เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 150

ไป๋มู่ชิงกำลังจัดของบนโต๊ะก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา เลยรีบเดินไปเปิดประตูพบว่าเป็นคุณผู้หญิงที่มีพี่เหอพยุงและเดินเข้ามา

“คุณย่า มีอะไรหรือเปล่าคะ?”เธอเดินเข้าไปหาและไปพยุงแขนคุณผู้หญิงเดินไปที่โซฟา

คุณผู้หญิงมาหาเธอด้วยตัวเองที่ห้อง แน่นอนว่าต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มาหรอก

แต่คุณผู้หญิงก็ไม่เคยพูดอ้อมค้อม หลังจากนั่งบนโซฟาแล้วพูดอย่างตรงประเด็นว่า“ได้ยินมาว่าเมื่อวานเธอให้เสี่ยวลวี่ไปซื้อที่ตรวจครรภ์ให้เหรอ?”

ไป๋มู่ชิงตกใจไปเลย ได้ยินมาเหรอ?คุณผู้หญิงไปได้ยินใครมากันนะ?ไปได้ยินมาจากเสี่ยวลวี่เหรอ?

ใช่สิ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรกังวง ที่ควรสนใจกว่าคือคุณผู้หญิงถามออกมาแบบนี้แล้ว เธอจะยังโกหกได้อยู่อีกเหรอว่าตัวเองไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่ว่าถ้าพูดว่าท้อง หนานกงเฉินจะไม่ชอบหรือเปล่า?

“ดูแล้วใช่สินะ”คุณผู้หญิงถามอย่างรีบร้อนว่า“ตรวจแล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง?ตั้งครรภ์หรือเปล่า?”

ไป๋มู่ชิงเห็นท่าทางที่รีบร้อนของเธอก็ไม่กล้าที่จะไปหลอกอะไรเธอ เธอก็พยักหน้าไปอย่างลังเล

เห็นเธอพยักหน้า คุณผู้หญิงรีบลุกขึ้นมาจากโซฟา“เธอพูดว่าอะไรนะ?เธอต้องครรภ์?เธอตั้งครรภ์จริงใช่ไหม?”

พี่เหอที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมา ด้านหนึ่งพยุงเธอและพูดออกมาว่า“คุณผู้หญิง ท่านในเย็นๆก่อน คุณชายใหญ่กับนายหญิงน้อยยังวัยรุ่นอยู่เลย ท้องเป็นเรื่องที่ไม้ช้าก็เร็วก็ต้องเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอ?ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอก”

“แต่ว่านี่เป็นเหลนของฉันนะ จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน” คุณผู้หญิงเดินตัวสั่นไปจับมือทั้งสองของเธอและพูดว่า“ยิ่งอัน ไม่ได้หลอกย่าใช่ไหม?แน่นอนว่าไม่ใช่หรอกใช่ไหม?”

“คุณย่า ฉันจะหลอกคุณย่ากับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร”ไป๋มู่ชิงก็สับสนเล็กน้อยกับความกระตือรือร้นของเธอ

“เยี่ยมไปเลย ในที่สุดฉันก็จะได้อุ้มเหลนแล้ว”คุณผู้หญิงหัวเราและมองไปที่ทั้งสองคน ยังคงถามต่อว่า“เด็กคนนี้จะไม่เป็นอะไรหรอกใช่ไหม?แน่นอนว่าจะไม่เป็นเหมือนครั้งที่แล้วใช่ไหม”

พี่เหอพยักหน้าอยู่ข้างๆ“ใช่ค่ะ นายหญิงน้อยดื่มยาที่ท่านอาจารย์หวังให้แล้วยังไงเด็กก็ต้องไม่เป็นอะไร”

“ใช่ แน่นอนว่าเด็กต้องไม่เป็นไร”ครู่ใหญ่ๆคุณผู้หญิงถึงจะปล่อยมือของไป๋มู่ชิง ชี้ไปที่โซฟาข้างๆว่า“เร็ว รีบขึ้นมานั่ง เดี๋ยวจะเหนื่อยเอา”

ไป๋มู่ชิงเลยจำใจต้องนั่งบนโซฟาด้วยกัน ฟังเธอพูดเรื่องที่ควรระมัดระวังจากครั้งที่แล้ว ฟังแล้วปาไปเกือบยี่สิบนาที ไม่ง่ายเลยที่กว่าคุณผู้หญิงจะจากไปนั้น

เธอเงยหน้าขึ้นไปขณะที่นั่งอยู่ที่โซฟาและถอนหายใจออกมาเบาๆ

ท่าทางแบบนี้ของคุณผู้หญิงทำให้กดดันเธออย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าอย่างไรเด็กคนนี้......

เฮ้ย เธอกำลังคิดอะไรน่ะ?เด็กคนนี้ออกมาแข็งแรงแน่ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก !

เธออยู่ที่ตระกูลหนานกงนานขนาดนี้แล้ว ไป๋มู่ชิงยังต้องนอนคนเดียว ยังไงก็รู้สึกไม่ชินเลย

ถึงแม้ว่าตระกูลหนานกงจะนิสัยแย่ในบางทีแต่ยังไงก็รักและเอ็นดูเธอ ทุกๆคืนยังเต็มใจกอดเธอนอนอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นท่าทางแบบไหนก็จะกอดเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอชินไปตั้งนานแล้วโดยเฉพาะอยู่ในอ้อมกอดของเขา ได้ดมกลิ่นอายของเขามันรู้สึกดีมากๆเลย

ตอนนี้ไม่มีอ้อมกอดของเขาแล้ว และไม่มีกลิ่นอายของเขาอยู่ด้วยแล้ว ไป๋มู่ชิงแค่รู้สึกไม่สบายไปในทุกๆด้าน

เธอลุกขึ้นมาจากเตียงโดยไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย หลังจากนั้นเดินไปดื่มน้ำด้านล่าง ตอนที่กลับขึ้นมาด้านบนก็บังเอิญเจอหนานกงเฉินเดินออกมาจากห้องหนังสือพอดี

เห็นเธอว่าดึกขนาดนี้ยังไม่นอน หนานกงเฉินเลิกคิ้วเหมือนเดิมตามปกติและจ้องเธอ“ทำไมยังไม่นอนอีก?”

“ฉัน......นอนไม่หลับ”

“อย่าลืมสถานะของตัวเอง นอนให้ไวตื่นให้ไวสิถึงจะสุขภาพดีได้”

“ฉันนอนไม่หลับจริงๆนะ”

“นอนไม่หลับอย่างนั้นก็กลับไปนอนที่เตียงของฉัน”

“เมื่อกี้ฉันนอนแล้วแต่เจ็บเอว เลยลงจาเตียงมาเดินเล่นนี่ไง”

หนานกงเฉินก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอและหันตัวเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ไป๋มู่ชิงรีบเดินเข้าไปอยู่ข้างๆเขา รีบเขาไปพูดกับเขาอย่างโมโห“แค่คืนเดียว ขอให้เป็นคืนสุดท้าย”

หนานกงเฉินจ้องที่เธอทำท่าน่ารักแบบนั้น ยกมือขึ้นไปลูบที่หัวของเธอและพูดว่า“แกล้งทำเป็นน่ารักทำไมกัน ไม่เห็นน่ารักเลย”

เขาเลยดึงเธอเขาไปข้างในแต่ไม่ได้ผลักเธอออกมา

ไป๋มู่ชิงเลยยิ้มอย่างดีใจ เดินไปที่เตียงก่อนเขาเสียอีก หลังจากนั้นเปิดผ้าห่มออกและขึ้นไปนอน

เธอหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึกๆ เป็นอย่านั้นจริงๆเธอได้กลิ่นอายของเขาถึงจะรู้สึกพอใจ!

หนานกงเฉินเปิดแอร์ หยิบรองเท้าแตะที่เธอถีบออกไปไกลนั้นมาวางไว้ที่ใต้เตียง ถึงจะเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งหนึ่งของเตียง

เขาชินกับการอ่านนิตยสารก่อนนอน ไป๋มู่ชิงที่อยู่ข้างๆก็ถามว่า“ยังไม่นอนอีกเหรอ?”

หนานกงเฉินขยิบเข้ามาและจ้องเธอ“ทำไมฉันรู้สึกว่าวันนี้เธอตื่นเต้นเป็นพิเศษกันนะ?กินยากระตุ้นมาเหรอ?”

“ใช่ที่ไหนกันล่ะ”ไป๋มูชิงยกมือขึ้นมาจับหน้าตัวเอง เธอแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?และวันนี้เธอตื่นเต้นจริงๆ ควรพูดว่าตั้งแต่ได้ยินเรื่องเมื่อวานว่าเขายอมให้เธอคลอดเด็กคนนี้ออกมาก็ดีใจมากแล้ว

“ยิ้มจนเห็นรอยตีนกา ยังพูดว่าไม่มีอะไรเหรอ?” ทันใดนั้นหนานกงเฉินก็พลิกตัวมา มองไปที่เธอโดยตรงและพูดว่า“พูดมา วันนี้ปิดบังเรื่องไม่ดีอะไรกับฉันอีกหรือเปล่า?หรือว่าแอบหนีฉันออกไปข้างนอกแล้ว?”

ไป๋มู่ชิงใช้สองมือไปดันที่หน้าอกของเขา เพื่อให้เขามาทับบนตัวเองได้ “ฉันออกหรือไม่ออกไปข้างนอกนั้นมีเหรอที่คุณจะไม่รู้?”

“เธอเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรกัน?”

“นี่คุณเอาอีกแล้วนะ......อยากจะหาเหตุผลมายั่วโมโหตัวเองเหรอ?”ทันใดนั้นไป๋มู่ชิงเอามือที่วางอยู่บนหน้าอกย้ายไปจับหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถามไปอย่าสุภาพว่า“เรื่องที่ผ่านมาแล้วพวกเราไม่พูดถึงแล้วได้ไหม?ฉันสาบานว่าฉันกับหลินอันหนานบริสุทธิ์ ความรู้สึกที่ฉันมีให้เขามันก็หายไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่เขากับไป๋ยิ่งอันร่วมมือกันให้ฉันไปกับคุณแล้ว”

หนานกงเฉินได้เพียงแต่มองไปที่เธอ ไม่เอ่ยปากออกมาเลย ไป๋มู่ชิงก้มหน้าไปและพูดว่า“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องไม่เชื่อฉันแน่ๆ”

“เธอกับหลินอันหนานบริสุทธิ์?ฉันไม่เชื่อหรอก”หนานกงเฉินรู้ว่าตัวเองสนใจในจุดนี้ที่สุดแล้ว และก็รู้ว่าปัญหานี้ในที่สุดแล้วคงจะต้องจบลงด้วยการทะเลาะกัน แต่ว่ายังไงเขาก็ทนไม่ได้ที่จะพูด

“ทำไมคุณถึงไม่ยอมเชื่อกันล่ะ?”ไป๋มู่ชิงพูดออกไปด้วยความสงสัย

“อยู่ที่รีสอร์ทเมืองหลิวครั้งนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะกระจกแตก เธอกับหลินอันหนานวางแผนจะอยู่ด้วยอีกนานเท่าไหร่?หนึ่งคืนเหรอ?”

เขาพูดออกมาแบบนี้แล้ว ไป๋มู่ชิงตกใจไปเลย

คืนนั้นที่เมืองหลิว?เขารู้ได้ไงกันนะ?

“คุณรู้ได้ไงว่าฉันกับหลินอันหนาน......”

“เดาเอา”

“ไม่ใช่สิ”ไป๋มู่ชิงผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็ว“ฉันว่าแล้วว่าทำไมกระจกถึงแตกได้แปลกขนาดนั้น แท้ที่จริงแล้ว......คุณเป็นคนทุบนี่เอง!”

เห็นหนานกงเฉินหันหน้าไปหลบตัวเองนั้นไป๋มู่ชิงก็ยิ่งแน่ใจในการคาดเดาของตัวเอง เธอพูดออกมาอย่างไม่น่าเชื่อว่า“หนานกงเฉิน ไม่คิดเลยนะว่าคุณจะตามดูคนอื่นจนเป็นนิสัยขนาดนี้ มาแอบดูคนอื่น......”

หลังจากนั้นไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก หนานกงเฉินหันกลับมาพูดแทนเธอสองคำว่า“......ร่วมรัก”

“ไม่ใช่”ไป๋มู่ชิงสะบัดหัว“ฉันกับหลินอันหนานไม่เคยทำอะไรแบบนั้น”

“ถ้าหากระจกไม่แตกล่ะ?”

ถ้ากระจกไม่แตก?ไป๋มู่ชิงจำเป็นต้องยอมรับ ถ้าเกิดว่าครั้งนั้นกระจกไม่แตกเธอกับหลินอันหนานก็คงจะทำกันแน่ๆ”

เธอเงียบไปสักครู่หนึ่ง และอธิบายว่า“ฉันยอมรับว่าครั้งนั้นฉันกับหลินอันหนานก็เกือบทำแล้ว งั้นก็เป็นเพราะว่าเขาพูดว่าพวกเราใกล้จะแต่งงานกันแล้ว ไม่ควรจะไปปฏิเสธเขา ตอนแรกเขาช่วยฉันออกมาจากซูวยาหยง และก็เป็นฉันเองที่เลือกที่จะแต่งงานกับเขา ดังนั้นฉันเลย......”

เธอพูดจบก็รีบพูดต่ออีกว่า“และฉันก็ยังสาบานว่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันตอบรับว่าจะแต่งงานกับเขา และเป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดกันขนาดนั้น เมื่อก่อนไม่เคยมีเลย เขาไม่เคนไปพักที่คอนโดเซียงตี ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามแม่ฉันหรือไม่ก็เสี่ยวอี้ได้”

กลัวมากว่าเขาจะไม่เชื่อ ไป๋มู่ชิงเลยพูดต่อว่า“ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวครั้งนั้น ฉันและหลินอันหนานก็คงไม่มีคืนนั้น จริงๆนะ”

เห็นท่าทางที่ร้อนรนและไม่รู้สึกผิด หนานกงเฉินนึกไม่ถึงเลยว่าจะเริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว

“งั้นก่อนที่จะมาแต่งงานกับฉันล่ะ”

“ก่อนที่จะแต่งงานกับคุณ?ไม่เคยมี ในเรื่องนี้หลินอันหนานก็ไม่เคยบังคับฉันเลย”

“คบกันมาสามปี ไม่เคยมีเลยเหรอ?”หนานกงเฉินหัวเราะเยาะเธอ บนโลกนี้ยังมีความรักที่บริสุทธิ์ขนาดนี้อยู่เหรอ?

“ฉันสาบานว่าไม่เคยจริงๆ”ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นมาสามนิ้ว“ถ้าคืนนี้ฉันพูดไม่จริงออกไป ฉันจะ......จะออกไปให้โดนรถชน ไม่จำเป็นต้องรอจนแก่ตาย”

คำสาบานที่ไม่น่าเชื่อแบบนี้ ถ้าเขายังไม่เชื่ออีก ครั้งหน้าเธอคงจะไม่อธิบายกับเขาแล้ว

ไป๋มู่ชิงคิดอยู่เงียบๆในใจ

หนานกงเฉินมองไปที่เธอและไม่รู้ว่าควรจะเชื่อเธอไหม

“นี่คุณจะเชื่อฉันไหม?พูดอะไรมาหน่อยได้ไหม?”ไป๋มู่ชิงพูดอออกมาด้วยสีหน้าที่น้อยใจ

“เชื่อหรือไม่เชื่อแล้วทำไมเหรอ?”

“ถ้าสมมุติว่าเชื่อหลังจากนี้ก็อย่าพูดถึงเขาเลย ถ้าไม่เชื่องั้นก็อย่าไปพูดถึงเลย ยังไงก็พูดออกมาแล้วมันจะมายั่วโมโห”

หนานกงเฉินจ้องเธออย่างไม่ละสายตาอยู่สักพักใหญ่ๆ ไม่ได้พูดว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ เพียงแค่ยื่นมือเข้าไปจับที่คอ ริมฝีปากของเธอเข้าไปใกล้กับตัวเอง

การกระทำของเขาทำให้ไป๋มู่ชิงตกใจ ไม่รอให้เธอแน่ใจว่าในใจของเข่งสรุปแล้วคิดอย่างไร ริมฝีปากของเธอถูกเขาเปิดออกด้วยลิ้นของเขา ปกติแล้วลิ้นเข้ามาอยู่ในปากของเธอ

“เดี๋ยวก่อน”ตอนนั้นเขากำลังจูบเธออย่างดูดดื่ม ทันใดนั้นไป๋มู่ชิงก็พูดออกมา ยกมือขึ้นไปชี้ที่ปากของเขาและจ้องเขาว่า“คุณยังไม่ได้บอกฉันเลย ตอนนั้นใช่คุณไหมที่มาทุบกระจกของพวกเรา”

หนานกงเฉินขมวดคิ้ว“มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“แน่นอนว่าสำคัญมาก”

“เธอบอกฉันสิว่ามันสำคัญตรงไหน?”

หนานกงเฉินพยายามที่จะเสแสร้งเพื่อทำให้เธอเขวเพราะว่าถ้าเกิดเขาพูดว่าตัวเองเดาเอานั้น หลังจากนั้นเรียกคนไปทุบกระจกของพวกเขา เธออาจจะเชื่อก็ได้ แต่เขายังเป็นคนที่อธิบายไม่เก่งอีกด้วย

“เพราะถ้าเป็นคุณไปทุบ ฉันก็จะรู้สึกขอบคุณคุณมากๆ!”ไป๋มู่ชิงจ้องเขาและพูดด้วยความสุภาพ

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”หนานกงเฉินเข้าไปจูบเธออีกครั้ง ครั้งนี้จะไม่ให้เธอมีโอกาสได้หลบแล้ว เลยกดเธอลงไปอยู่ใต้ร่างของเขา

จูบไปนานพอสมควร ในที่สุดหนานกงเฉินก็ปล่อยเธอ เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา เขามากระซิบข้างหูเบาๆว่า“นอนได้แล้ว”

นี่คือเหตุผลที่เขาไม่อยากอยู่ห้องนี้กับเธอ เขากลัวว่าสักวันอาจจะต้องการเธอมากจนควบคุมตัวเองไม่อยู่

ไป๋มู่ชิงถึงแม้ว่าจะโดนเขาเล้าโลม แต่ก็รู้ว่าตอนนั้นตัวเองไม่เหมาะที่จะทำอะไรที่ลึกซึ้งเกินกว่านั้น ภายใต้คำสั่งของเขานั้นเธอก็หลับตาลง

อยู่ในอ้อมกอดของเขา ดมกลิ่นกายขอเขา ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นไม่นอนเธอก็หลับไปแล้ว

ถึงเวลาทานอาหารเช้า พี่เหอยกถ้วยซุปไก่เข้ามาให้ไป๋มู่ชิง หัวเราะเบาๆว่า“ท้องสามเดือนแรกบำรุงอะไรเยอะไม่ค่อยได้ นายหญิงน้อยดื่มซุปไก่นี่ก่อนเถอะ”

“ขอบคุณค่ะพี่เหอ”ไป๋มู่ชิงรีบพูดขอบคุณและดื่มซุปไก่เข้าไปทันที

ผู่เหลียนเหยาที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองไป๋มู่ชิงและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดว่า“ฉันเห็นพี่สะใภ้กินได้เยอะขนาดนี้ก็ดีใจแล้ว ทั้งหมดนี้คงเป็นคุณงามความดีของพี่เขา”

“ทำไมถึงเป็นคุณงามความดีของเขา?” ไป๋มู่ชิงหันมามองหนานกงเฉินที่ทานอาหารเช้าอยู่

“ฉันเห็นช่วงนี้ความสัมพันธ์ของพวกเธอนี่ไม่เลวเลยนะ ไม่ใช่เพราะคุณงามความดีของพี่เขาหรอกเหรอ?”

ความสัมพันธ์......ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก แต่ว่าก็จะพูดว่าดีแล้วก็ยังไม่ได้

แน่นอนว่าและยังเป็นคุณงามความดีของเขา ถ้าหากไม่ใช่ว่าเขายอมให้คลอดลูกออกมาเธอคงจะต้องเป็นเหมือนกับครั้งที่แล้วที่มีสีหน้าทรมาน กังวลว่าจะทำอย่างไรให้เด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัย

ไป๋มู่ชิงดื่มซุปไก่เสร็จก็หยิบขนมปังขึ้นมาทาน

ผู่เหลียนเหยาหัวเราะ“ฉันเห็นคนอื่นที่ท้องก็แพ้ท้องจนจะเป็นจะตาย แต่พี่สะใภ้เหมือนกับไม่ได้ตั้งท้องเลย”

ไป๋มู่ชิงตะลึงไป ใช่สิ เธอท้องมาถึงจุดนี้แล้วควรมีปฏิกิริยาอะไรหรือเปล่า?ยังคงอยู่ดีกินดีอยู่เลย

“และยังพูดว่าถ้าอาเจียนออกมาน้อยต้องเป็นลูกผู้ชายแน่ๆเลย ลูกคนนี้ของพี่สะใภ้ต้องเป็นลูกชายแน่ๆ”ผู่เหลียนเหยาพูด

พี่เหอที่อยู่ข้างๆพูดว่า“ตอนนี้ก็พึ่งจะท้อง ยังไม่แพ้ท้องหรอก ต้องให้เวลาผ่านไปอีกหน่อยเดียวก็คงรู้สึกเอง”

“ใช่ไหมคะ?”

“ใช่แล้ว”

“ดูสิ ไม่มีประสบการณ์เลยไม่เข้าใจสินะ?”เซิ่งเคอคีบแฮมให้เธอหนึ่งชิน“กินเยอะๆนะ รอร่างกายเธอพร้อมเราค่อยมีสักคนเนอะ แบบนั้นเธอจะได้มีประสบการณ์”

“ฉันไม่ได้รีบขนาดนั้น”ผู่เหลียนเหยาชำเลืองไปที่เขาแวบหนึ่ง

ไป๋มู่ชิงเห็นเขาทั้งสองที่กำลังหยอกล้อกัน ยิ้มก้มหน้ารับประมานอาหารเช้า

หลังจากทานอาการเช้าเสร็จแล้ว หนานกงเฉินขึ้นไปข้างบน ไป๋มู่ชิงก็ตามเขาขึ้นไป“คุณชายใหญ่ ฉันไม่ได้บอกคุณย่านะ แต่เป็นเสี่ยวลวี่บอกเธอซื้อที่ตรวจครรภ์มา หลังจากนั้นคุณย่าก็มาถามฉันด้วยตัวเอง”

หนานกงเฉินพยักหน้า“ฉันรู้แล้ว”

เขารู้แล้ว?เขาไม่โกรธเหรอ?

ไป๋มู่ชิงถอนหายใจออกมาและพูดว่า“ฉันอยากไปตรวจที่โรงพยาบาลได้ไหม

“ตรวจอะไรกัน?

“ไปตรวจว่าตั้งท้องจริงๆหรือเปล่า ยังไงก็เพราะว่าบางครั้งที่ตรวจครรภ์อาจจะผิดพลาดก็ได้”เมื่อครู่นี้ที่ผู่เหลียนเหยาพูด เธอเองก็เริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองท้องจริงใช่ไหม

“ได้ งั้นปลายสัปดาห์นี้ฉันจะไปเป็นเพื่อนเอง”หนานกงเฉินพูด

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณไปทำอะไรของคุณเถอะ”ไป๋มู่ชิงพูดออกมาโดยอัตโนมัติ พูดจบก็พูดเสริมอีกว่า“ถ้าคุณกลัวว่าฉันจะหนี ให้เสี่ยวลวี่ไปกับฉันได้นะ”

“หนี?”หนานกงเฉินหันย้อนกลับมา กวาดสายตาไปที่หน้าท้องที่แบนราบของเธอและหัวเราะ“เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของหนานกงเฉิน ไหนจะตั้งท้องลูกของฉันอีก เธอจะหนีไปไหนได้อีก? ”

“ในเมื่อรู้ว่ายังไงฉันก็หนีไม่รอด งั้นทำไมยังจำกัดอิสระของฉันล่ะ?”ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก

“ก็ไม่เพราะอะไร แค่อยากให้เธอรู้สึกทรมาน”หนานกงเฉินพูดทิ้งท้ายไว้และหันตัวเดินไปที่ห้องแต่งตัวแล้ว

แค่เพราะอยากให้ฉันทรมาน?จะเกินไปแล้วหรือเปล่า!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด