างรวดเร็ว

"เฉิน ... !" เธอนั่งยองๆบนพื้น ทรุดลงร้องไห้อย่างหมดสภาพ ในมือกำเอกสารที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

เธอยังไม่เชื่อว่าหนานกงเฉินที่ยังคงจีบเธออยู่ในสำนักงานคือชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ ที่มอบความประหลาดใจให้กับเธอ เธอไม่เชื่อว่าหนานกงเฉินจะรู้ความจริงแล้ว

เธอร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ก้มลงมองแฟ้มในมือและร้องออกมาทั้งน้ำตา“ พ่อ แม่ ... ” ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนและรีบไปที่โรงพยาบาล

เมื่อเทียบกับความตื่นตระหนกไป๋ยิ่งอันแล้วนั้น หลินอันหนานกลับดูเงียบกว่ามาก คนชุดดำออกไปแล้ว แต่เขายังคงยืนอยู่ที่นั่นไม่ขยับเป็นเวลานาน

คำพูดเมื่อครู่ของหนานกงเฉินชัดเจนมากว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว อีกทั้งยังรู้มาตั้งนานแล้วดังนั้นถึงเตรียมของขวัญเหล่านี้ไว้

แม้ว่าจะโกรธและเสียใจ แต่เขาก็รู้อยู่ในใจว่าเมื่อหนานกงเฉินรู้ความจริง เรื่องของเขากับไป๋มู่ชิงก็เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป!

คุณนายหลินเขย่าแขนและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? อันหนาน รีบบอกมานะ!"

“ แม้แต่คนอย่างงหนานกงเฉินก็ยังกล้าไปยั่วโมโห เบื่อชีวิตหรือไงแก” หลินเจ้าหรานพูดอย่างรำคาญ“ ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พูดออกมา!”

หลินอันหนานได้สติกลับคืนมา หันมาทางเขาทั้งสองพร้อมพูดว่า "ผมขอโทษ ... "

ยกเว้นสามคำนี้ เขาไม่ต้องการพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว

"เกิดอะไรขึ้นน่ะ" แขกที่วิ่งออกไปดูด้วยความตื่นเต้นถาม พิธีแต่งงานกลายเป็นแบบนี้ ผู้ใหญ่ตระกูลหลินจึงได้แต่ก้มหน้าขอโทษแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานทุกคน

หลังจากออกมาจากโรงแรม ไป๋มู่ชิงก็หันกลับมาจับแขนของหนานกงเฉินอย่างโกรธเกรี้ยว เธอถาม "เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อของฉัน และคุณเอาเสี่ยวอี้ไปไว้ไหน?"

หนานกงเฉินเพียงจ้องมองเธออย่างเฉยเมย ดูเหมือนจะเพลิดเพลินไปกับความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเธอ เพราะตอนนี้มันต่างจากภาพที่มีความสุขบนเวทีเมื่อครู่มากเหลือเกิน

แค่เพียงคิดถึงตอนที่เธอกับหลินอันหานแลกแหวนกันบนเวทีอย่างมีความสุข เขาก็คิดว่าตัวเองทำกับเธอน้องไป ควรจะหั่นคอเธอให้ขาดตั้งแต่บนเวทีด้วยซ้ำ

"ฉันกำลังถามคุณ! คุณเอาเสี่ยวอี้ไปไว้ที่ไหน คุณได้ยินฉันไหม?" ไป๋มู่ชิงตะคอกเสียงดังและน้ำตาก็ไหลออกมา "เสี่ยวอี้กำลังรอการผ่าตัด ถ้ารอต่อไปอีกคงไม่ทันแน่ คุณห้ามทำร้ายเขานะ คุณอยากจะด่าอยากจะฆ่าให้มาทำกับฉัน หนานกงเฉินคุณได้ยินไหม ... ! "

ไม่ว่าเธอจะเขย่าอะไร สีหน้าของหนานกงเฉินก็ยังคงเรียบเฉย จนกระทั้งไป๋มู่ชิงยกข้อมือของเขาขึ้นมาและกัดลงไป

“ ถ้าคุณคิดจะทำร้ายครอบครัวของฉัน ฉันก็จะสู้!” ไป๋มู่ชิงกัดฝ่ามืออย่างแรง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งปาก

หนานกงเฉินสบถและสะบัดอย่างแรงโดยสัญชาตญาณ ร่างของไป๋มู่ชิงกระแทกเข้ากับหน้าต่างกระจกด้านข้างอย่างจัง

แรงกระแทกนั้นรุนแรง หน้าผากของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และเธอก็เริ่มรู้สึกเวียนหัว เธอเห็นสีหน้าของหนานกงเฉินเย็นชาและเรียบเฉย เธอได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว "พวกเขาจะไม่ได้ฝังศพเธอ ความโกรธแค้นในใจฉันยากที่จะหายไป ดังนั้น ... "

เขายิ้มอย่างแผ่วเบา "ฟังฉันให้ดี อย่าคิดว่าตระกูลไป๋จะได้อยู่อย่างสงบสุข"

“ ไม่ เสี่ยวอี้ไม่ใช่คนของตระกูลไป๋ เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลไป๋ เขายังเด็ก ... ”

“ ใครใช้ให้เขามีพี่สาวแบบนี้ล่ะ?”

"ไม่ ... คุณทำกับเขาแบบนี้ไม่ได้ คุณทำอะไรกับเขา พูดสิ" ไป๋มู่ชิงอดไม่ได้ที่จะผลักเขาอีกครั้ง

"เอามือสกปรกออกไปจากฉัน!" หนานกงเฉินผลักร่างของเธอออกไปด้วยความรังเกียจอย่างแรงจนไป๋มู่ชิงกระแทกกระจกรถอีกครั้ง

หลังจากถูกศีรษะทช๔ุกกระแทกถึงสองครั้ง บวกับจิตใจที่สับสนวุ่นวายในที่สุดไป๋มู่ชิงก็เป็นลมล้มฟุบไป

ไป๋ยิ่งอันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อของเธอจะทิ้งไปแบบนี้ ในขณะที่เธอกำลังจะออกจากโรงพยาบาล นางพยาบาลก็รีบบอกว่า "คุณไป๋คะ เรพวกเราโทรหาคุณตั้งนานแล้ว ทำไมคุณไม่รับสายล่ะคะ? "

เธอจับแขนนางพยาบาลอย่างรวดเร็ว "พ่อของฉันอยู่ที่ไหน เขาเป็นยังไงบ้าง"

นางพยาบาลกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ คุณไป๋กระโดดลงมาจากชั้นบนสุด เมื่อสองชั่วโมงก่อนและเสียชีวิตทันทีค่ะ”

"เป็นไปได้ยังไง !" ไป๋ยิ่งอันกรีดร้องและน้ำตาไหล

ป้าหงที่กลับมาหลังจากทำตามขั้นตอนของแพทย์ เห็นเธอนั่งยองๆอยู่ที่พื้นและร้องไห้อย่างขมขื่น เธอเดินไปหาและพยุงขึ้นจากพื้นแล้วพูดว่า "คุณหนูใหญ่ อย่าเสียใจไปเลยค่ะ"

"ป้าหง ... " ไป๋ยิ่งอันมองเธอแล้วส่ายหัวร้องไห้อย่างขมขื่น"พ่อของฉันจะกระโดดลงจากตึกได้ยังไง เขาโง่ขนาดนี้ได้ยังไง?"

“ ฉันก็สงสัยเหมือนกัน”

"พ่อฉันไม่มีทางตาย เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น"

ป้าหงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และปลอบว่า "คุณหนูใหญ่ ทำใจเถอะค่ะ งานศพของคุณผู้ชาย คุณหนูยังต้องเป็นคนจัดการนะคะ"

จู่ๆไป๋ยิ่งอันก็เงยหน้าขึ้น "ป้าหง แม่อยู่ไหน แม่อยู่ไหน"

เธอจำได้ว่าของขวัญที่หนานกงเฉินมอบให้พวกเขา มีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการกักขังแม่ของเธอ แต่เธอไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

หลังจากเงียบไปสักพักป้าหงก็ถอนหายใจอีกครั้ง "ก่อนที่คุณผู้ชายจะกระโดดลงจากตึกจู่ๆเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนก็มาที่บ้านโดยบอกว่าคุณผู้หญิงถูกสงสัยว่าพยายามฆ่าในเมืองหลิวและบังคับพาเธอออกไป"

ที่เมืองหลิว มันเกี่ยวกับผู่เลี่ยนเหยา ... เป็นไปได้ยังไง?

เธอคิดเสมอว่าเหตุการณ์นี้จบลงแล้ว และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ในเวลานั้นแม้แต่รถก็ถูกไฟไหม้ จู่ๆตำรวจหลายคนจะพาแม่ของเธอไปได้อย่างไร?

หรือว่าจะเป็นเพราะหนานกงเฉิน? หนานกงเฉินได้ค้นพบความลับของพวกเขาตั้งแต่นั้นมาหรือเปล่า?เริ่มสงสัยตั้งแต่ตอนนั้นหรือเปล่า?

เมื่อนึกถึงสิ่งที่หนานกงเฉินทำในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยแตะต้องเธอและจงใจหลอกให้เธอออกจากบ้านของตระกูลหนานกง เห็นได้ชัดว่าเขากินยาของเธอ แต่วิ่งออกจากคฤหาสน์คนเดียวทิ้งเธอไว้กับผู้ชายแบบนั้น

เมื่อนึกถึงชายผิวดำที่น่ารังเกียจนั่น ไป๋ยิ่งหนานก็ปิดหูของเธอและกรีดร้องเสียงดัง

เธอนั่งยองๆบนพื้นและร้องไห้ สักพักหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและโทรออกไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของหนานกงเฉิน ส่วนหนานกงเฉินที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์รับสายด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉย "มีอะไรเหรอคุณผู้หญิง?

“ หนานกงเฉิน! แกไม่ใช่มนุษย์! แกโหดร้ายแบบนี้ได้ยังไง แกต้องถูกลงโทษ! แกมันปีศาจ แกมันไม่ใช่คน ... !”

เธอร้องไห้และด่าทอจนเหนื่อยและหยุดไปเอง

หนานกงเฉินที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ไม่ได้รับผลกระทบจากการล่วงละเมิดของเธอเลยและน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“ พ่อตาของฉันบอกว่าฉันไม่ใช่มนุษย์ มันแย่จริงๆ โดนพวกคุณว่าเยอะจนฉันเองไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองใช่มนุษย์หรอเปล่านะ ?”

"แกไม่ใช่มนุษย์ ... " ไป๋ยิ่งหนานเพียงพูดประโยคนี้ซ้ำด้วยความสิ้นหวัง

"ฉันเพิ่งค้นพบตอนนี้ว่าการเป็นคนที่ไม่ใช่มนุษย์เป็นเรื่องดีจริงๆ" หนานกงเฉินยิ้มเบา ๆ "ขอบคุณที่ให้โอกาสฉันนะคุณไป๋ วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้เจอเธอและพูดคุยกับเธอ จากนี้ไปโปรดอยู่ห่าง ๆ ฉัน "

คำเตือนอีกประการหนึ่ง "ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเธอยอมกระโดดลงจากตึกเพื่อขอร้องให้ฉันปล่อยพี่สาวของเธอไป ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน ดังนั้นโปรดทำใจให้ดี"

"แน่นอนฉันไม่คิดว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ได้ดีไปกว่าการตาย ถ้าฉันเป็นเธอฉันจะไปที่ตึกสูงและตามพ่อไป" หลังจากที่หนานกงเฉินพูดจบเขาก็หยุดชั่วคราว "คุณไป๋โปรดดูแลตัวเอง ฉันวางล่ะ”

หนานกงเฉินไม่สนใจเสียงร้องของเธอและวางสายไป

ไป๋มู่ชิงตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องนอนแปลก ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด