เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 160

ไป๋มู่ชิงยังคงจมอยู่ในห้วงสนามอารมณ์ของสายที่โทรมาเมื่อสักครู่ เธอมองไปที่หนานกงเฉิน รู้สึกว่าเขาไม่ได้กังวลเลยสักนิด เธอที่ได้ยินคุณผู้หญิงโกรธเธอขนาดนี้ ตกใจจนจิตกระเจิงไปหมด แต่เขากลับ......

“ทำไมนายดูไม่ได้ใส่ใจที่คุณผู้หญิงโกรธเลย?”

“บอกแล้วว่าเดี๋ยวคืนนี้จะกลับไปง้อเอง” หนานกงเฉินไม่ใช่ไม่ได้ใส่ใจ แต่คือเขารู้ว่าถึงคุณผู้หญิงจะโกรธ เขาก็สามารถทำให้เธอหายโกรธได้ เขารู้แม้กระทั่งเหตุผลที่คุณผู้หญิงเรียกเขากลับไป มันก็คือเรื่องที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขาเลิกกับไป๋มู่ชิง หาคนที่เป็นคู่ครองอะไรนั่น

นี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาเลี่ยงที่จะกลับคฤหาสน์หลังเก่านั่น!

ที่จริงไม่ใช่เขาเองที่รู้ ไป๋มู่ชิงเองก็คิดได้เหมือนกัน เธอรู้ว่าช่วงนี้คุณผู้หญิงกำลังหาวิธีทำให้เธอออกไปจากหนานกงเฉิน เพราะฉะนั้นเธอเลยมีความกังวลมากว่าเขา

การไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนร่วมงาน เป็นแค่ข้ออ้างที่เธอโกหกหนานกงเฉิน คืนนี้เขากลับไปที่คฤหาสน์หลังเก่าแล้ว เธอกับเพื่อนร่วมงานเดินออกมาจากที่ทำงานเป็นที่เรียบร้อย แล้วเธอก็โทรหาซูซี่

ซู่ซี่เรียนการเต้น ช่วงนี้เธอจึงกำลังซ้อมเต้นกับวงหนึ่งเล่นๆอยู่ ตอนที่ไป๋มู่ชิงโทรหาเธอ เธอกำลังซ้อมท่าเต้นอยู่ที่ห้องซ้อมเต้น ซูซี่รับสายแล้วพูดว่า“มู่ชิง เธอจะถามเรื่องลูกสาวเธอใช่ไหม? ต้องขอโทษด้วยนะ ตอนนี้ฉันยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย”

ไป๋มู่ชิงรู้ว่าคำตอบจะเป็แบบนี้ แต่ก็ยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอยู่ดี

“เสี่ยวซี่ ตอนนี้เธอว่าหรือเปล่า?”

“กำลังจะเลิก ทำไมหรอ?”

“มาทานข้าวด้วยกันสิ”

“คนๆของเธออนุญาตให้เธอออกมาเที่ยวเล่นเองแบบนี้ได้แล้วหรอ?”

“เขากลับคฤหาสน์หลังเก่าไปแล้ว”

“ได้ เธออยู่ไน เดี๋ยวฉันจะไปรับ”

“อยู่ข้างล่างของบริษัทหน่ะ”

วางสายได้ไม่นาน ซูซี่ก็มาพร้อมกับเหยาเหม่ย

พอไป๋มู่งชิงขึ้นรถ เหยาเหม่ยก็ใช้ศอกของเธอสะกิดที่แขนของเธอเบาๆว่า“ดูท่าแล้ว ความสุขของเธอก็ใกล้เข้ามาแล้วสิ ถึงขั้นเข้ามาทำงานในบริษัทหนานกงกรุ๊ปแล้วนิ”

“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าความโชคร้ายของฉันกำลังจะมาถึงล่ะ?”ไป๋มู่ชิงพูดขึ้นเบาๆ คืนนี้ไม่รู้ว่าหนานกงเฉินจะโดนอะไรบ้าง

“เธอเนี่ย เป็นเพราะโดนข่มขู่มากเกินไป จนตอนนี้กลายเป็นคนขี้ระแวงไปหมด” ซูซี่หันกลับมามองแล้วพูดว่า“ใช่ เรื่องลูกสาวของเธอ ฉันยังไม่ได้ถอดใจที่จะช่วยหานะ อย่าโกรธฉันล่ะ”

“ฉันจะกล้าโกรธเธอได้ยังไง ถ้าฉันมีเรื่องกับเธอ แล้วใครจะช่วยฉันตามหาลูกล่ะ?”

“มันก็จริง”ซูซี่พยักหน้า“เอ่อใช่ พวกเธอสองคนอยากกินอะไรกัน? ฉันเลี้ยงเอง”

“ก็ต้องเป็นเธอเลี้ยงอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะเป็นฉันหรือไง?” เหยาเหม่ยที่เล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นพูด

“เราไปกินอาหารร้านตะวันตกที่อยู่ๆข้างลำธารไหม?”

“ดีเลย ฉันไม่ได้กินอาหารตะวันตกมานานแล้วด้วย” เหยาเหม่ยกล่าวเห็นด้วย แล้วหันไปถามไป๋มู่ชิงว่า“เธอล่ะมู่ชิง?”

“ฉันยังไงก็ได้”

ซูซี่ขับรถพาทั้งสองมาถึงร้านอาหารหยวนกู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากที่บริเวณริมลำธาร ซูซี่รู้จักกับเจ้าของร้าน เลยเลือกที่นั่งที่ดีที่สุดตรงริมลำธารตามอำเภอใจ

ทั้งสามนั่งลง เริ่มสั่งน้ำผลไม้ไปไม่กี่แก้ว จากนั้นก็นั่งเกาะอยู่ที่รั้วกั้น มองทิวทัศน์ของลำธารนี้

เหยาเหม่ยชอบดึงมู่ชิงมาถ่ายรูปกับเธอ ซูซี่ที่เห็นดังนั้นก็พูดอย่างน้อยใจว่า “นี่ๆ พวกเธอสองคนนี้ยังไงกัน? ตั้งใจจะเมินฉันหรอ?”

“เธอสวยเกินอ่ฉันไม่อยากถ่ายด้วยหรอก” เหยาเหม่ยโอบไหล่ของไป๋มู่ชิงเข้ามาแล้วพูดว่า“มู่ชิง เธอมองไปที่ไหนนะ? มองกล้องเร็ว”

เห็นไป๋มู่ชิงที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเลยเอามือไปโบกไปมาตรงหน้าเธอ แต่เธอก็ยังเหมือนโดนอะไรสักอย่างที่อยู่ข้างนั้นสะกดจิตไว้

ซูซี่ปล่อยหลอดที่คาบไว้ที่ปากลง เธอกับเหยาเหม่ยมองตามที่สายตาของไป๋มู่ชิงที่มองไป แล้วก็เห็นตรงรั้วกั้นข้างหน้ามีผู็หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ ผู็เหมือนคนนั้นเหมือนกำลังดูทิวทัศน์ของลำธาร แต่ก็เหมือนว่าเธอนั้นกำลังยืนเหม่อ

ซูซี่เรียกไป๋มู่ชิง“ทำไม? ผู้หญิงคนนั้นเป็นหนึ่งในคนรักของหนานกงเฉินหรอ?”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้า

“ว่าไงนะ?” ซูซี่ลุกยืนขึ้น“ฉันทายถูกแล้วงั้นหรอ?”

ไป๋มู่ชิงเก็บสายตาที่มองไปยังหญิงคนนั้นแล้วหันกลับมาที่เดิม พูดกับซูซี่และเหยาเหม่ยว่า“เธอคนนั้นคือรักแรกของหนานกงเฉิน”

“ก็คือคราวก่อนที่เธอเคยบอก ว่าคือคนที่นามสกุลจูที่เจอบ่อยๆตอบไปตลาดอ่ะนะ?”

“ใช่” ไป๋มู่ชิงเดินไปนั่งลงข้างๆซูซี่แล้วพูดว่า“เสี่ยวซี่ เธอว่าเมืองซีใหญ่ไหม?”

“ใหญ่”

“ฉันถึงเจอเธอครั้งแล้วครั้งเล่าล่ะ?”

“ยัง”

“ยังต้องให้พูดอีกหรือ ไม่ใช่เธอก็ผู้หญิงคนนั้นที่ตั้งใจ?”

“ฉันจะตั้งใจได้ไง ฉันเนี่ยแทบจะอยากหนีออกห่างจากผู้หญิงคนนั้นให้อยู่ห่างกันยิ่งกว่าทางช้างเผือกอีก”

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นผู้หญิงคนนั้นที่ตั้งใจ”

“แล้วผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรกันแน่?” เหยาเหม่ยนั่งลงตาม แอบมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นระยะๆ

ซูซี่นิ่งคิดแล้วพูดว่า“ตั้งใจที่จะเข้าใกล้มู่ชิง เพื่อที่จะรู้ถึงลักษณะนิสัยของเธอ แล้วหาทุกโอกาสที่จะลงมือและจัดการเธอทิ้ง”

ไป๋มู่ชิงตกใจกับคำพูดของซูซี่อย่างมาก“อย่าพูดให้มันน่ากลัวขนาดนี้ได้ไหมล่ะ!”

“เธอไม่เคยรับมือกับมือที่สามเนี่ย เธอไม่รู้หรอกว่าพวกมันร้ายกาจได้ขนาดไหน” ซูซี่หัวเราะในลำคอ กระแอมกระไอแล้วพูดว่า“ถ้างั้น......ให้ฉันไปเจอผู้หญิงคนนั้นแทนเธอหน่อยไหม?”

“เธอจะทำอะไร?”

“ฉันแค่ไปคุยกับผู้หญิงคนนั้นเฉยๆ”

“ฉันว่าอย่าเลยดีกว่า” ไป๋มู่ชิงพูดห้าม พูดกันแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? ถ้าให้หนานกงเฉินรู้ว่าเธอทำอะไรกับรักแรกของเขาละก็ เขาต้องไม่ชอบใจอย่างมากแน่

ถึงแม้ตอนนี้เธอจะไม่รู้ว่าหนานกงเฉินกับคุณหนูจูคนนี้ยังติดต่อกันอยู่ไหม แต่ดูจากการกระทำของหนานกงเฉินที่มีแต่เธอแล้ว น่าจะไม่มีการติดต่อกันแล้ว

แต่ที่ฉันพูดก็ถูก ถ้าสามีของคุณอยู่ๆก็ดีกับคุณมากๆเนี่ย แปดในสิบที่เขามีผู้หญิงอื่น

ช่วงนี้หนากงเฉินก็ดีกับเธอมาก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า......ถึงหนานกงเฉินจะนอกใจเธอ ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะปิดบังเธอนิ แล้วยังมาทำดีด้วยแบบนี้อีก แต่ก่อนเขาก็เคยบอกแล้ว เขาจะมีผู้หญิงคนอื่นหรือไม่ เธอก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไไปยุ่ง

ไม่รอให้เธอตั้งสติกลับมาใหม่ ซูซี่ก็ลุกยืนขึ้นแล้วเดินออกไป“คุณพระ นี่เธอคือจูๆใช่ไหม อะไรอ่ะ? ทำไมถึงทำหน้าแบบนี้หล่ะ? จำฉันไม่ได้แล้วหรอ? ฉันคือซูซี่ เคยอยู่ทีมมารยาทของโรงเรียนไง ฉันโตกว่าเธอสองปีหน่ะ”

คุณหนูจูยังคงมองหน้าของเธอด้วยสีหน้างงงวย ไม่รู็จักคนตรงหน้า

“ดูเธอสิ ลืมแล้วใช่ไหมเอ่ย? จำฉันไม่ได้แล้วใช่หรือเปล่า?”

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันจำไม่ได้แล้วจริงๆ” คุณหนูจูถอยห่างเธอไปหนึ่งก้าว ซูซี่ใช้จังหวะนี้เดิมเข้าไปดึงเธอมาที่โต๊ะ แล้วแนะนำไป๋มู่ชิงกับเหยาเหม่ยที่นั่งอยู่ให้เธอรู้จัก“เอ่อใช่ สองคนนี้คือเพื่อนสนิทของฉันเอง สองคนนี้เป็นคนดีมาเลยนะ นั่งลงด้วยกันหน่อยสิ”

พูดจบเธอก็หันไปยิ้มให้กับคุณหนูจู“ดูเหมือนเธอกำลังรอใครอยู่เลย แฟนหรือเปล่า? ไม่ป็นไรมานั่งรอด้วยกันก่อนก็ได้”

คุณหนูจูถูกซูซี่ดึงมานั่งที่เก้าอี้อีกตัวที่อยู่ตรงข้ามกับไป๋มู่ชิง ไป๋มู่ชิงมองไปที่เธอ นี่เป็นครั้งแรกที่ที่ได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ สามารถมองผู้หญิงตรงหน้าได้ชัดๆ

มองได้สักพัก ไป๋มู่ชิงก็สั่งน้ำผลไม้ให้เธอแก้วหนึ่ง

คุณหนูจูผ่อนคลายได้อย่างรวดเร็ว มองทุกคนแล้วพูดว่า“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่เกรงใจทั้งสามแล้วนะคะ”

“พูดอะไรอย่างนั้นหน่ะ?”ซูซี่ยิ้มตอบ“พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทฉันเอง ไม่ถืออะไรหรอก อีกอย่างเราไม่ได้เจอหน้ากันนานแล้ว เจอกันครั้งนี้ก็ต้องมารำลึกความหลังกันหน่อย”

“ใช่ เราไม่ได้เจอกันนานเลย” คุณหนูจูถือแก้วน้ำไว้ มองไปที่ซูซี่“ฉันพึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศหน่ะ เพื่อนหลายๆคนก็ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ไม่ร้ว่าพวกเขาตอนนี้ไปทำอะไรกันบ้างแล้ว เธอก็ด้วย ช่วงนี้กำลังยุ่งอะไรอยู่หรือเปล่า?”

“ฉันก็ เต้นบ้าง เดินตลาดบ้าง เที่ยวเล่นไปงั้นแหละ” ซูซี่ถามเธอกลับว่า“แล้วเธอหล่ะ? ทำไมอยู่ๆถึงกลับมาหล่ะ? กลับมาแล้วมีแผนจะทำอะไรหรอ?”

“ตอนนี้ยังไม่มีแผนอะไรหรอก อายุนี้แล้ว ก็คงต้องหาผู้ชายที่เหมาะสมกันแต่งงานแล้วล่ะ”

ไป๋มู่ชิงที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้น จากที่ก้มหน้าดื่มน้ำอยู่นั้นก็เงยหัวขึ้นมอง หาผู้ชายคนนึงแต่งงานงั้นหรอ? คนที่เธอจะหาคงไม่ใช่หนานกงเฉินหรอกใช่ไหม?

“ยังอายุน้อยอยู่เลยก็จะแต่งแล้วหรอ?” ซูซี่พูดอย่างยิ้มๆ

“ไม่น้อยแล้วน้า จะเข้า25แล้ว”

“ก็จริงนะ 25ก็แต่งได้แล้วแหละ” เหยาเหม่ยที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น“ดูเราสามคนสิ ก็แต่งงานมาหลายปีแล้ว รวมทั้งมู่ชิงเองก็พึ่งแต่งเข้าตระกูลหนานกงเมื่อปีที่แล้วเอง เวลานี่ไม่ยอมให้ใครจริงๆ”

คุณหนูจูมองไปที่ไป๋มู่ชิงอีกรอบ ในสายตาที่เธอไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา

ไป่มู่ชิงยิ้มให้เธอบางๆ“ตอนนี้อายุยังน้อย หาผู้ชายดีคนหนึ่งแต่งก็ไม่เลวนะ”

“ใช่ ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” คุณหนูจูยิ้มส่งให้เธอ

เธอพูดจบ ก็ยกแขนขึ้นดูเวลาแล้วพูดว่า“ต้องขอโทษด้วยนะ ฉันอยู่ช่วยดูร้านให้เพื่อนที่นี่หน่ะ ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ฉันคงต้องขอตัวไปทำงาน”

เธอลุกยืนขึ้น พูดกับซูซี่ว่า“รุ่นพี่ทานต่อกับเพื่อนๆเลยนะคะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”

“ได้เลย ในเมื่อเธอพูดคำนี้ออกมาแล้ว ฉันก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ” ซูซี่ปากยิ้มหน้าไม่ยิ้ม แล้วพูดกับเธอว่า“วันหลังค่อยนัดกันใหม่เนอะ”

“อื้ม วันหลังค่อยนัดกันใหม่” คุณหนูจูไม่ได้ระวังเท้าของซูซี่ที่ตั้งใจยื่นออกมา ทำให้เธอนั้นล้มลงไปที่พื้นอย่างจัง ตามด้วยเสียงกรี้ดอันแสบหู เธอล้มลงไปอย่างหมดสะภาพ

“จูจูเธอเป็นอะไรหนือเปล่า? ระวังหน่อยสิ” ซูซี่รีบก้มตัวลงไปช่วยพยุงเธอ ปัดกระโปรงให้เธอไปด้วยและถามด้วยความเป็นห่วงว่า“เป็นยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

คุณหนูจูกัดฟันลุกขึ้นจากพื้น หันไปส่ายหน้าน้อยๆให้กับซูซี่ หลังจากนั้นก็เดินกระเผกๆออกไปจากร้าน

ซูซี่มองแผ่นหลังของเธอ ริมฝีปากบางนั้นก็พ่นออกมาสองคำ“ยัยปีศาจ”

“หลังจากที่คุณหนูจูเดินเข้าไป ไป๋มู่ชิงก็หันไปถามซูซี่“เมื่อกี้เธอเป็นคนขัดขาเธอหรอ?”

“ไม่งั้นหล่ะ?”

“เธอไม่กลัวเขาหาคนมาหาเรื่องหรือไง?”

“ดูออกหรือยัง? คุณหนูจูนั่นทนไว้ตลอด เพราะฉะนั้น แม้ว่าเธอจะล้มจนขาหักก็ตาม เธอก็ไม่โกรธหรอก”

“หมายความว่าไง?”

“ถ้าเป็นปกติแล้ว โดนฉันขัดขาขนาดนี้ ต้องกระโดดมาตบหน้าฉันนานแล้ว แต่เธอนั้นไม่ แสดงว่าเธอกำลังทนไว้อยู่ ถ้าในใจของเธอไม่ได้คิดอะไรไม่ดีทำไมต้องทนด้วยล่ะ?” ซูซี่ถอนหายใจเบาๆ เอนตัวไปตบไหล่ของไป๋มู่ชิง“ฉันรู้สึกว่าเธอคือคู่แข่งคนต่อไปของเธอแล้วหล่ะ เตรียมตัวให้พร้อม”

“เธอหมายความว่า......คุณหนูจูกับหนานกงเฉินจะคืนดีกันงั้นหรอ?” ไป๋มู่ชิงมองไปยังทิศทางที่คุณหนูจูเดินไป ในน้ำเสียงของเธอนั้นเต็มไปด้วยความกังวล

ซูซี่พยักหน้า“ฉันรู้สึกว่าจะใช่”

เหยาเหม่ยละสายตาจากในร้านมามองที่ซูซี่ แล้วพูดว่า“ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้จะน่ารักตรงไหนเลย? หนานกงเฉินชอบอะไรในตัวผู้หญิงคนนี้กัน?”

“เธอเคยช่วยชีวิตของหนานกงเฉินไว้” ไป๋มู่ชิงพูดเสียงเบา

“OH ON เป็นทั้งคนช่วยชีวิต แล้วยังเป็นรักแรกอีก มู่ชิง ฉันรู้สึกว่าโอกาสที่เธอจะชนะเนี่ย มันน้อยมากเลยนะ” เหยาเหม่ยพูดด้วยการไหวไหล่เล็กน้อย

ไป๋มู่ชิงมองทั้งสองคนแล้วพูดขึ้นว่า“เพื่อนที่ไหนเค้าพูดแทงใจกันแบบนี้?”

“ที่พวกเราพูดนี่ความจริงล้วนๆเลยนะ”

“บางทีเธออาจจะไม่ได้เป็นแบบที่พวกเธอคิดกันล่ะ? ตอนนั้นที่เธอออกไปจากหนานกงเฉินก็เพราะกลัวโรคที่เขาเป็น ตอนนี้โรคที่หนานกงเฉินเป็นยังไม่หาย เธอก็คงต้องกลัวอยู่แน่ๆ เพราะฉะนั้นเนี่ยเธออาจจะไม่ได้คิดจะกลับไปหาหนานกงเฉินเลยก็ได้ เป็นเพราะเราเองที่ไร้สาระกันเกินไป”

ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าคำพูดนี้ไม่ได้เป็นการปลอบใจเพื่อนทั้งสองหรอก แต่เป็นคำพูดที่ปลอบใจเธอเองทั้งนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด