เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 146

ไป๋มู่ชิงถอนหายอย่างเงียบสงัด พอเดินเข้าไปในห้องน้ำก็เริ่มสระผม หลังจากอาบน้ำทำอะไรเสร็จเธอเดินลงไปที่ชั้นล่าง

บนโต๊ะอาหารเช้า ผู่เหลียนเหยากับเซิ่งเคอปรึกษากันว่าช่วงสองวันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนดี เซิ่งเคอแนะนำว่าไปพักร้อนที่ทะเลของเมืองซี ชดเชยที่เมืองหลิวครั้งที่แล้ว

ผู่เหลียนเหยาทำหน้ามุ่ยอย่างทรมานใจและพูดว่า“แต่ว่าฉันเดินไปไม่ไหว อย่างนี้ก็จะเป็นภาระเปล่าๆ”

“เป็นภาระอะไรกัน ฉันอยากไปผ่อนคลายเป็นเพื่อนเธออยู่แล้ว”เซิ่งเคอเอื้อมมือไปวางที่ไหล่และหอมแก้มเธอ“ถ้าเธอเดินไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ฉันยินดีที่จะเป็นไม้เท้าให้เธอ จะพาเธอไปทุกที่ในโลกนี้เลย”

ผู่เหลียนเหยาซึ้งจนน้ำตาไหล ผลักไปที่หน้าผากของเขาด้วยความไม่พอใจว่า“ทุกคนอยู่นี่กันหมด อย่าทำตัวน้ำเน่าแบบนี้ได้ไหม?”

“กลัวอะไรกัน พวกเราแต่งงานกันแล้วไม่ใช่ว่าแอบคบกันสักหน่อย ใช่ไหมพี่สะใภ้?”เซิ่งเคอหันไปยิ้มกับไป๋มู่ชิง

เดิมทีไป๋มู่ชิงอิจฉาควมรักที่เพิ่มขึ้นของทั้งสองมาก เห็นเซิ่งเคอไม่เคยไปจากผู่เหลียนเหยา รู้สึกประทับใจในความดื้อรั้นนั้นของเขา“พยักหน้าหัวเราะว่า“ใช่แล้วเหลียนเหยา จะมีผู้ชายบนโลกคนไหนจะดีเท่ากับเซิ่งเคอได้อีก”

เธอสาบานออกมาว่าเธอพูดออกมาจากใจจริง แต่ว่าหนานกงเฉินที่นั่งทานอาหารเช้าอยู่ข้างๆเธอกลับไม่พูดอะไรเลย มองไปที่ข้างๆเธอ

ไป๋มู่ชิงรู้สึกได้ถึงสายตาที่เขามองมา รู้สึกว่าตัวเองไม่ผิดและพูดว่า“ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?”

ไป๋มู่ชิงรู้สึกได้ถึงสายตาที่เขามองมา รู้สึกว่าตัวเองไม่ผิดและพูดว่า“ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?”

“ฉันรู้สึกมาโดยตลอดว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดบนโลกนี้”ผู่เหลียนเหยาพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา

“ทุกคนคุยอะไรกันถึงมีความสุขขนาดนี้”ทันดนั้นคุณผู้หญิงส่งเสียงเข้ามาที่หน้าประตูห้องอาหาร

ผู่เหลียนเหยาหยุดหัวเราะทันที“คุณย่า เซิ่งเคอพูดว่าเดี๋ยวจะพาหนูไปเที่ยวพักผ่อนที่เมืองซี หนูดีใจมากเลย”

“ไปเที่ยวพักผ่อนน่ะได้ แต่ยังไงก็ต้องระมัดระวังด้วยนะ อย่าให้เกิดเรื่องเหมือนกับครั้งที่แล้วล่ะรู้ไหม?”คุณผู้หญิงพูดออกมาขณะที่เซิ่งซินพยุงมานั่งที่หัวโต๊ะ

คำพูดที่คุณผู้หญิงพูดออกมา บนโต๊ะอาหารเงียบขึ้นมาทันที ทุกคนก็เอาแต่นั่งเงียบพูดไม่จา

ไป๋มู่ชิงก้มหัวลงไปด้วยความหวาดผวา ยังคงทานอาหารเช้าในจานต่อ

“คุณย่า ท่านวางใจเถอะ ครั้งนี้พวกเราจะระมัดระวัง”ผู่เหลียนเหยาหัวเราะ พอพูดจบก็หันไปพูดกับไป๋มู่ชิงและหนานกงเฉินว่า“ใช่แล้ว พี่กับพี่สะใภ้ไปด้วยกันไหมคะ?เซิ่งซินด้วย”

“พวกเราคงจะไม่ไปหรอก พวกเธอไปกันเถอะ”ไป๋มู่ชิงตอบกลับมาโดยอัตโนมัติ

ความสัมพันธ์ตอนนี้ของเธอกับหนานกงเฉิน ไม่ทะเลาะกันก็ถือว่ามีความสุขดีแล้ว จะไปเที่ยวพักผ่อนเหรอ?

“ฉันก็ไม่ไป เดี๋ยวที่โรงเรียนก็จะมีกิจกรรมแล้ว”เซิ่งซินพูด

“ไม่ไปนั้นแหละถูกแล้ว”เซิ่งเคอเงยหน้าขึ้นมาชี้ผู่เหลียนเหยาด้วยโกรธว่า“นี่เป็นเรื่องของเราสองคน เธอจะเรียกคนไปเยอะขนาดนั้นทำไมกัน?”

ผู่เหลียนเหยาผลักมือเขาลงไป

“งั้นเราค่อยกลับไปคุยกัน”ผู่เหลียนเหยาพูดกับไป๋มู่ชิงว่า“ใช่แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว วันนี้พี่สะใภ้ยังจะไปอยู่ข้างนอกอีกเหรอ?อยู่ที่บ้านฉลองด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอคะ”

ไป๋มู่ชิงโดนเธอถามแบบนี้ก็พูดอะไรไม่ออก คำถามแบบนี้เธอจะตอบไปอย่างไร ยังไงก้จำเป็นต้องแล้วแต่หนานกงเฉิน

แต่ถ้าพูดจริงๆแล้ว ถ้าหากว่าหนานกงเฉินไม่จำกัดให้เธอออกไปเธอยิ่งยอมที่จะไปอยู่บ้านพักตากอากาศ เมื่อก่อนเธอรู้สึกไม่มีอิสระแล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งรู้สึกไม่มีอิสระมากกว่าเดิมอีก

รู้กันอยู่ว่าผู่เหลียนเหยาขาเจ็บไปข้างหนึ่งแต่สำหรับเธอนั้นกลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อย กลับเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ เธอที่เป็นแบบนั้นเลยทำให้ไป๋มู่ชิงรู้สึกสับสนและไม่สบายใจ

“ฉันแล้วแต่คุณชายใหญ่”ไป๋มู่ชิงตอบกลับออกมา

หนานกงเฉินไม่พูดอะไร เพียงแค่ค่อยๆทานอาหารเช้าไป

คุณผู้หญิงพูดว่า“ยังไงก็ต้องอยู่ที่บ้านฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ พอผ่านไปแล้วพวกเธออยากจะไปอยู่ที่ไหนก็ตามใจ”

คุณผู้หญิงเอ่ยปากขอแค่อยู่เทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยกัน ที่สำคัญที่สุดคือดูแลให้ไป๋มู่ชิงทานยา ในใจของไป๋มู่ชิงคงรู้ดี ในใจของเธอก็รู้สึกหนาวเหน็บเล็กน้อยและอีกตั้งหนึ่งสัปดาห์ถึงจะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ แสดงว่าเธอยังต้องอยู่ที่ตระกูลหนานกงเยอะกว่าเดิมตั้งหนึ่งสัปดาห์!

ไป๋มู่ชิงมองไปที่หนานกงเฉิน ในที่สุดหนานกงเฉินพูดก็พูดออกมาว่า“โอเคครับ”

หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เซิ่งเคอก็พาผู่เหลียนเหยาออกไปเที่ยวแล้ว เซิ่งซินก็ไปโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว

ไป๋มู่ชิงไม่มีอะไรทำจนเดินกลับขึ้นไปบนห้องกลับพบว่าหนานกงเฉินนั่งอยู่ตรงโซฟากำลังกดรีโมทดูทีวีอยู่ ยากมากที่จะเห็นเขาว่างแบบนี้

เธอเดินเข้าไป มองไปที่เขาและถามว่า“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?”

“ใช่”หนานกงเฉินตอบอย่างเย็นชา เงยหัวขึ้นมาเห็นว่าเธอมองตัวเองด้วยท่าทางที่แปลก ไม่หยุดเลิกคิ้ว“ทำใม?ไม่ได้เหรอ?”

“ไม่ใช่ ฉันแค่นึกไม่ถึงเลยว่าคนบ้างานอย่างคุณชายใหญ่จะหยุดสุดสัปดาห์เหมือนกับคนอื่นเขาด้วย แทบจะไม่เคยเห็นเลย”เธอเดินไปนั่งข้างๆเขา จ้องเขาพูดว่า“คุณชายใหญ่ ฉันก็อยากหยุดอยู่สุดสัปดาห์เหมือนกัน”

“ไม่ใช่ว่าทุกวันเธอก็เหมือนกับวันหยุดเหรอ?”หนานกงเฉินจ้องมองไปที่เธอ

“ความหมายของฉันคือฉันอยากออกไปเที่ยว”

“ฉันไม่สนใจ”หนานกงเฉินพูดทิ้งไว้กับเธอแบบนั้น

“คุณชายใหญ่คิดมากไปแล้ว ฉันไม่ได้วางแผนจะไปกับคุณ ฉันอยากไปเดินเล่นกับซูซี่และเหยาเหม่ย”

สีหน้าของหนานกงเฉินหม่นหมอง เขาคิดมากไปเองเหรอ?งั้นก็ดี!

“คุณชายใหญ่ ไม่ใช่ว่าคุณวางแผนที่จะคืนอิสระเหรอ?”

“คุณดูสิขนาดโทรศัพท์ยังไม่ชาร์จเลย”ไป๋มู่ชิงใช้คางชี้ไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ในใจคิดอย่างชอบใจว่าทั้งๆทีเขาค่อยๆเริ่มให้อภัยเธอแล้วและให้ตายยังไงก็ไม่ยอมรับ เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญจริงๆเลย

หนานกงเฉินมองไปตาม สายตาเธอ หัวเราะเบาๆว่า“คุณผู้หญิงคุณคิดมากเกินไปแล้ว ในโทรศัพท์ติดตั้งโปรแกรมบันทึกเสียงไว้แล้ว”

“คุณ......!”ไป๋มู่ชิงโมโหขึ้นมาในชั่วพริบตา

“อิสระ?เธอฝันไปเถอะ”หนานกงเฉินทิ้งรีโมทในมือและเดินไปโอบเธอไว้“อยู่บ้านดูทีวีก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปไหนแล้ว”

“อิสระ?เธอฝันไปเถอะ”หนานกงเฉินทิ้งรีโมทในมือและเดินไปโอบเธอไว้“อยู่บ้านดูทีวีก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปไหนแล้ว”

เกลียดจริงๆเลย!จ้องไปที่ด้านหลังของเขา ไปป๋มู่ชิงโกรธมาก!

ยังคิดว่าในที่สุดเขาจะไม่จับตามองเธอขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเขายังติดตั้งโปรแกรมบันทึกเสียงไว้อีก?คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมขนาดนี้ได้ ยังดีที่เมื่อวานเธอกลัวว่าเสียงดังจะไปกระทบกับการนอนของซูซี่เลยไม่ได้คุยโทรศัพท์ ไม่อย่างนั้นคงพังแน่ๆ

งั้นถ้าอยู่ที่นี่สองวัน กินยาสมุนไพรจีนไปสองวัน ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าตัวเองต้องทุกข์ใจมากแน่

แต่ก็ไม่รู้ว่าหนานกงเฉินมัวยุ่งอยู่กับอะไร กลับมาช้ชีวิตตอนกลางคืนอีกแล้ว ถึงกระทั่งคืนวันอาทิตย์ ในที่สุดเธอก็ทนความทรมานไม่ไหว เธอเลยจ้องหนานกงเฉินด้วยท่าทางที่น่าสงสารว่า“ฉันออกไปซื้อชุดนอนได้ไหม?ฉันใส่เสื้อเชิ้ตของคุณมาตั้งหลายวันแล้ว”

“เธอจะไปกับใคร?”หนานกงเฉินยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงาน ดื่มชาและตรวจเอกสารไปด้วย

ไป๋มู่ชิงคิดดูและพูดว่า“ไปกับคุณไง”

ครั้งที่แล้วเธอพูดอยากไปกับซูซี่และเหยาเหม่ยแต่กลัยโนเขาปฏิเสธจนหมดหนทาง ดังนั้นครั้งนี้เธอเลือกที่จะไม่ดื้อเลยเปลี่ยนเป็นวิธี

เป็นไปตามคาด หนานกงเฉินยอมให้เธอตามคำขอ

เขาวงแก้ชาลงและเดินออกไปจากห้องหนังสือ

สังเกตเห็นห้างสรรพสินค้าข้างหน้า ไป๋มู่ชิงแทบจะไม่กล้าสายตาตัวเอง คิดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเฉินจะไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนเธอ?

จริงๆแล้วเธออยากออกมาหาเบาะแสของลูกสาว อยากไปคุยกับซูซี่ แต่ว่าหนานกงเฉินกำชับว่าจะไปเป็นเพื่อนเธอ เธอได้แต่ไปเดินซื้อเสื้อผ้าไปเงียบๆ

นี่เป็นห้างสรรพสินค้าที่หรูหรา ข้างในก็ใหญ่พอๆกับห้างหวาเม่า ของข้างในก็เป็นของมียี่ห้อ ไป๋มู่ชิงไม่ได้ชอบซื้อของแพงขนาดนี้ แต่ว่าวันนี้เธอมากับหนานกงเฉิน เธอได้แต่ดูแลการใช้เงินของหนานกงเฉิน

หนานกงเฉินพาเธอไปแผนกที่ขายชุดนอนโดยตรง หลังจากนั้นเอาคางชี้ไปที่รอบๆเพื่อให้ไป๋มู่ชิงไปเลือกเอง

ไป๋มู่ชิงมองไปรอบๆก็รู้สึกว่าเธอไม่เคยมาในที่แบบนี้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะรู้เป็นอย่างดีขนาดนี้?

“คุณ......มาบ่อยไหม?”เธอถามออกไปด้วยความสงสัย

หนานกงเฉินมองไปที่เธอ“ถือว่าก็ไม่บ่อย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด