หนึ่งชั่วโมงต่อมา
เมื่อทั้งสองคนเห็นรายงานผลตรวจครรภ์ที่เป็นลบ ใบหน้าจึงแสดงถึงความตกตะลึงในทันที
ไป๋มู่ชิงถึงขั้นมีความคิดอยากตายโผล่ขึ้นมาด้วย ผ่านมาชั่วครู่หนึ่งจึงได้หันไปจ้องหน้าถามคุณหมอ : “คุณหมอคะ เป็นไปได้ไหมคะว่าจะตรวจผิด ? ฉัน……”
“การตรวจเลือดไม่มีทางผิดหรอก คุณไม่ได้ตั้งครรภ์จริง ๆ ครับ” คุณหมอกล่าวพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดาย และเมื่อเห็นว่าเธอเสียใจมาก จึงได้กล่าวปลอบใจ : “ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกคุณยังหนุ่มยังสาวกันอยู่ สามีของคุณเองก็ดูเป็นคนร่างกายแข็งแรงเหมือนกัน อยากตั้งครรภ์ง่ายนิดเดียวครับ พยายามดูอีกสักตั้งก็แล้วกันนะครับ?”
ไป๋มู่ชิงกรอกตาขึ้นบนด้วยความพูดไม่ออก คนที่เธอเป็นห่วงคือคุณผู้หญิงต่างหากเล่า หลายวันมานี้เธอดื่มซุปไก่บำรุงกำลัง แถมยังซื้อของใช้จำเป็นของทารกแรกเกิดเตรียมไว้แล้วด้วย ถ้าหากคุณผู้หญิงทราบเข้าว่าเธอนั้นไม่ได้ตั้งครรภ์ นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าท่านจะมีปฏิกิริยาเช่นไร จะโกรธจนยันเธอเข้าศาลบรรพบุรุษเลยหรือไม่
เมื่อนึกถึงศาลบรรพบุรุษ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทาขึ้นมา มือที่กุมเสื้อของหนานกงเฉินเอาไว้ก็รัดแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว สองคนที่นั่งอยู่ในรถต่างก็เงียบสงัด
ไป๋มู่ชิงกำลังรอการตอบสนองของหนานกงเฉินอยู่ เพราะเขานั้นไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ที่ได้ยินคุณหมอประกาศว่าไม่ได้ตั้งครรภ์
ในที่สุดเธอก็ทนไม่ได้จนต้องหันไปถามเขาตาเขม็ง : “คุณชายใหญ่ นี่คุณกำลังโกรธฉันอีกแล้วใช่ไหม ? ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
หนานกงเฉินหันหน้ามาสบตากับเธอ : “ได้ยินคุณหมอบอกว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ เธอควรรู้สึกดีใจไม่ใช่หรือไง ?”
“มันก็ดีใจอยู่หรอก แต่ว่า……” ไป๋มู่ชิงสังเกตเห็นว่าอยู่ ๆ สีหน้าของหนานกงเฉินก็เย็นชาขึ้นมา จึงได้รีบหยุดพูดประโยคหลังทันที แม่เจ้า นี่เธอกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่ !
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบกลับคำพูดทันที : “ไม่สิ ฉันหมายถึง……หมายถึง……”
หมายถึงอะไรหรือ ? ผู้ที่สมควรตายอย่างเธอควรแก้ตัวอย่างไรดี ?
“เธอไม่อยากมีลูกกับฉันจริง ๆ ด้วย!” มือของหนางกงเฉิงที่จับพวงมาลัยอยู่กุมแน่นขึ้นเรื่อย ๆ คราวที่แล้วเนื่องจากเล่ห์กลของคุณย่าจึงทำให้ตั้งครรภ์อย่างไม่ตั้งใจ คราวนี้เป็นเพราะความไม่ตั้งใจอีกแล้ว สรุปคือไม่มีสักครั้งเลยที่เธอเต็มใจ
“ก็ได้ ฉันยอมรับว่าไม่อยากมีลูกตอนนี้จริง ๆ คุณเองก็ไม่อยากมีเหมือนกันไม่ใช่หรือไง? ฉันคิดว่าเหตุผลของพวกเราน่าจะเหมือนกัน ฉันรู้ว่าคุณจะต้องคิดไปอย่างอื่น แต่ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยกับหลินอันหนานจริง ๆ คุณอย่าเอาเขามาเพิ่มความโมโหให้ตัวเองเลย”
เมื่อไป๋มู่ชิงพูดจบ จึงได้หันไปจ้องหน้าเขา : “คุณได้ยินที่ฉันพูดไหม?”
เมื่อเห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่มีน้ำโหแล้ว ไป๋มู่ชิงจึงได้กล่าวถามด้วยความระมัดระวัง : “แล้วพวกเราทำยังไงต่อ ? ควรบอกกับคุณย่ายังไงดี ? คุณว่าถ้าคุณย่ารู้ว่าฉันไม่ได้ท้องตั้งแต่แรก จะเป็นยังไงเหรอ ?”
“มันเกี่ยวกับฉันด้วยเหรอ?”
“มันจะไม่เกี่ยวกับคุณได้ยังไงล่ะ” ไป๋มู่ชิงไม่ยอมรับไม่ได้ว่าที่เขาพูดนั้นถูกต้อง ถ้าหากคุณผู้หญิงทราบเรื่องเข้า ต่อให้หนานกงเฉินจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการโกหกก็ตาม คุณผู้หญิงก็คงไม่ทำอะไรหนานกงเฉินหรอก ตรงกันข้ามคงจะผลักความรับผิดชอบมาไว้ที่ตัวเธอ ทั้งหมด จากนั้นก็ทำการลงโทษเพียงเธอคนเดียว
“คุณว่า……คุณย่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยหรือเปล่านะ?” เธอกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สายตาที่หนานกงเฉินจ้องเธอนั้นเผยถึงความชั่วร้าย เขากล่าวว่า : “ถ้าเบา ๆ ก็แค่ตี ถ้าหนัก ๆ เลยก็ไล่ออกจากบ้านตระกูลหนาน”
“ไล่ออกจากบ้านตระกูลหนาน?” ไป๋มู่ชิงอึ้งไป
“เธออยากจะบอกว่า การลงโทษนี้มันตรงกับความต้องการของเธอมากเลยใช่ไหมล่ะ ?”
“เอ่อ……ไม่ใช่แน่นอน” ไป๋มู่ชิงพูดไม่ออก หมอนี่เลิกพูดแทงใจดำบ่อย ๆ จะได้ไหม ?
“แล้วพวกเราจะทำยังไงดี?” เธอถามอีกครั้ง
“ก่อนที่คุณย่าจะรู้ความจริง ก็ชิงตั้งท้องจริง ๆ สิ”
“ฮะ?”
หนานกงเฉินโน้มตัวเข้ามาจ้องตาเธอ : “นี่คือวิธีกู้สถานการณ์เพียงหนึ่งเดียว เธอจะปฏิเสธก็ได้นะ แต่ผลที่ตามมาเธอรับผิดชอบเอง”
เมื่อหยุดไปชั่วครู่ เขาได้กล่าวขึ้นอีกครั้ง “คุณไป๋ เธอรู้อยู่แก่ใจว่าฉันไม่อยากมีลูก เพราะฉะนั้นฉันกำลังจะสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยให้เธอรอดพ้นจากความลำบากนี้อยู่ เธอจำใส่หัวไว้ดี ๆ”
ช่างเป็นคุณชายใหญ่ผู้ยิ่งใหญ่เสียจริง !
เพื่อที่จะช่วยเหลือเธอในการผ่านความยากลำบากนี้ไปได้ คิดไม่ถึงว่าหนานกงเฉินผู้ที่คัดค้านการมีลูกกับเธอมาตลอดนั้นจะพูดจากปากของตัวเองว่าอยากมีลูกเช่นนี้ ? ไป๋มู่ชิงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเขาจะแย่อยู่แล้ว เพียงแค่……เหตุใดเธอถึงมักรู้สึกว่าเบื้องหลังของการซาบซึ้งใจนั้น มีความรู้สึกอันเย็นยะเยือกอยู่เล็กน้อยกันนะ ?
“ในเมื่อคุณไม่อยากมีลูกขนาดนี้ ถ้างั้น……คุณก็ไปคุกเข่าในศาลบรรพบุรุษกับฉันดีไหม?” ไป๋มู่ชิงคิดไปคิดมา จึงคิดว่าวิธีนี้ดีที่สุดแล้ว
หนานกงเฉินส่ายหน้า : “ไม่ ครั้งนี้คุณย่าต้องให้เธอย้ายไปพักยาว ๆ ที่ศาลบรรพบุรุษแน่นอน”
พักระยะยาว? แม่เจ้า !
“คุณย่าคงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกมั้งเนอะ?” สีหน้าของไป๋มู่ชิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ถ้าใช่ล่ะ ?” หนานกงเฉินกล่าวออกมาเพียงเท่านี้
ไป๋มู่ชิงขวัญเสียไปแล้ว
“เธอพิจารณาดูดี ๆ ก็แล้วกัน” หนานกงเฉินสตาร์ทรถ มุ่งไปยังบ้านของตัวเอง
เมื่อรถยนต์ได้ขับเข้ามาในบ้านแล้ว ไป๋มู่ชิงจึงมองเห็นคุณผู้หญิงยืนชะเง้อคอยอยู่หน้าประตูบ้าน คล้ายกำลังรอเธอกับหนานกงเฉินกลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น ปรากฏว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อคุณผู้หญิงมองเห็นรถยนต์ขับเข้ามาแล้ว ก็รีบเดินบึ่งเข้ามาหาทันที
“คุณผู้หญิง ค่อย ๆ นะคะ” พี่เหอเดินตามมาพยุงเขาไว้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
คุณผู้หญิงมองสำรวจสองคนที่ลงมาจากรถ จากนั้นก็จับมือคู่นั้นของไป๋มู่ชิงเอาไว้ พร้อมทั้งกล่าวถามด้วยความร้อนรนใจ : “ที่พวกเธอออกไปข้างนอกกะทันหันแบบนี้เป็นเพราะปัญหาเกี่ยวกับลูกเหรอ ? แล้วลูกเป็นยังไงบ้าง ? เป็นอะไรหรือเปล่า ?”
ไป๋มู่ชิงมองเห็นสีหน้ากังวลใจของคุณผู้หญิง เธอจึงได้เงยหน้าขึ้นมาแอบมองหนานกงเฉินที่ได้เดินอ้อมไปด้านหลังของคุณผู้หญิงเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงได้ยิ้มพลางกล่าวด้วยความเก้ ๆ กัง ๆ เล็กน้อย : “คุณย่าไม่ต้องห่วงนะคะ ลูกไม่เป็นไรค่ะ คุณชายใหญ่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เอง”
จากการพิจารณามาตลอดทาง สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะปกปิด
เธอไม่ได้เป็นห่วงว่าคุณผู้หญิงจะไล่ให้เธอไปพักที่ศาลบรรพบุรุษจริง ๆ แต่อย่างใด เธอรู้ดีว่าหนานกงเฉินเพียงพูดให้เธอกลัวเท่านั้น การที่เธอตัดสินใจว่าจะมีลูกให้ได้ภายในเวลาอันรวดเร็วนั้น หลัก ๆ สืบเนื่องจากการตัดสินใจของหนานกงเฉินนั่นเอง
แม้แต่ผู้ที่ไม่อยากมีลูกกับเธออย่างหนานกงเฉิน ยังปล่อยวางความกดดันในใจทั้งหมดไปเลย แล้วตัวเธอจะลังเลอยู่ใย
“มีอะไรเหรอ ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?” คุณผู้หญิงไล่ถามต่อไป
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่กลับมาเร็วแบบนี้หรอก จริงไหมคะคุณชายใหญ่” เธอกล่าวพลางหันหน้าไปยิ้มให้กับหนานกงเฉิน
หนานกงเฉินรีบพูดให้ความร่วมมืออีกแรง : “ใช่แล้วครับคุณย่า หมอบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย”
ในที่สุดคุณผู้หญิงก็สบายใจ เธอลูบหน้าอกของตัวเอง : “ตกใจแทบแย่ นึกว่าหลานตัวน้อยของฉันจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก”
“คุณผู้หญิง ฉันเพิ่งบอกไปเองว่าร่างกายของนายหญิงน้อยดีขนาดนั้น ลูกในท้องจะต้องแข็งแรงแน่นอน” พี่เหอกล่าวพร้อมยิ้มไปด้วย จากนั้นก็หันไปพูดกับทั้งสองคนนั้น : “คุณชายใหญ่ นายหญิงน้อยคะ พวกคุณไม่เห็นว่าเมื่อกี้คุณผู้หญิงร้อนใจขนาดไหน ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนออกไปก็มารอที่หน้าประตูตลอด อยากโทรหาก็โทรไม่ได้ อยากตามหาก็ไม่รู้ไปหาที่ไหน คุณเขาเป็นกังวลใจแทบแย่”
“แสดงให้เห็นว่าคุณย่ารักหลานชายตัวน้อยคนนี้แค่ไหนน่ะสิ” ผู่เหลียนเหยาที่ยืนอยู่ข้างเซิ่งเคอด้านนอกประตูก็อมยิ้มพูดเสริมไปเช่นกัน
เซิ่งเคอหาวนอนพลางกล่าวขึ้นว่า : “พี่สะใภ้ไม่เป็นอะไร งั้นพวกเราก็เข้านอนอย่างสบายใจได้แล้ว ไปเถอะ ไปนอนกัน” เมื่อพูดจบ เขาก็ได้เข็นผู่เหลี่ยนเหยากลับเข้าห้องนอน
ไป๋มู่ชิงคิดไม่ถึงว่าเพียงเพราะอุบัติเหตุเล็กน้อยของตน จะก่อให้เกิดความวุ่นวายได้ถึงเพียงนี้ ความรู้สึกผิดในใจจึงได้เพิ่มทวีคูณขึ้น ถ้าหากตั้งครรภ์จริง ๆ ก็คงดี ครั้นไม่ได้ตั้งครรภ์กลับทำให้ทุกคนทรมานเช่นนี้ เพียงคิดก็รู้สึกหนักอึ้งในใจแล้ว
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว กลับห้องไปพักผ่อนดี ๆ เถอะนะ” คุณผู้หญิงกล่าวกำชับด้วยความเป็นห่วง
“คุณย่าเองก็รีบกลับห้องไปพักผ่อนเหมือนกันนะคะ” ไป๋มู่ชิงกล่าว
คุณผู้หญิงพยักหน้า ทว่ากลับหันมาอีกรอบคล้ายกับเพิ่งนึกอะไรออก จากนั้นก็ได้พูดกับหนานกงเฉิน : “เฉิน ตอนนี้ยิ่งอันอยู่ในช่วงอันตรายนะ อย่าไปทรมานเธอก็แล้วกันนะ”
เมื่อสักครู่คุณหมอเพิ่งตักเตือนมา เวลานี้คุณผู้หญิงเองก็ตักเตือนอีกคน หนานกงเฉินรู้สึกเพียงว่าตนเองนั้นบริสุทธิ์ใจและแอบมีความน้อยใจเล็กน้อย ทั้งทั้งที่ไป๋มู่ชิงเป็นคนนอนเบียดเขาทุกคืนแท้ ๆ
ทว่าเขากลับไม่ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจของตนออกมาแต่อย่างใด เขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า : “ไม่ต้องห่วงครับคุณย่า ผมจะระวังนะครับ”
“งั้นก็ดี” คุณผู้หญิงพยักหน้า จากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องนอน
เมื่อเห็นว่าคุณผู้หญิงเข้าห้องนอนไปแล้ว ไป๋มู่ชิงจึงได้เงยหน้ามองหนานกงเฉิน จึงได้สบตาที่เขามองมาพอดี จากนั้นก็ก้มหน้าลงเหมือนเดิมราวกับรู้สึกผิดมาก
หนานกงเฉินชักสายตากลับจากใบหน้าของเธอ จากนั้นจึงได้เดินนำหน้าขึ้นไปชั้นบน
ไป๋มู่ชิงเดินขึ้นชั้นบนตามหลังของเขาไป หลังจากที่เห็นหนานกงเฉินก้าวเข้าไปในห้องนอนแล้วนั้น เธอก็ได้ก้าวเข้าห้องตามไปด้วยความลังเลเล็กน้อย หนานกงเฉินถอดชุดนอนที่สวมอยู่ออก จากนั้นได้หยิบตัวที่สะอาดมาสวมแทน
ไป๋มู่ชิงยืนอยู่ด้านข้างตัวเขา หลบสายตาเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นด้วยความเป็นกังวลใจ : “ถ้าเกิดว่าฉันตั้งท้องไม่ได้สักทีเลยล่ะจะทำยังไง ? คุณย่าจะต้องรู้อยู่วันยังค่ำ”
หนานกงเฉินไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น : “นี่เธอกำลังสงสัยความสามารถของฉันอยู่เหรอ ?”
“ไม่ใช่นะ ฉันกำลังสงสัยตัวฉันเองต่างหาก” ไป๋มู่ชิงรีบพูดตอบไป : “ตอนที่คลอดลูกครั้งที่แล้วไม่ได้เข้าไฟให้ดี ๆ น่าจะทิ้งต้นตอของโรคไว้ รอบประจำเดือนครั้งนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันที่ดีที่สุดแล้ว”
หนานกงเฉินหันหน้ามาสบตาเธอ ภายในตามีอารมณ์อันแปลกประหลาดกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ผ่านมาชั่วครู่จึงได้กล่าวขึ้นคล้ายกับประโยคปลอบใจ : “ไม่ต้องห่วง ขอแค่เธอให้ความร่วมมือดี ๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
เมื่อเห็นว่าเขาพูดอย่างมั่นใจในตัวเองเช่นนั้น ไป๋มู่ชิงจึงได้สบายใจขึ้นมา
หนานกงเฉินกวาดสายตามองเธอ จากนั้นจึงพูดขึ้นอีก “ไปเปลี่ยนชุดสะอาด ๆ แล้วเข้านอนซะ”
“อืม โอเค” ไป๋มู่ชิงหันลำตัวออกไปจากห้องนอนของเขา แล้วกลับไปยังห้องของตนเอง
ไป๋มู่ชิงได้จัดการข้าวของที่ซื้อมาเมื่อก่อนอีกรอบ จากนั้นก็นำของใช้เด็กทารกบางชิ้นใส่ถุงแล้วบอกหนานกงเฉินช่วยเอาไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉิงเป่ยให้
เด็กทารกที่นั่นเยอะมาก จะต้องได้ใช้งานแน่นอน
หนานกงเฉินมองถุงในมือของเธอ จากนั้นก็พูดขึ้น : “ไม่ต้องรีบเอาไปขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวก็มีลูกแล้ว”
“แม้แต่เงาของลูกก็ยังไม่เห็นเลย เอาไปเถอะจะได้ไม่เปลืองประโยชน์” เดิมทีของเหล่านี้ก็ซื้อมาเร็วเกินไป ขืนรอต่อไปคงหมดอายุพอดี
ท้ายที่สุดแล้วหนานกงเฉินก็ได้รับถุงจากมือของเธอไป พร้อมทั้งหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง
ไป๋มู่ชิงเพิ่งนำของที่เหลือเก็บเข้าตู้เหมือนเดิมเสร็จ พี่เหอก็ได้ยกซุปไก่เดินเข้ามาพอดี เมื่อเห็นเธอดื่มเสร็จแล้วจึงได้กำชับว่า : “นายหญิงน้อย นอนลงบนเตียงแล้วพักผ่อนให้ดี ๆ นะคะ อย่าออกไปด้านนอกซี้ซั้วเข้าใจไหมคะ?”
ไป๋มู่ชิงพยักหน้าด้วยความรู้สึกผิด เมื่อเห็นพี่เหอออกไปจากห้องแล้วค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย
คิดไม่ถึงว่าการแกล้งตั้งครรภ์นั้นจะเป็นเรื่องที่ทรมานมากเหมือนกัน
ช่วงกลางดึกไป๋มู่ชิงได้นอนหลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน ทว่าอยู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามากอดตนจากด้านหลัง เธอส่งเสียงครางอยู่ในลำคอพร้อมทั้งหันไปกอดคนที่อยู่ด้านหลังคืนตามสันชาตญาณ
“กลับมาแล้วเหรอคะ ?” เธอถามด้วยความสะลึมสะลือ
“ทำไมไม่เข้าไปนอน ?” หนานกงเฉินถาม
“ประจำเดือนฉันมาน่ะ”
“หนึ่งสัปดาห์แล้วนะ” หนานกงเฉินอุ้มเธอขึ้นด้วยมือเดียว พร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนตรงข้าม
เมื่อรู้สึกว่าร่างกายตนเองลอยขึ้น ไป๋มู่ชิงจึงได้ตกใจตื่นขึ้นมาในที่สุด เธอเบิกตากว้างและพบว่าหนานกงเฉินกำลังอุ้มตนเดินออกไปด้านนอก จึงได้กล่าวเสียงเบา : “คุณชายใหญ่ จะทำอะไรน่ะ?”
“ฉันไม่ชอบห้องนอนนี้เหมือนกับเธอ”
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึง คุณกำลังจะทำอะไร”
“จะทำอะไรได้อีกล่ะ ? ทำคนไง” หนานกงเฉินตอบกลับราวกับเป็นเรื่องปกติ
“ประจำเดือนเพิ่งหายมันทำคนไม่ได้หรอกนะ”
“ใครว่า ถ้าทำได้จริง ๆ ขึ้นมาล่ะ ?” หนานกงเฉินวางเธอลงบนเตียง จากนั้นก็ก้มหน้าลงพรมจูบไปบนริมฝีปากของเธอ
ไป๋มู่ชิงสัมผัสถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเหล้าบนริมฝีปากของเขา เธอกระพริบตาเล็กน้อยแล้วถามว่า : “นี่คุณดื่มเหล้าอีกแล้วเหรอ?”
“ดื่มนิดเดียวเอง” หนานกงเฉินจูบบนริมฝีปากของเธอลึกขึ้น เพื่อปิดกั้นคำตำหนิที่เธอกำลังจะพูดออกมา เขารู้ดีว่าตัวเองดื่มเหล้าไม่ได้ ทว่าเขาอยู่ในแวดวงธุรกิจทุกวัน จะไม่ดื่มเลยจะเป็นไปได้อย่างไร ?
ความจริงแล้วทั้งสองคนทราบดีว่าตอนนี้ไม่ใช่ระยะตกไข่ไม่มีทางที่จะตั้งครรภ์ได้ ทว่าทั้งคู่ก็ยังคงกระทำอย่างเร้าร้อนอยู่ดี
หลังจากเสร็จกิจแล้ว ไป๋มู่ชิงฟุบลงไปนอนอยู่บนเตียงตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรง หนานกงเฉินยืนมือดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา และทั้งคู่ก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
วันที่สอง ขณะที่ไป๋มู่ชิงตื่นขึ้นมา หนานกงเฉินได้ออกไปทำงานแล้ว
คุณผู้หญิงทราบว่าเธอตั้งครรภ์อยู่ จึงไม่ได้ใช้ให้คนมาเรียกเธอลงไปทานอาหารเช้า ปล่อยให้เธอนอนต่อไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไป๋มู่ชิงนอนจนตื่นขึ้นเอง เมื่อเธอตื่นนอนมาก็เป็นเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว หลังจากนั้นเธอจึงได้รีบลุกขึ้นด้วยความเร็ว และไปล้างหน้าล้างตาลงไปชั้นล่าง
ที่ชั้นล่างคุณผู้หญิงกำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่บนโซฟา ไป๋มู่ชิงสะดุ้งเล็กน้อยจากนั้นก็กล่าวทักทายด้วยความสุภาพ : “คุณย่า”
เธอนอนหลับจนถึงเก้าโมงเช้า ทว่าคุณผู้หญิงไม่เพียงแต่ไม่โมโหแถมยังส่งรอยยิ้มมาให้เธออย่างเอ็นดูเสียด้วย : “ตื่นแล้วเหรอ ?หลับสบายดีไหม ?”
“สบายดีค่ะ ขอบคุณนะคะคุณย่า” ไป๋มู่ชิงรีบตอบกลับไป
คุณผู้หญิงพยักหน้า ส่วนพี่เหอก็ได้เข้าไปเตรียมอาหารเช้าให้เธอเรียบร้อยแล้ว
เมื่อพี่เหอเตรียมอาหารเช้าเสร็จ ก็ได้ออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนคุณผู้หญิง ส่วนไป๋มู่ชิงก็นั่งรับประทานอาหารเช้าตามลำพัง ขณะที่ทานเสร็จแล้วออกไปจากห้องอาหารนั้น ก็ได้เจอผู่เหลียนเหยาที่กำลังเลื่อนวีลแชร์ออกมาจากห้องนอนพอดี
เธอจึงกล่าวทักทาย : “เหลียนเหยา วันนี้พักผ่อนเหรอ?”
“ใช่แล้วค่ะ สลับกันหยุดน่ะ” ผู่เหลียนเหยาตอบกลับ
ไป๋มู่ชิงเห็นว่าเธอกำลังย้ายตัวไปนั่งบนโซฟา จึงได้เดินไปข้างหน้าเพื่อพยุงเธอเอาไว้ ผู่เหลียนเหยาเห็นดังนั้นจึงพูดอย่างซาบซึ้งใจ : “ไม่ต้องหรอกค่ะพี่สะใภ้ ฉันทำได้ค่ะ”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นผู่เหลียนเหยาได้ใช้มือหนึ่งจับที่วางแขนของวิลแชร์เอาไว้ อีกมือก็จับโซฟาเอาไว้ จากนั้นก็ย้ายร่างกายของตนเองไปนั่งบนโซฟาด้วยความคล่องแคล่ว
“ขาเธอ……” ไป๋มู่ชิงมองสำรวจขาทั้งสองข้างของผู่เหลียนเหยา จากนั้นก็ถามอย่างเป็นห่วง : “หมอบอกว่ายังไงเหรอ ? จะดีขึ้นหรือเปล่า?”
ผู่เหลียนเหยาส่ายหน้า
“แล้ว……” ไป๋มู่ชิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ครั้นผู่เหลียนเหยากลับยิ้มบาง ๆ พร้อมกล่าวว่า : “อันที่จริงไม่มีอะไรหรอกค่ะ ชินแล้วก็จะดีเอง ตอนแรก ๆ ฉันเองก็เศร้าใจและรับไม่ได้เหมือนกัน แต่เซิ่งเคอเขาได้ให้ความกล้าสำหรับการใช้ชีวิตใหม่ต่อไปแก่ฉันค่ะ หลังจากนั้นก็พบว่า ความจริงแล้วการที่ขาทั้งสองข้างพิการก็ไม่มีอะไรเลย พี่ดูสิ ตอนนี้ฉันทำงานได้เหมือนเดิม ได้รับความรักเหมือนเดิม ฉันโชคดีมากกว่าคนที่โชคร้ายจริง ๆ ซะอีกนะ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอันร่าเริงของเธอ ไป๋มู่ชิงจึงฉีกยิ้มขึ้นด้วยความสบายใจ : “เธอคิดอย่างนี้ก็ดีแล้ว”
“เพราะฉะนั้น พี่ก็ไม่ต้องรู้สึกกดดันอะไรหรอกนะ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพี่มีความผิด”
“ขอบใจนะ”
“ขอบใจทำไม พวกเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกันนี่นา” ผู่เหลียนเหยามองท้องน้อยของไป๋มู่ชิงด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็กล่าวขึ้นถาม : “แล้วพี่ล่ะ ลูกเป็นยังไงบ้าง ? เริ่มทำให้พี่อึดอัดหรือยัง ?”
“ยังหรอก ลูกยังเล็ก ๆ อยู่เลย” ไป๋มู่ชิงตอบกลับด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ใกล้แล้วละค่ะ”
“ใช่แล้วจ้ะ”
“พี่สะใภ้ ครั้งนี้พี่ต้องคลอดลูกที่แข็งแรงมากแน่ ๆ ค่ะ” ผู่เหลียนเหยายกมือขึ้นมาลูบบนหลังมือของเธอ พลางเผยรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
ทั้งที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นอบอุ่นเป็นอย่างมาก ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดไป๋มู่ชิงจึงรู้สึกเสียววูบอยู่ในใจ น่าจะเป็นเพราะตนเองไม่ได้ตั้งครรภ์ตั้งแต่แรก ไป๋มู่ชิงคิดอยู่ในใจ
เธอไม่ได้นั่งบนโซฟาต่อ แต่ได้ลุกขึ้นมาพร้อมพูดว่า : “เหลียนเหยา เธอดูโทรทัศน์ไปนะพี่ขอตัวไปนอนข้างบนก่อน”
“ค่ะ ไปพักผ่อนให้ดี ๆ นะคะ” ผู่เหลียนเหยากล่าว
ไป๋มู่ชิงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็หันหลังเดินสาวเท้ายาว ๆ ขึ้นไปชั้นบน
ไป๋มู่ชิงมองดูเวลา ตอนนี้ใกล้ 11 โมงแล้ว หนานกงเฉินยังคงไม่ออกจากห้องอ่านหนังสือเช่นเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...