ไป๋มู่ชิงกำลังจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่เป็นไปอย่างที่คิดไว้เธอโดนคนไม่ดีคนหนึ่งกดไปบนโซฟา ในขณะนั้นร่างกายที่หิวกระหายได้ครอบคลุมมาและกดตัวเธอลงไป
ไป๋มู่ชิงพูดออกมาเบาๆและขัดขืดโดยอัตโนมัติว่า“คุณอย่ามาทับฉัน หนักจะตายแล้ว ฉันทรมานจะตายแล้วนะ!”
“ที่ยิ่งทรมานนั้นคือหลังจากนี้”หนานกงเฉินใช้มือไปจับคางของเธอหันหน้ากลับมาและพูดว่า“เธอรักฉันไหม?”
“รักสิ”ไป๋มู่ชิงพยักหน้า
“ครั้งหน้ายังจะกล้าทำให้ฉันขายหน้าต่อหน้าคนอื่นอีกไหม?”
“ไม่กล้าแล้ว”
หนานกงเฉินเลยพลิกตัวเธอมา มือทั้งสองอยู่ที่ข้างกายของเธอ มองไปที่เธอและจูบไปที่ริมฝีปากของเธอเพื่อเป็นการลงโทษ ทันใดนั้นที่หน้าประตูก็มีเสียงมาทำลายบรรยากาศ
เสียงเคาะประตู
“มีคนมา”ไป๋มู่ชิงผลักเขาออกไปอย่างแรง หนานกงเฉินไม่ทันตั้งตัวก็ตกลงไปอยู่ที่ล่างโซฟา
เสียงเคาะประตูดังมาไม่หยุด ไป๋มู่ชิงรีบลุกขึ้นมานั่งและหยิบหมอนข้างๆมาวางไว้บนขา
พอเปิดประตูแล้วนั้นเป็นพี่เหอที่ถือจานและผลักประตูเดินเข้ามา
ก่อนอื่นตอนที่เธอเดินเข้ามาก็เห็นไป๋มู่ชิงที่นั่งหน้าแดงอยู่ตรงโซฟา หลังจากนั้นก็เป็น หลังจากนั้นก็เป็นหนานกงเฉินที่ใส่แค่ผ้าเช็ดตัวอยู่ที่โต๊ะน้ำชา เธอตกใจไปเลยเลยรีบถามอย่างเป็นห่วงว่า“คุณชายใหญ่เกิดอะไรขึ้น?”
“เขา......เขาแค่แกล้งเล่นเฉยๆ”ไป๋มู่ชิงรีบเอื้อมมือไปดึงหนานกงเฉินที่อยู่ตรงนั้นมา จากที่หนานกงเฉินไม่เคยจนตรอกแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นเลยรู้สึกอายมากที่จะต้องลุกขึ้นมา หลังจากมองไป๋มู่ชิงด้วยความโกรธแล้วก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำออกมาใส่
ไป๋มู่ชิงมองหน้าเขาแล้วรู้สึกได้เลยว่าเขาไม่พอใจมากๆ เลยก้มหัวลงไปและแอบหัวเราะ
ขอบคุณพี่เหออย่างมาก มาพอดีจังหวะเลยจริงๆ!
พี่เหอมองดูทั้งสองคน รู้ตัวว่าตัวเองไปทำลายบรรยากาศของพวกเขาก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา
เธอเอาจานไปวางไว้ที่โต๊ะน้ำชาและเอายามาวางให้ไป๋มู่ชิงหนึ่งถ้วยและพูดว่า“นายหญิงน้อย นี่ยาของคุณ”และรีบยกอีกถ้วยพูดว่า“นี่ยาของคุณชายใหญ่ ยังไงก็กำชับให้คุณชายใหญ่ดื่มด้วยนะ”
ไป๋มู่ชิงมองไปที่ยาสมุนไรจีนสีดำๆ เลิกคิ้วและทำหน้าเมินเฉยพูดว่า“ไม่ใช่ว่ากินไม่กี่ครั้งก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ต้องดื่มติดต่อกันห้าวัน วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว”พี่เหอพูด“ดื่มอีกสองวันก็จะหมดแล้ว”
หนานกงเฉินเดินมาพูดกับพี่เหอว่า“พี่เหอออกไปก่อนเถอะ ฉันจะเฝ้าเธอกินเอง”
“งั้นก็ดี ยังไงก็ต้องดื่มนะ”พี่เหอรีบพูดกับหนานกงเฉิน“คุณชายใหญ่ก็ด้วยนะ”
“รู้แล้วครับ ไปเถอะ”
หลังจากที่พี่เหอออกไปแล้วนั้น ทั้งสองคนนั่งมองยาสมุนไพรจีนบนโต๊ะอยู่ที่โซฟาและไม่พูดอะไรออกมาเลย
ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ไป๋มู่ชิงถึงจะพูดออกมาว่า“ชีวิตที่ขมขื่น”
หนานกงเฉินหันไปมองที่เธอ
“ที่ฉันพูดว่าขมขื่นนั้นคือยาสมุนไพรจีน”ไป๋มู่ชิงรีบพูด หลังจากนั้นยกถ้วยยาขึ้นมายิ้มแห้งๆพูดว่า“มาเถอะ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของพวกเรา ชนแก้ว”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขา เธอคงไม่ต้องดื่มยาพวกนี้หรอก!
แต่ว่าคำพูดพวกนี้ถ้าเธอไม่พูดออกมา คาดว่าหนานกงเฉินต้องไม่พอใจแน่ๆ
เห็นหนานกงเฉินไม่มีปฏิกิริยาอะไร ไป๋มู่ชิงเลยพูดว่า“งั้นฉันดื่มก่อนละกันนะ”พอพูดจบเธอเงยหน้ากระดกดื่มยาในถ้วยลงไป
เธอวางชามลงและพร้อมกับเดินออกไปจากโซฟา ทันใดนั้นหนานกงเฉินพูดมาว่า“ดื่มหนึ่งถ้วยถือว่าดื่ม ดื่มสองถ้วยก็ถือว่าดื่ม ทำไมไม่ดื่มของฉันไปด้วยเลยล่ะ”
เขาหยิบถ้วยยาไปยื่นให้ไป๋มู่ชิง
ไป๋มู่ชิงสะอึกกับรสชาติที่ขมขื่นนั้นและจ้องเขาว่า“คุณฝันไปเถอะ”
“นี่เป็นโอกาสไถ่โทษของเธอ”
“งั้นถ้าฉันดื่มแล้วคุณจะดื่มอะไร?”
“ฉันไม่ต้องการมัน”
“ไม่ได้นะ พี่เหอพูดว่าไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องดื่มเข้าไป คุณชายใหญ่นี่คุณว่าตัวเองเป็นเด็กเหรอทำไมเปลี่ยนไปนิสัยเด้กแบบนี้?”ไป๋มู่ชิงผลักยาคืนไปให้เขา พูดว่า“ดื่มลงไปสะดีๆ ทำเหมือนกับฉันเมื่อครู่เลย ดื่มเข้าไปรวดเดียวเลย”
“จะดื่มเข้าไปในรวดเดียวได้อย่างไร?เธอทำให้ดูเป็นตัวอย่างหน่อยสิ”
“ก็เป็นแบบนี้ไง”ไป๋มู่ชิงจับถ้วยมาจากเขาและเลื่อนเอาถ้วยมาที่ปาก ค่อยๆดื่มลงไป
เธอดื่มไปแล้วบางส่วนก็คิดได้ว่าหลังจากที่ตนเองดื่มยาไปแล้วจะต้องผลักมือเขาออกไป
หนานกงเฉินกลับดันถ้วยเข้าไปในปากเธออย่างไม่ต้องสงสัย และพูดว่า“มองไม่ชัดเลย ทำเป็นตัวอย่างอีกรอบสิ......มองไม่ชัดจริงๆนะ......”
“ฮะ......”ไป๋มู่ชิงเริ่มร้อนใจ เธอทั้งสะบัดหัวพูดออกมาเบาๆ ไม่ง่ายเลยที่จะผลักมือของหนานกงเฉินและถ้วยยาออกไป
หอบเล็กน้อยและใช้กระกาษทิชชู่เช็ดปาก จ้องพูดกับเขาด้วยสีหน้าที่ไม่มีแรงว่า“เห็นชัดเจนแล้วหรือยัง?”。
“เห็นชัดเจนแล้ว”หนานกงเฉินเอาถ้วยกลับไปวางบนโต๊ะ
“งั้นคุณรีบดื่มสิ”
“เธอจะให้ฉันดื่มอะไรกัน?”
“ดื่มยาไง”ไป๋มู่ชิงเอื้อมมือไปหยิบถ้วยยาของเขา แต่ในถ้วยยานั้นกลับว่างเปล่า
เธออึ้งไปเลย หลังจากนั้นยกมือขึ้นไปจับริบฝีปากของตนเอง ไม่ใช่หรอก เธอคิดไม่ถึงว่าจะดื่มยาของเขาลงไปหมดเลย!
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?เธอหันไปมองหนานกงเฉินที่สีหน้าไม่รู้สึกอะไรเลย ในที่สุดเลยได้รู้ว่าตนเองถูกหลอก
“หนานกงเฉินคุณมันคนหลอกลวง!”เธอพูดออกมาด้วยความโมโห
หนานกงเฉินจ้องไปที่เธอและพูดเบาๆว่า“ก็ดูไอคิวของเธอสิและแบบนี้ไงฉันเลยไม่สามารถยินยอมให้เธอมีลูกได้”
“คุณ......หมายความว่าอย่างไร?”
“งั้นก็หมายความว่า......เมื่อครู่นี้ที่เธอดื่มไปถ้วยแรกคือเปล่าประโยชน์เหรอ ไอคิวของเธอนี้ถ้าคลอดลูกมาถ้าไม่พิการก็ต้องโง่แน่ๆ”
“แล้วสรุปว่า?แสดงว่าคุณก็เป็นคนสมองทึ่มเหรอ?”
“ไป๋มู่ชิง!”
“ขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว”ไป๋มู่ชิงรู้ว่านี้เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับเขา เธอไม่ควรพูดถึง
ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นมาจากโซฟาและเดินออกไปจากเขา
หนานกงเฉินรั้งมือเธอไว้“เธอจะไปไหน?ใครให้เธอไป?”
“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ เมื่อครู่ดื่มยาเยอะเกินไป”ไป๋มู่ชิงจ้องตอบเขาด้วยสีหน้าที่ไม่กลัวเลย
หนานกงเฉินปล่อยมือเธอ ในที่สุดเธอก็เป็นอิสระและรีบเดินเข้าห้องน้ำไป
ถึงแม้ว่าเธอจะดื่มยาลงไปติดต่อกัน แต่ไม่ถือว่าเร็วขนาดนั้น เธอเพียงแค่อยากจะไปซ่อนตัวที่ไหนสักที่หนึ่งเพราะเธอรู้ว่าทุกครั้งที่ตนเองพูดเรื่องอดีต หนานกงเฉินจะโมโหมากหลังจากนั้นจะควบคุมสติไม่ได้
เธอนั่งบนโถชักโครกเพื่อรอเขาใจเย็นลงก็ปาเข้าไปยี่สิบนาทีเธอถึงจะออกมาจากในห้องน้ำ
หนานกงเฉินจเย็นลงบ้างแล้ว นั่งพิงอยู่ที่หัวเตียงกำลังดูข่าวเศษฐกิจในช่วงกลางคืนอยู่
เธอเดินออกมาอย่างระมัดระวังไปนั่งที่อีกฝั่งของเตียง
หนานกงเฉินหันไปสั่งเธอว่า“มานี่!”
ไป๋มู่ชิงที่กำลังเปิดผ้าห่มออกก็ได้หยุดชะงักและมองไปที่เขาพูดว่า“มีอะไรเหรอ?”
“เธอคิดว่าอย่างไรล่ะ?”ในที่สุดหนานกงเฉินหันหน้าไปจ้องเธอและพูดว่า“แน่นอนว่าต้องสานต่อเรื่องที่ยังไม่สำเร็จเมื่อครู่สิ”
ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก ยังคิดว่าเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำไม่คิดเลยว่าเขายังจะคิดถึงเรื่องนั้นอยู่!
“ไม่ได้คะ ต้องรีบไปเข้าห้องน้ำ”เธอรีบเอามือไปกุมที่หน้าท้องและหันตัวกลับเข้าห้องน้ำไป
ครั้งนี้ไม่ได้โกหกแต่จำเป็นต้องเข้าห้องน้ำจริงๆ
ตอนที่กลับออกมาจากห้องน้ำและมาที่เตียง เธอเห็นว่าหนานกงเฉินหลับไปแล้วเธอเลยไปนองข้างๆเขา เธอกำลังจัดท่าจะนอนก็พบว่าหนานกงเฉินกำลังจ้องเธออยู่ เลยคลานเข้าไปใกล้ๆเขา
เพื่อที่จะแสดงออกว่าตัวเองนั้นไม่ได้ตั้งใจ เธอยังจู่โจมไปจูบเขาเองอีกด้วย
ในที่สุดหนานกงเฉินก็พอใจ รับจูบที่ไม่ได้ชำนาญมากขนาดนั้นของเธอ เอาฝ่ามือของเขาลูบไปที่ขาเรียวยาวของเธอและลูบไล้ไปมา
เขาจากผู้ถูกกระทำกลับกลายเป็นผู้กระทำ ตอนที่กำลังรู้สึกจมดิ่งกับความต้องการนั้น ทันใดนั้นไป๋มู่ชิงจับมือเขาไปจับหน้าท้องของตนเองและพูดว่า“ไม่ได้ ฉันอยากไปเข้าห้องน้ำ”
หนานกงเฉินอึ้งไปเลย ทันทีหลังจากนั้นก็หันไปจ้องเธอด้วยสายตาที่ไม่มีความสุขเลย
“ฉันขอโทษ ไตฉันไม่ค่อยดี”ไป๋มู่ชิงยิ้มแห้งๆออกมาด้วยความรู้สึกผิด รีบลุกออกไปจากเขาและรีบไปเข้าห้องน้ำ
ตอนที่รอเธอกลับมาจากห้องน้ำหนานกงเฉินคงหมดอารมณ์แล้ว นอนหันหลังใส่เธอและหลับตานอนไปแล้ว
ไป๋มู่ชิงไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่าเรื่องแบบนี้จะให้ไปขอโทษหนานกงเฉินก็ไม่ได้ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วเพราะในที่สุดเธอจะได้ผ่านเรื่องนี้ไปและหลับได้อย่างสบายใจ
ตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน ไป๋มู่ชิงพบว่าตนเองเหมือนกับงูที่ไปรัดตัวเขาไว้อยู่ เธอมองดูตนเอง มิน่าล่ะหนานกงเฉินถึงพูดว่าเธอใส่เสื้อเชิ้ตยังยั่วยวนมากกว่าใส่ชุดนอนเซ็กซี่พวกนั้นอีก ตอนที่พึ่งตื่นเสื้อเชิ้ตก็ไปกองอยู่ตรงเอว ขาทั้งสองข้างโผล่ออกมาอยู่ด้านนอก
เมื่อคืนก็อยู่ไกลเขาอยู่นะ แต่ทำไมพอตื่นขึ้นมาถึงไปนอนอยู่บนตัวเขาได้ ยิ่งกว่านั้นคือเธอปีนขึ้นไปบนตัวเขาเองด้วย ถ้าหากเขามาเห็นเข้าเขาจะคิดว่าเธอไปยั่วเขาไหม?
เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของพุทธศาสนิกชนที่ดี เธอค่อยๆเอามือและขาของเธอย้ายออกมาอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นเอาหน้าของเธอออกมาจากหน้าอกของเขา ตอนที่เธอกำลังจะเอาตัวเธอออกมาก็กวาดตาไปเห็นหน้าของหนานกงเฉิน
เธอและเขาได้สบตากัน เธอตกใจเหมือนกับโจรที่ถูกจับได้
เขาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?เมื่อครู่เขายังหลับอยู่เลย
หนานกงเฉินมองไปที่เธอ ครู่ใหญ่ๆถึงจะพูดออกมาด้วยความเย็นชาว่า“ปวดฉี่เหรอ?”
“ฮะ?”ไป๋มู่ชิงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับไปสักพัก พอคิดได้ก็สะบัดหัวพูดว่า“ไม่ปวด”
“งั้นก็ดี!”หนานกงเฉินจับแขนเธออย่างแรง ไป๋มู่ชิงเลยไปอยู่บนตัวเขาภายในพริบตาเดียว เขารีบพลิกตัวอย่างเร็วและยังพาเธอพลิกไปพร้อมกันด้วย เธอเลยถูกกดอยู่ใต้ร่างกายของเขา
เรื่องที่ทำไม่สำเร็จเมื่อคืน เขาเลยวางแผนไว้ว่าจะชดเชยให้สองเท่าเลย!
ไป๋มู่ชิงโดนเขาทับไปขนาดนั้นเลยทนไม่ได้ที่จะต้องส่งเสียงร้องออกมา
หนานกงเฉินจูบกลับไปอย่างรวดเร็ว เสียงเธอตกใจก็กลับเข้าไปอยู่ที่ลำคอ หลังจากนั้นก็ฉวยโอกาสจูบเข้าไปในปากเธอ......
การออกกำลังกายยามเช้าของทั้งสองคน ขนาดเสี่ยวลวี่มาเรียกให้ไปทานข้าวก็ยังโดนหนานกงเฉินตอบกลับไปจนเธอต้องรีบจากไป
ไป๋มู่ชิงตีไปที่ไหล่ของหนานกงเฉินอย่างกระวนกระวายและพูดว่า“คุณรีบปล่อยฉันสิ คุณย่าจะว่าฉันเอานะ”
ผู้ชายคนนี้เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ถ้าถึงเวลาที่คุณผู้หญิงมาต่อว่า เขาต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไปกินอาหารเช้าของตนเอง ไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย แต่เธอต้องโดนต่อว่าจนถึงลูกถึงหลานแน่ๆ
“ถ้าเธอยังพูดมากอยู่ ฉันก็จะด่าเธอเหมือนกัน”หนานกงเฉินกัดหูและเตือนเธอว่า“ไม่ ฉันจะไม่ด่าเธอ แต่ฉันจะทำให้เธอไม่มีแรงแม้แต่จะมาด่าฉัน”
เขาขู่เธอขนาดนี้ สุดท้ายไป๋มู่ชิงก็ไม่ขัดขืนแล้ว
ไม่ว่าในกรณีใดๆเธอก็ดิ้นไม่หลุด เธอก็ได้แต่ต้องยอมเขา!
พอพวกเขาทั้งสองคนเสร็จกิจแล้ว ขณะที่จัดแจงตนเองจะลงไปด้านล่างนั้น คุณผู้หญิงทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเรียบร้อยและกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ห้องรับแขก
เซิ่งเคอและเซิ่งซินก็ออกไปหมดแล้ว มีแค่ผู่เหลียนเหยาที่อยู่จิบชาเป็นเพื่อนคุณผู้หญิง
เห็นทั้งสองคนลงมา คุณผู้หญิงก็ต่อว่าพวกเขาเหมือนอย่างที่คิดไว้จริงๆ“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วพึ่งจะตื่นนอน มันเข้าท่าเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงเตรียมตัวจะถูกต่อว่ามาตั้งแต่แรกแล้ว ก้มหัวลงไปพูดอย่างอ่อนน้อมว่า“ขอโทษค่ะ พอดีเมื่อคืนนอนหันค่อนข้างดึก”
“สี่ทุ่มนี่เรียกว่าดึกเหรอ?”หนานกงเฉินพูดออกมาเบาๆ
ไป๋มู่ชิงตกใจไปครู่หนึ่งก็หันหน้าไปจ้องเขาด้วยความโมโห ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาเธอคงลงมาตั้งนานแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะมีหน้ามาฉีกหน้าเธออีก?
คุณผู้หญิงหันไปจ้องหนานกงเฉินและต่อว่าเขาว่า“เธอก็อีกคน ไม่ต้องไปทำงานแล้วหรือไงกัน?”
หนานกงเฉินเดินยิ้มไปนั่งตรงข้ามคุณผู้หญิงและพูดว่า“คุณย่า ก็คุณย่าบอกให้ผมพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ต้องไปพยายามขนาดนั้นเองไม่ใช่เหรอครับ?”
ไป๋มู่ชิงแอบกรอกตาใส่เขา เขาก็ไม่ได้พักผ่อนนะ รู้ๆกันอยู่ว่านี่ยิ่งทำให้ไม่ได้พักผ่อนใช้แต่แรง ยิ่งกว่านั้นยังไม่ใช่การใช้แรงกาย
ผู่เหลียนเหลามองไปที่ทั้งสองคนก็ถือว่าเป็นคนที่ยังตกอยู่ในห้วงของความรัก ทำไมเธอถึงมองไม่ออกรอยแดงพวกนั้นบนตัวของไป๋มู่ชิงกันนะ เห็นได้ชัดว่าพึ่งมีอะไรกันมา เธอเลยได้แต่หัวเราะหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ และไม่ได้พูดอะไรออกมา
เพื่อที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย ไป๋ฒู่ชิงเลยยิ้มถามออกมาไปว่า“เมื่อกี้คุยอะไรกัยอยู่เหรอ?ฉันเห็นผู่เหลียนเหยามีความสุขมากเลย”
ผู่เหลียนเหยาหัวเราะออกมาว่า“เมื่อครู่พึ่งพูดกับคุณย่าว่า ฉันคิดว่าจะไปทำงานที่โรงพยาบาล แต่ยังไงก็เป็นเพราะว่าขาไม่ดีไม่ใช่สมองกับมือสักหน่อย กลับไปทำงานยังไงก็ถือว่าไม่เป็นอะไร”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นคุณย่ายอมไหม?”
“ยอมให้ไปแล้วค่ะ”ผู่เหลียนเหยาไปจับมือคุณผู้หญิงด้วยความดีใจและพูดว่า“คุณย่าพูดว่า ถึงแม้ว่าเธอจะขาดเพื่อนไปหนึ่งคนก็คงจะเบื่อมากๆ แต่ผู้หญิงเราควรมีอาชีพการงานและสังคมของตนเองบ้าง”
“เห็นๆกันอยู่ว่าเธอเองอยากอยากหาเงิน อยากไปทำงาน”คุณผู้หญิงยิ้มและไปตบแขนเธอเบาๆ
“คุณย่าเก่งที่สุดเลย”ผู่เหลียนเหยายิ้มเล็กยิ้มใหญ่
มีอาชีพการงานและสังคมของตนเอง จริงๆแล้วนั้นก็เป็นความฝันของไป๋มู่ชิงมาโดยตลอด
เธอพูดออกมาอย่างลังเลว่า“ฉันก็อยากไปทำงาน”
พอพูดออกมาแบบนั้นแล้ว ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกก็หันมามองเธอ
ไป๋มู่ชิงรีบพูดออกไปว่า“คุณย่า หนูก็อยากไปทำงานเหมือนกันค่ะ”
“เธอจะไปไหนนะ?อยู่บ้านดูแลตัวเองก็ดีอยู่แล้ว”คุณผู้หญิงแทบจะปฏิเสธออกไปโดยไม่คิดเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...