เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 148

นี่ไป่ยิ่งอันกำลังทำอะไรอยู่นะ?ผู้ชายแก่ที่กอดจูบเธอคนนี้เป็นอะไรกับเธอกันนะ?

พอเห็นไป๋มู่ชิง ไป๋ยิ่งอันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย มองผ่านเธอไป เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหนานกงเฉินและพูดว่า“นายหญิงน้อยหนานกง ดูแล้วก็มีความสุขดีหนิ”

ไป๋มู่ชิงไม่ได้สนใจคำพูดเหน็บแนมของเธอ มองไปที่ผู้ชายแก่คนนั้นและพูดว่า“เขาเป็นใคร?ทำไมเธอถึงมาอยู่กับเขาได้?”

“นี่คือคนที่ส่งเสียฉัน เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเชิ่งฉิง”ไป๋ยิ่งอันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่าสนิทสนม หัวเราะออกมาอย่างเต็มไปด้วยความรัก“โชคดีนะที่เธอทำให้ฉันมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้”

“ไป๋ยิ่งอันเธอยังมีศักดิ์ศรีอยู่ไหม?ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำแบบนี้ ไม่คิดถึงหน้าพ่อบ้างเหรอ?”ไป๋มู่ชิงทนไม่ได้ที่จะต้องพูดออกมาแบบนี้

ไป๋ยิ่งอันถึงแม้จะน่าหมั่นไส้ แต่ยังไงก็เป็นพี่สาวของเธอ แน่นอนว่าเธอไม่หวังให้ใครไปดูถูกพี่ของตัวเองหรอก ต้องขายเรือนร่างเพื่อต้องไปเป็นผู้หญิงใฝ่ต่ำแบบนั้น

ทันใดนั้นไป๋ยิ่งอันก็ตบเธอ“จะเสแสร้งทำตัวเหมือนไม่ผิดทำไม ที่ฉันต้องกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอไม่ใช่เหรอ?ถ้าในตอนแรกๆเธอไม่พูดให้ชัดเจ ฉันจะต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้?”

ไป๋มู่ชิงโดนเธอตบเจ็บจนหน้าของเธอร้อนไปหมดทั้งหน้าเลย

เธอจับหน้า จ้องเธอและพูดออกไปอย่างไม่หวาดกลัวว่า“รู้กันอยู่ว่ามันเป็นเวรกรรมของเธอเองแล้วยังจะมาโทษให้ฉันอีกเหรอ งานและโอกาสมีตั้งมากมาย แต่เธอเลือกทางเดินนี้เอง นี่ยังเป็นความผิดของฉันอีกเหรอ?”

“มีงานให้เลือกทำตั้งเยอะ?” ไป๋ยิ่งอันหัวเราะพูดว่า“งั้นก็ต้องถามสามีที่ไม่แข็งแรงของเธอ ถามเขาว่าต้องบังคับให้ฉันไปถึงขั้นไหนถึงจะพอใจ?ใช่สภาพตอนนี้ไหม?”

พูดจบ ไป๋ยิ่งอันกอดผู้ชายแก่คนนั้นที่พึ่งจะตื่นมาจูบกับเขาอย่างไม่ละอายใจ

ชายแก่คนนั้นสัมผัสตัวเธอ ทันใดนั้นก็กระหายจนทนไม่ได้ โน้มตัวเธอเข้าหากำแพงและใช้มือลูบคลำ

เห็นพวกเขาลุ่มหลงจนไร้ยางอายขนาดนี้ ไป๋มู่ชิงทั้งโกรธทั้งลำบากใจ

ไป๋ยิ่งอันจูบกับชายแก่คนนั้นอยู่สักพักก็หันมาจ้องไป๋มู่ชิงพูดว่า“ทำไมยังไม่อีก?”

เห็นไป๋มู่ชิงอายจนหน้าแดง เธอคว่ำปากพูดว่า“แกล้งทำตัวไร้เดียงสาทำไมกัน?เรื่องพวกนี้เธอไม่เคยทำกับหลินอันหนานหรือไม่เคยทำกับหนานกงเฉิน?ถ้าให้คิดดูแล้วก็ผ่านผู้ชายมาไม่น้อยแล้วนะ มีสิทธิอะไรถึงมาว่าฉันแบบนี้?”

“พูดบ้าอะไรของเธอ?”ไป๋มู่ชิงพูดอย่างโมโห

“ฉันพูดมั่วตรงไหน?หรือว่าฉันพูดผิด?”เห็นๆกันอยู่ว่าไป๋ยิ่งอันตั้งใจ เพราะหนานกงเฉินอยู่ที่ระเบียงทางเดินดูสองพี่น้องด้วยสายตาที่เย็นชามาก

ไป๋มู่ชิงไม่อยากสนใจเธอแล้วเลยหันตัวกำลังจะเดินไป

ไป๋ยิ่งกลับไปจับแขนของเธอกลับมาและไปกระซิบข้างหูของเธอว่า“ไป๋มู่ชิง เธออยากพึ่งได้ใจไปเลยเพราะยังไงแค้นนี้ก็ต้องชำระอยู่แล้ว ฝากไปบอกหนานกงเฉินด้วยนะ และยังรู้สึกขอบคุณที่เขาให้ผู้ชายที่น่ารังเกียจขนาดนี้กับฉันและขอบคุณที่เขาบังคับฉัน วันนี้ให้ฉันได้เดินทางเส้นทางที่น่ารังเกียจแบบนี้ อนาคตยังอีกยาวไกลพวกเราลองดู

ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นมาผลักเธอออกไป พูดอย่างหงุดหงิดว่า“เธอไปใช้ชีวิตตัวเองให้ดีก่อนเถอะ”

พูดจบ เธอหัวตัวออกไปจากประตูทางออกของคาราโอเกะ

เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นเธอก็พบว่าหนานกงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ

ก็ค่อยๆหยุดเดิน ในชั่วพริบตานั้นในใจของเธอก็มีรางสังหรณ์ เมื่อกี้คำพูดที่ไป๋ยิ่งอันแน่นอนว่าเขาต้องได้ยินใช่ไหม?เดิมทีก็ไม่เชื่อมาโดยตลอดว่าเธอกับหลินอันหนานเป็นคนบริสุทธิ์ คาดว่ายังไงก็คงไม่เชื่อ

ไป๋ยิ่งอัน แม้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะต้องซ่อนเธอไว้อกครั้ง!

หนานกงเฉินมองเขาด้วยสายตาที่“คุยจบแล้วเหรอ?”

ไป๋มู่ชิงไม่พูดอะไรเลย ก้มหัวเดินผ่านเขาไปและเดินต่อไปข้างหน้า

ไป๋มู่ชิงเดินไปอย่างกระตือรือร้น ไป๋ยิ่งอันไม่พอใจ มองไปที่ข้างหลังพวกเขาสองคนที่ค่อยๆห่างไกลออกไปรู้สึกว่าจิตใจไม่มั่นคง

รู้ๆกันอยู่ว่าไป๋มู่ชิงแย่งที่ของเธอ มีสิทธิอะไรเธอยังสามารถอยู่ข้างกายหนานกงเฉินต่อได้ แต่เธอกลับต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้?หรือว่านี่......ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเธอเองเหรอ?เป็นอุบายของเธอเหรอ?

ไป๋ยิ่งอันยิ่งคิดยิ่งโกรธ ถ้าเกิดชายแก่คนนั้นยังไม่ได้รู้สึกสนใจหรือเบื่อเธอขึ้นมา ลิ้นที่ลื่นและชุ่มชื่นได้ไปอยู่ที่หน้าของเธอ ยิ่งอันที่กระวนกระวายใจนั้นก็ถีบไปที่ขาของเขาและพูดว่า“ไปให้พ้นนะ!”

ผู้ชายโดนถีบ ก็สร่างขึ้นมาเยอะเลย จ้องเธอด้วยความโมโหว่า“นังผู้หญิงเลวคนนี้เธอกล้าถีบฉันเหรอ?วันนี้ฉันซื้อเธอแล้ว ควรเป็นฉันสิที่ถีบเธอ......”

“งั้นวันนี้ฉันไม่ขายแล้วโอเคไหม?รีบไปให้พ้น!”ไป๋ยิ่งอันตะโกนออกไป

ตอนนี้ในหัวของเธอคือภาพของไป๋มู่ชิงกับหนานกงเฉิน จะมีอารมณ์ไปสนุกกับเขาได้อย่างไร?

ชายแก่คนนั้นถูกเธอตะโกนใส่ พูดออกมาด้วยความโมโหว่า“เธอมันผู้หยิงเห็นแก่เงิน ครั้งหน้าถ้าไม่มีเงินใช้ไม่ต้องมาอ้อนวอนเธอนะ!”พอพูดจบ เธอก็กลับไปที่ห้องรับรอง

ไป๋ยิ่งอันโมโห จนหายใจหอบ ไม่ง่ายเลยที่จะกำจัความโกรธนี้ออกไป ตอนที่หันมามองกลับไปก็เห็นเงาที่ทำให้เธอยิ่งฮีกเหิมขึ้นกว่าเดิมอีก

ใต้แสงไฟที่มืดสลัว ผู่เหลียนเหยาก็นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองไปที่เธอ ห่างกันไม่ถึงห้าเมตรด้วยซ้ำ

เห็นเงาของเธอ ไป๋ยิ่งอันคิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา หลังจากนั้นก็โกรธแค้นจนอยากจะฆ่าเธอ

“เมื่อครู่นี้สนุกนักเหรอ?”ผู่เหลียนเหยากวาดสายตาไปที่บานประตูข้างหลังไป๋ยิ่งอัน เมื่อครู่นี้ผู้ชายคนนั้นก็เดินจากนี่เข้าไปในห้องรับรอง“แต่ว่าผู้ชายคนนี้ที่คุณกำลังตามหาไม่ขี้เหร่ไปหน่อยเหรอ?ถ้าหากว่าเป็นฉัน เห็นใบหน้าที่น่ารังเกียจนั้นก็รู้สึกแทบจะอ้วก นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะจูบเขาลงไปได้?แต่เพื่อนเงินแล้วแน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ต้องอดทนไว้อยู่แล้ว”

มือทั้งสองของผู่เหลียนเหยาจับล้อรถวีลแชร์ บนหน้าก็เต็มไปด้วยการพูดดูถูกและเหน็บแนม

ไป๋ยิ่งอันถูกยั่วจนอยากจะเดินไปเตะเขา แต่ว่าเธอก็อดทนเอาไว้ได้ เธออดทนต่อความโมโหและพูดเหน็บแนมว่า“คนพิการ ถ้าเธอขายตัวตอนนี้คงไม่มีใครอยากได้หรอก!

“แต่น่าเสียดายชีวิตฉันดี ไม่ต้องขายแล้ว”ผู่เหลียนเหยาวางมือทั้งสองลง

“ชีวิตที่ดี?ไป๋ยิ่งอันหัวเราะอย่าง“ขนาดเซิ่งเคอแต่ก็ยังเป็นคนรับใช้ของตระกูลหนานกง เธอถือว่าเป็นสิ่งของอะไร ตอนแรกที่เกือบจะตายนั้น ขนาดต้องคิ้วยังต้องขมวดเลย เธอพิการเธอยังใช้อำนาจเข้ามาเข้ามาเอาใจตระกูลหนานกง ก็ขาดแค่ไม่ได้ให้เธอคุกเข่าทำทุกวิถีทาง”

สีหน้าของผู่เหลียนเหยาก็เปลี่ยนไป และยังกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว สะบัดหัวและพูดยิ้มเล็กน้อยว่า“ไม่ เธอเป็นคนผิด ฉันกลับไปก็เพราะอยากพิสูจน์ความรักระหว่างหนานกงเฉินและไป๋มู่ชิง พวกเขาทั้งสองคนยิ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ในใจของฉันยิ่งดีใจและยิ่งรู้สึกว่าขาที่พิการของฉันก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

“คุณหนูไป๋ คุณคิดแผนการเพื่อที่สิ่งที่อยากได้ ทุกอย่างก็มาอยู่ในกำมือไป๋มู่ชิง ทุกวันนี้เธอกับคุณชายเฉินก็มีความรักให้กันเพิ่มมากขึ้น ไม่ไหนจากกันเลย แน่นอนว่าเธอต้องไม่เคยเห็นฉากที่ใกล้ชิดขนาดนั้น ก็แม้แต่คู่หมั้นของฉันเห็นยังรู้สึกอิจฉาเลย”

ไม่ง่ายเลยที่ไป๋ยิ่งอันจะทนรับความกดดันแบบนี้ที่ค่อยๆปรากฏขึ้นมา กำมือทั้งสองข้างอย่างแน่น

ผู้เหลียนเหยาเห็นสีหน้าที่ทรมานของเธอ ก็หัวเราะสะใจและเอ่ยปากว่า“ฉันทำเอาเธอลำบากมามาก คุณชายเฉินเขารู้ว่าไป๋มู่ชิงเคยเจ็บปวดกับความรักมาก่อน เจ็บใจจนเหมือนมันจะแตกสลาย อดไม่ได้ที่จะกุมเธอไว้ในกำมือในทุกๆวัน”

เธอพูดจบหันหน้าไปมองไป๋ยิ่งอันและพูดว่า“พอมาดูเธอตอนนี้แล้วก็ต้องตกต่ำขนาดนั้น พอพูดแล้วก็คือโสเภณี เอเป็นแบบนี้เพราะโดนมู่ชิงแย่งผู้ชายไป แม้แต่จะถือรองเท้าก็ไม่มีสิทธิแล้วใช่ไหม?ดังนั้นพ่อก็อยู่ร้านแถวๆบ้านนี่สิทั้งขายตัวและอีกด้านหนึ่งก็มองไปที่สองนั้นรักกัน มีความสุขกันมากเลย น่าสงสารจัง!”

“ผู้หญิงเลว!”ในที่สุดไป๋ยิ่งอันก็ทนต่อไปไม่ได้แล้ว เลยพาเธอลงจากวีลแชร์ ใช้เท้าเตะเธอและอีกทั้งด่าเขาว่า“เธอมีสิทธิอะไรมาหัวเราะฉัน?คนพิการมีสิทธิอะไรที่จะมาโอ้อวดต่อหน้าของฉัน......เธอ......!”

“ช่วยด้วย มีคนทำร้ายฉัน!ช่วยด้วย!”ผู่เหลียนเหยากุมหัวของเธอไว้และขดตัวโอดครวญอยู่ที่พื้น

ไม่นานมีพนักงานรีบเข้ามาดึงตัวไป๋ยิ่งอันออกไป ในที่สุดเซิ่งเคอก็รีบออกมาจากห้องรับรอง เห็นผู่เหลียนเหยาโดนตีจนไปกองอยู่ที่พื้น ทำให้เธอตกใจ รีบพาเธอลุกขึ้นมาจากพื้นและพาเธอขึ้นไปนั่งบนวีลแชร์

ไป๋ยิ่งอันถูกพนักงานสองสามคนคุมตัวไว้ ยังคงตะโกนด่าออกมา

ผู่เหลียนเหยาอายมากและรีบเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเซิ่งเคอ ร้องไห้เพราะรู้สึไม่เป็นธรรมและพูดว่า“นังบ้าคนนี้ตีฉัน ฉันจะไปบอกพี่และพี่สะใภ้จะไปบอกให้พวกเขาช่วยฉันหาวิธีที่ยุติธรรมที่สุด......”

บอกหนานกงเฉิน?ไป๋ยิ่งอันโกรธจนจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด ที่จริงแล้วนี่เป็นเป้าหมายของเธอเหรอ?เธอแค้นที่หนานกงเฉินบังคับเธออย่างน่าเวทนา?

“ทำไมอยู่ดีๆไปยั่วโมโหเขาล่ะ?อย่าดื้อ ปกติพวกเราก็ไม่ได้รู้จักอะไรกับเธอ”ด้านหนึ่งเซิ่งเคอลูบผมที่ยุ่งเหยิงของเธอและอีกด้านหนึ่งก็พูดปลอบใจเธอ

ผู่เหลียนเหยาร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเขาและพูดว่า“เขาพึ่งจะพูดกับเธอได้ไม่ถึงสองประโยค เธอก็ตบตีฉันแล้ว เซิ่งเคอฉันอยากกลับบ้าน”

“ได้สิ กลับบ้านกัน”เซิ่งเคอมองไปที่พนักงานที่จับตัวไป๋ยิ่งอันไว้อยู่ ไม่พูดอะไรเลยและก็ผลักผู่เหลียนเหยาออกไปจากประตูทางออกที่คาราโอเกะ

หลังจากที่ไป๋มู่ชิงและหนานกงเฉินกลับมาถึงที่รถแล้วนั้น เกือบจะถามเขาออกไปอย่างตรงประเด็นว่า“ที่ไป๋ยิ่งอันพูดนั้นจริงเหรอ?คุณบังคับให้เธอเป็นแบบนี้เหรอ?”

ด้านหนึ่งหนานกงเฉินดึงเข็มขัดนิรภัยออกมาและอีกด้านหนึ่ง ไม่คิดว่าจะพูดออกมาแบบนี้“เกิดอะไรขึ้นอีกแล้วล่ะ”

ไป๋มู่ชิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบกลับไปตรงๆขนาดนั้น หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งก็พูดว่า“ทำไมเธอทำแบบนี้กันนะ?”

“นี่เธอกำลังถามฉันอยู่เหรอ?”หนานกงเฉินหันมาจ้องหน้าเธอ ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความอันตราย

ไป๋มู่ชิงเจอสายตาที่เย็นชาและการสูดหายใจเข้าที่น่ากลัวของเขา แต่ว่าเธอยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังค่อนข้างโมโหว่า“ฉันรู้ว่าเธอทำเรื่องกับคุณไว้มากมา และรู้ว่าเธอสมควรตาย แต่ว่าบังคับเธอแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ ถ้าคุณเกลียดเธอก็ทำเหมือนกับท่านประธานไป๋ก็ได้หาเรื่องมาบังคับเธอให้ตาย ทำไมต้องบังคับเธอถึงขนาดนี้ หรือว่าคุณไม่รู้พรหมจารีสำคัญกับผู้หญิงขนาดไหน?”

หนานกงเฉินจ้องเธออย่างไม่ละสายตา พูดอย่างเย็นชาว่า“ถ้าสลับให้เธอเป็นเขา เธอจะทำอย่างไร?”

“ฉันยอมจะกระโดดตึกตาย!”

“อย่างนั้นทำไมเธอไม่โดดนะ?”

“......”

“เพราะเธอยอมที่จะมีผู้ชายหลากหลายประเภทมาคอยปรนนิบัติ เธอยอมมีชีวิตแบบนั้น”หนานกงเฉินหัวเราะเยาะว่า“พรหมจารี?ลูกสาวตระกูลไป๋ยังจะมีพรหมจารีอยู่อีกเหรอ?ยังมีความละอายใจอยู่ไหม?เพื่ออยากได้ตำแหน่งก็ทำเรื่องที่ไร้คุณธรรม เพื่อเงินก็ยอมที่จะขายเนื้อหนังของตนเอง”

“ฉันไม่เห็นด้วยกับที่เธอทำให้ฉันขายหน้าหรอก!”

“ทำไมถึงไม่เห็นด้วยล่ะ?แม้แต่พี่สาวแสนดีของเธอยังพูดว่าเธอโดนหลินอันหนานเล่นงานจนไม่เหลือชิ้นดี! ”ทันใดนั้นหนานกงเฉินก็พูดออกมาแบบนี้

คุณถึงยังต้องการให้ฉันอยู่ข้างๆล่ะ?คุณเอาฉันไปทิ้งไว้ให้ขายตัวที่คาราโอเกะเถอะจะได้จบๆไป ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณ ในเมื่อฉันเป็นภรรยาที่น่าขายหน้านี่คุณไม่ขายหน้าเหรอ?คุณชายใหญ่หนานกงที่สูงส่งกลับมาแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ คุณไม่อายเหรอ?!”

“เธอหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”หนานกงเฉินจ้องเธอด้วยความโมโหมาก

“ทำไมล่ะ?คุณยอมรับแล้วว่าแต่งงานกับผู้หญิงแย่ๆแบบนี้ แล้วทำไมยังจะให้ฉันหุบปาก?”

ไป๋มู่ชิงพูดจบ หันไปเปิดประตูรถลงมา

หนานกงเฉินหูไวตาไวและจับแขนเธออย่างรวดเร็ว ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้น กัดฟันพูดว่า“คุณใส่ใจเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?ไม่ได้พูดว่าทั้งหมดเป็นแผนของเธอไหม?ไม่ใช่พูดว่าตัวเองไม่มีความผิดไม่ใช่เหรอ?ทำไม......?”

ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก ผ่านไปครู่ใหญ่ๆถึงจะะพูดว่า“ฉันแค่รู้สึกว่าบังคับเธอขายตัวมันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ”

“นั้นเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง เธอเลือกที่จะกะโดดตึกได้ เลือกที่จะไปเป็นขอทาน แต่ว่าเธอยังไงเธอก็เลือกงานที่รายได้สูงแบบนี้ และในคาราโอเกะมีผู้หญิงมากมายที่ขายตัวเพื่อเงิน เธอดูว่าพวกเขาทำตัวแบบนี้ยังจะมียางอายอยู่ไหม?”เขายังพูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชาว่า“นี่คือผู้หญิงของตระกูลไป๋ของเธอ เลวฝังเข้าไปในกระดูก!”

“ฉันไม่อยากฟังคุณพูดถึงตระกูลไป๋!และไม่อยากฟังคุณเอาฉันกับเธอมาเปรียบเทียบกัน”ไป๋มู่ชิงทนไม่ได้ที่จะพูดว่า“ถ้าคุณรังเกียจฉันขนาดนั้นจริงๆ คุณก็เปิดประตูรถ ฉันจะหายไปให้ไกลเอง”

“หายไปไกลๆ?ไปต่างประเทศเหรอ?จะไปหาหลินอันหนานของเธอ?”หนานกงเฉินผลักเธอกลับไปที่บนเบาะ“ฝันไปเถอะ!”

“อย่างนั้นคุณจะให้ฉันทำอย่างไรล่ะ?”ไหล่ข้างหนึ่งของไป๋มู่ชิงชนกับประตูรถ เจ็บจนเธอต้องใช้มือคลึงเบาๆ

“สถานการณ์ก็เป็นแบบนี้ อย่าได้คิดที่จะหนีออกไปจากกำมือของฉัน ถ้าเธอคิดจะหนีอย่างนั้นเธอก็จะต้องฟังฉันคนเดียว”หนานกงเฉินพูดทิ้งท้ายไว้แบบนี้และขับรถต่อไป

กลับถึงบ้าน หนานกงเฉินจอดรถไว้ที่หน้าตึกใหญ่ ไป๋มู่ชิงลงจากรถและเข้าไปในบ้านก่อน

เธอเดินเข้าไปที่ห้องรับแขกห็นเซิ่งเคอกำลังทายาบนหน้าให้ผู่เหลียนเหยา แต่บนหน้าของผู่เหลียนเหยามีรอยแดงอยู่ราวกันว่าโดนคนตีมา

ไป๋มู่ชิงถามออกไปอย่าสุภาพว่า“เหลียนเหยา เธอไปโดนอะไรมา?”

เบ้าตาแดงก่ำมากผู่เหลียนเหยา เธอสะบัดหัวพูดว่า“ไม่มีอะไร แค่โดนคู่หมั้นของพี่อันหนานตบมาเฉยๆค่ะ”

“เธอตบเธอเหรอ?ทำไมกันล่ะ?”

“ไม่รู้ค่ะ อาจจะไม่ชอบขี้หน้ามั้ง แต่ยังไงตอนแรกๆเป็นฉัน......”ผู่เหลียนเหยาเห็นหนานกงเฉินเดินเข้ามา เธอก้หยุดพูดและยิ้มทั้งน้ำตาว่า“ไม่มีอะไรค่ะ แค่โดนตกครั้งเดียวเอง ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงอะไร”

ผู่เหลียนเหยากวาดสายตาเห็นหน้าไปมู่ชิงแดง พูดอย่าตกใจว่า“นี่ ทำไมหน้าพี่สะใภ้ก็แดงล่ะ?โดนเธอตมมาเหมือนกันเหรอคะ?”

ไป๋มู่ชิงจับหน้าของตัวเองดู ถึงจะตกใจว่าหน้าของตัวเองนั้นรู้สึกร้านผ่าว เมื่อครุ่เอาแต่ทะเลาะกับหนานกงเฉินจนทำให้เธอลืมไปเลยว่าเอก็โดนไป๋ยิ่งอันตบมาเหมือนกัน

นาทีนั้นบนหน้าของเธอแดงขึ้นมาจริงๆ ถ้ามองก็จะเห็นรอยมืออยู่

“ฉันไม่เป็นไร”ยิ้มและไม่สนใจอะไรเลย

“พี่สะใภ้ ยานี้ดีมากๆเลย ให้พี่เขาช่วยพี่สะใภ้นะ”เซิ่งเคอหยิบยาขี้ผึ้งยื่นให้ไป๋มู่ชิงข้างหน้า

“ไม่ต้องหรอก ฉันหนังหนา เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

“หนังหนา?”ผู่เหลียนเหยาเสียง“พู”“งั้นก็ให้พี่ช่วยเธอเช็ด ถ้าพรุ่งนี้บวมล่ะจะทำอย่างไร?”

ผู่เหลียนเหยาหันหลังจากเดินตามไป๋มู่ชิงมาหนานกงเฉินหัวเราะพูดว่า“พี่ รีบมาช่วยพี่สะใภ้ทายาเร็ว ทาเสร็จจะได้ไปชมพระจันทร์ในสวนดอกไม่เป็นเพื่อนคุณย่า”

“คุณย่ายังไม่นอนเหรอ?”

“ยังไม่นอน รอประมาณเที่ยงคืนเพื่อชมจันทร์”

หนานกงเฉินไม่ได้พูดอะไร เดินมาจากในมือยาขี้ผึ้งของไป๋มู่ชิง พึ่งจะเปิดฝาไว้ ไป๋มู่ชิงกลับเดินมาจากข้างกายของเขา เดินขึ้นตึกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด