เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 161

"ที่รัก เธออย่าตื่นเต้นไปเลย" หนานกงเฉินเห็นสีหน้าเธอเปลี่ยนไป ใช้นิ้วบีบแก้มเธอเบาๆ: "ผมแค่คิดว่าตอนที่เธอเรียกผมว่าสามีน่ารักดี เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ต้องเรียกผมแบบนี้ทุกวันนะ"

แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนผู้หญิงคนแล้วคนเล่า แต่ที่กล้าเรียกเขาว่าสามีเธอเป็นคนแรก และเขากลับรู้สึกว่ารื่นหูซะด้วย

"แค่นี้หรอ? ง่ายมาก!" ไป๋มู่ชิงกรอกตามองบน เธอคิดว่าเรื่องอะไรซะอีก? เธอตกใจมาก

เธอคิดมาตลอดว่าหนานกงเฉินน่าจะไม่ชอบที่ตนเรียกแบบนั้น ไม่คิดเลยว่าเขาจะเสนอตัวให้เธอเรียกเอง แม้ว่าเธอเองก็ไม่ชิน แต่ก็ยอมเรียกตามนั้น

ช่วงบ่าย หนานกงเฉินพาไป๋มู่ชิงไปยังร้านชุดเจ้าสาวแห่งหนึ่งในเมืองซี ชุดเจ้าสาวมีหลากหลายรูปแบบมาก พนักงานพาพวกเธอเดินชมรอบๆ อย่างมีมารยาท

แม้ว่ารูปแบบชุดในร้านจะมีหลากหลาย แต่ก็ไม่ค่อยถูกใจไป๋มู่ชิง

"ตกลงเธอชอบแบบไหนหรอ?" หนานกงเฉินเห็นเธอเลือกไปเกือบร้อยชุดแล้วยังไม่เจอแบบที่ชอบ จึงถามขึ้นอย่างสงสัย

"ฉันอยากได้แบบโรแมนติกสง่างาม รูปแบบไม่เวอร์เกินไป เหมือนชุดที่ฉันใส่คราวก่อน" ไป๋มู่ชิงพูดประโยคนี้โดยไม่ได้คิดอะไร

น้ำเสียงของหนานกงเฉินเปลี่ยนไปทันที: "ชุดไหน?"

"ชุดที่ตอนหลังถูกคุณเผาไป"

"เห็นไม่ชัด!" หนานกงเฉินแทบจะกัดฟันด้วยความโกรธ

คนที่ความรู้สึกช้าอย่างไป๋มู่ชิงเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองเหยียบระเบิดเข้าอีกแล้ว ใจสั่นเล็กน้อย แต่ยิ้มหวานแล้วพูดว่า: แกล้งคุณเล่นหน่ะ จริงๆ แล้วฉันไม่ชอบชุดนั้นเลยสักนิด ขี้น้อยใจชะมัด"

หนานกงเฉินกรอกตาอย่างจนคำพูด: "ถ้ายั่วผมอีก ระวังผมจะยกเลิกงานแต่งนะ"

"คุณกล้าหรอ?"

"เธอคิดว่าผมกล้าไหมล่ะ"

"เอาเถอะ ขอโทษนะ" ไป๋มู่ชิงเอนตัวพิงเขาเล็กน้อย: "คุณอย่ายกเลิกงานแต่งเลยนะ ฉันร้องไห้ตายแน่ๆ"

"ขอร้องผมสิ" หนานกงเฉินใช้มือเชิดคางเธอขึ้นอย่างเคยชิน

ไป๋มู่ชิงรีบพนมมือขึ้นทันที: "ขอร้องคุณสามี อย่ายกเลิกงานแต่งเลยนะคะ!"

"อย่างนี้ค่อยใช้ได้หน่อย" หนานกงเฉินปล่อยคางเธอ แล้วพูดกับพนักงานว่า: "ยังมีแบบชุดอื่นอีกไหม? รบกวนยกออกมาให้เธอเลือกทั้งหมด"

พนักงานส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างมีมารยาท: "ขออภัยด้วยค่ะ แบบทั้งหมดอยู่นี่หมดแล้ว"

หนานกงเฉินจึงต้องหันไปหาไป๋มู่ชิง: "งั้นพวกเราไปร้านอื่นไหม?"

เมื่อพนักงานได้ยินว่าพวกเขาจะไป รีบพูดขึ้นว่า: "คุณผู้หญิงคะ พอจะบอกแบบที่ชอบกับดิฉันได้ไหมคะ ดิฉันจะลองไปหาดูให้ว่ามีหรือไม่ค่ะ"

"จริงๆ แล้วฉันชอบแบบนี้ค่ะ" ไป๋มู่ชิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า เปิดรูปแบบร่างชุดเจ้าสาวจากคลังภาพขึ้นมาภาพหนึ่ง ยื่นให้หนานกงเฉินดู ยิ้มหวานพลางพูดว่า: "สวยไหม? นี้ฉันใช้เวลาทั้งวันในการวาดออกมาเลยนะ"

หนานกงเฉินพิจารณาแบบร่างในมือถือ โรแมนติกสง่างามเหมือนที่เธอบอกไว้ รูปแบบง่ายแต่งานละเอียด ก็เหมาะกับเธอดีนะ

เขาไม่ได้ชมการออกแบบของเธอ กลับใช้มือผลักหัวของเธอเบาๆ : "ไม่เลวเลยนี่ รับเงินเดือนจากผมแต่แอบทำงานส่วนตัวในเวลางาน"

"ครั้งแรก โปรดยกโทษ" ไป๋มู่ชิงพนมมือกล่าวขอโทษเขาเหมือนเมื่อครู่ แล้วหันมือถือให้พนักงานดู

พนักงานดูแบบร่างของเธอ ส่ายหน้าเบาๆ อย่างผิดหวังเล็กน้อย: "ในร้านของเราไม่มีแบบนี้จริงๆ "

พูดจบ ก็รีบพูดต่อว่า: "แต่ว่าถ้าพวกท่านไม่ได้รีบใช้ สามารถสั่งตัดได้นะคะ"

"รีบสิ ต้องใช้วันเสาร์นี้"

"วันเสาร์? เหลือเวลาไม่ถึงสามวันไม่ทันจริงๆค่ะ ต้องขออภัยด้วยนะคะ"

ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ทันหรอก ไป๋มู่ชิงจึงไม่ได้หยิบแบบร่างออกมาตั้งแต่แรก เธอผิดหวังเล็กน้อยรับคำเบาๆ เก็บมือถือเข้ากระเป๋าไป

ทั้งสองกลับมาที่รถพร้อมกัน ไป๋มู่ชิงคิดสักครู่แล้วพูดว่า: "ไม่ต้องไปร้านอื่นแล้วดีกว่า เลือกจากร้านนี้ใส่ๆ ไปแล้วกัน"

"งานแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่อันดับต้นๆ ของชีวิตคนคนนึงเลยนะ จะทำลวกๆ ได้ยังไง?" หนานกงเฉินยื่นมือไปหาเธอ: "เอามือถือมาให้ผม"

"คุณจะทำอะไร?" ไป๋มู่ชิงถามพลางยื่นมือถือให้เขา

หนานกงเฉินไม่ได้ตอบเธอ หยิบมือถือเธอแล้วกดเลื่อนไปมา จากนั้นส่งมือถือคืนให้เธอแล้วพูดว่า: "ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน เธออยากกินอะไร?"

"จะไปร้านต่อไปไม่ใช่หรอ?"

"ไม่ไปแล้ว"

"ทำไมไม่ไปล่ะ? คุณชายใหญ่ คุณไม่มีความอดทนขนาดนี้เลยหรอ หาไปแค่ร้านเดียวก็ไม่หาต่อแล้วหรอ?"

"วางใจเถอะ ผมเลือกให้เธอแล้ว จะส่งไปตรงหน้าเธอตรงเวลาในวันเสาร์แน่นอน"

"เป็นเรื่องจริงหรอ?"

"เอาอีกแล้วนะ"

ไป๋มู่ชิงรีบหุบปาก นึกขึ้นได้ว่าหนานกงเฉินไม่ชอบที่เธอชอบตั้งคำถามเขาว่าเป็นเรื่องจริงไหมด้วยทัศนคติที่เต็มไปด้วยความสงสัยกับเขา

หลังจากที่ทั้งสองทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ก็ตรงไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพื่อเลือกแหวน เมื่อเข้าไปในร้าน หนานกงเฉินหันไปถามเธอ: "ได้วาดแบบร่างของแหวนไว้ด้วยไหม? ถ้ามีรีบเอาออกมา"

"คุณคิดว่าฉันมีทักษะรอบด้าน ทำได้ทุกอย่างหรือยังไง?" วิชาที่เธอเรียนสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นการออกแบบบ้านและเสื้อผ้า ไม่เคยเรียนเกี่ยวกับเครื่องประดับ

"อย่างนั้นก็ง่ายเลย"

"หมายความว่ายังไง?"

"คนขายของกลัวเจอคนที่รู้สาขานั้นๆ ดี เธอไม่เคยได้ยินหรอ?" หนานกงเฉยยิ้มตาหยี

เป็นดังคาด การเลือกแหวนคู่ง่ายกว่าเลือกชุดแต่งงานเยอะมาก ใช้เวลาแค่ไม่นาน ยังไงไป๋มู่ชิงก็ไม่มีความรู้ คิดว่าแค่แบบของแหวนดูเก๋ก็ตกลงทันที

คราวที่แล้วตอนเลือกแหวนกับหลินอันหนาน เธอยังกังวลกับแหวนทองฝังหยกที่สวมบนนิ้วนาง กลัวกระทบต่ออารมณ์ของเขา แต่คราวนี้มากับหนานกงเฉิน เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกเลย และยังสามารถโบกไปมาต่อหน้าเขาอย่างได้ใจ: "ดูสิ แหวนประจำตระกูลหนานกงของพวกคุณ"

หนานกงเฉินคว้ามือเธอไว้ พิจารณาแหวนที่ยังสีสดงดงามเช่นเดิม นี่เป็นแหวนที่บ่งบอกฐานะนายหญิงน้อยของตระกูลหนานกง

"ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นคู่ครองที่ฟ้าลิขิตที่ตระกูลหนานกงของพวกคุณตามหามาโดยตลอดนะ คุณดูสิ" ไป๋มู่ชิงชี้ไปยังแหวนทองฝังหยก: "ไม่อย่างนั้นทำไมมันจึงเลือกชั้น"

"ที่พูดมาก็มีเหตุผลนะ" หนานกงเฉินพยักหน้า: "ดังนั้นผมจึงผ่านพ้นวันเกิดอายุ 30 ของตัวเองอย่างแข็งแรง

เขาดึงมือของไป๋มู่ชิงไปใกล้ปากแล้วจูบเบาๆ

"จริงด้วย ทำไมฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย?" ไป๋มู่ชิงยื่นมือไปบีบแก้มของเขาไว้: "ที่แท้ที่คุณมีชีวิตอยู่ได้เป็นผลงานของฉันเองหรอ"

"อืม เพื่อคำนึงถึงชีวิตของคุณ ต่อไปฉันจะไม่ไปจากคุณอีก" ไป๋มู่ชิงพยักหน้าพูดอย่างตั้งใจ

หนานกงเฉินโอบเธอไว้ในอ้อมกอด ยิ้มพลางเดินออกจากร้าน: "พอเถอะ อย่าเอาความดีเข้าตัวอีกเลย"

"เกลียดอ่ะ คุณยอมรับสักหน่อยจะเป็นอะไรไป?"

"ผมยอมรับสิ"

"ต่อจากนี้ไป คุณจะไปตามหาคู่ครองที่ฟ้าลิขิตอีกไหม?"

"ไม่หาแล้ว" หนานกงเฉินโน้มตัวลงจูบปากเธอ: "ชีวิตนี้จะมีเพียงเธอ"

ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างพอใจ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคู่ครองที่ฟ้าลิขิตของหนานกงเฉินจริงๆ "

เธอกอดแขนของหนานกงเฉินแน่น เดินไปยังลานจอดรถพร้อมเขา

ทั้งสองจมอยู่กับความสุข ไม่ได้รู้สึกเลยว่าห่างออกไปไม่ไกลมีเงาของคนคนนึงค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมา

ซูซี่และเหยาเหม่ยได้ยินว่าไป๋มู่ชิงจะจัดงานแต่งงาน โพล่งออกมาว่า: "เธอจะจัดงานแต่งอีกแล้วหรอ?"

"อะไรคืออีกแล้ว?" ไป๋มู่ชิงพูดไม่ออก

"ไม่ใช่หรอ นี่ก็ครั้งที่ 3 แล้วนะ" เหยาเหม่ยกรอกตาไปมา: "เธอว่าฉันต้องใส่ซองหรือไม่ใส่ดี?"

"ไม่ต้องใส่หรอก" ไป๋มู่ชิงยิ้มกว้างแล้วพูดว่า: "ครั้งนี้ฉันไม่เชิญใครเลย นอกจากเพื่อนรักอย่างพวกเธอสองคนแล้วก็มีแค่บาทหลวง"

ซูซี่ได้ยินดังนั้นก็โกรธทันที: "นี่ไม่รังแกเธอไปหน่อยหรอ? หนานกงเฉินหมายความว่ายังไง? ไม่อยากจัดก็ไม่ต้องจัดสิ จัดทั้งทีมาทำแบบนี้......!"

"ฉันเป็นคนขอเอง" ไป๋มู่ชิงดึงเธอกลับมานั่งบนเก้าอี้ แล้วพูดว่า: "เธออย่าเพิ่งใจร้อนสิ ฟังฉันก่อน"

หลังจากดึงซูซี่กลับมานั่งที่เดิมแล้ว เธอจึงพูดต่อ: "พวกเธอเป็นคนสอนให้ฉันใช้อุบายบ้างไม่ใช่หรอ ตอนนี้ฉันก็ใช้อุบายอยู่ไง......"

"อุบายนี้จะได้ผลได้ไง" ซูซี่ตัดบท: "เธอจะจัดก็จัดให้ดีไปเลย จัดให้คนทั้งโลกรู้ ให้นางคนหน้าไม่อายเห็นความรักระหว่างเธอกับหนานกงเฉิน ให้เธอถอย!"

"ฉันเข้าใจความหมายของเธอ แต่ฉันไม่อยากทำให้คุณผู้หญิงโกรธเพราะเรื่องนี้ เธอแค้นฉันเข้ากระดูกแล้ว ไม่มีทางยอมให้พวกเราจัดงานแต่งงานแน่นอน ถ้าฉันดึงดันจะจัดจริงๆ มีแต่จะทำให้เฉินกับคุณผู้หญิงทะเลาะเปล่าๆ ฉันไม่อยากเป็นภาระของเฉิน"

"นิสัยห่วงหน้าพะวงหลังของเธอเนี่ย เป็นผู้แพ้ตลอดกาลแน่นอน" ซูซี่ส่ายหน้า ไม่พูดอะไรอีก

เหยาเหม่ยพูดสนับสนุน: "จริงด้วย ฉันเห็นด้วยกับการจัดงานให้ใหญ่ไปเลย"

"พวกเธอสองคนฟังฉันนะ" ไป๋มู่ชิงเพิ่มระดับเสียง: "ฉันมาเพื่อแจ้งข่าวพวกเธอ ไม่ได้มาขอความคิดเห็น ยังไงซะพรุ่งนี้ 9 โมงมาให้ตรงเวลาก็พอนะ"

ซูซี่สบตากับเหยาเหม่ย เบะปากแต่ไม่พูดอะไรอีก

เช้าวันเสาร์ ไป๋มู่ชิงได้รับชุดเจ้าสาวจากบริษัทรับตัดชุดเจ้าสาวแห่งหนึ่ง เธอวิ่งลงมาจากชั้นบน รับชุดเจ้าสาวมาจากพนักงานแล้วลองเทียบดู พบว่าชุดนี้ตัดตามแบบร่างที่เธอออกแบบเองอย่างเซอร์ไพร์

หนานกงเฉินทำยังไงให้ทำชุดเจ้าสาวเสร็จภายใน 3 วัน มันช่างวิเศษจริงๆ เลย!

ที่แท้วันนั้นหลังออกจากร้านชุดเจ้าสาว หนานกงเฉินขอมือถือเธอไปเพื่อเอาแบบร่างจากมือถือเธอ นี่เป็นการเซอร์ไพร์ที่เขาตั้งใจจะมอบให้เธอหรอ?

ถ้าใช่ เซอร์ไพร์นี้เธอชอบมากๆ!

"คุณหนูไป๋ พวกเราไปลองสวมที่ชั้นบนดูดีไหม" พนักงานอมยิ้ม

"ได้สิ" ไป๋มู่ชิงพยักหน้า พาพวกเธอขึ้นไปชั้นบน

เมื่อเธอลองสวมชุดเจ้าสาวพอดีตัว เป็นแบบที่ไม่มีสุ่ม ไม่มีหางปลา เป็นชุดกระโปรงที่ปล่อยพริ้วขาว ประดับด้วยดอกกุหลาบสีแชมเปญรอบเอว เพิ่มความสวยงามให้กับชุด

พนักงานนำมงกุฏดอกไม้ที่มีลายเข้ากับชุดสวมลงบนหัวของไป๋มู่ชิง ยิ้มอย่างพอใจแล้วพูดว่า: "เรียบร้อยค่ะ คุณหนูไป๋"

ไป๋มู่ชิงขยับยืนถอยหลังเล็กน้อย พิจารณาตัวเองในกระจกที่สวยดั่งนางฟ้า พยักหน้าอย่างพอใจ พูดพึมพำออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ: "ที่แท้ฉันก็สวยเหมือนกันนะ"

"คุณหนูไป๋สวยมากอยู่แล้วนะคะ ใครบอกว่าไม่สวยกัน" พนักงานพูดพลางยิ้มเบาๆ

หนานกงเฉินไม่เคยชมว่าเธอสวยเลย ไป๋มู่ชิงพูดในใจ

หลังจากที่พนักงานจากไป ไป๋มู่ชิงโทรหาหนานกงเฉิน หนานกงเฉินในปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงอมยิ้ม: "รับได้ชุดเจ้าสาวหรือยัง?"

"ได้รับแล้ว ขอบคุณค่ะที่รัก"

"เธอลืมเรียกสามีนะ"

"ขอบคุณค่ะสามีที่รัก"

"อืม สวยไหม?"

"สวย เหมือนที่ฉันคิดไว้เป๊ะๆ "

"งั้นก็ดี"

จริงสิสามี พี่เหอเรียกให้คุณกลับไปทำไมหรอ? คุณกลับมาทัน 9 โมงไหม?"

"ไม่มีอะไร แค่คุณย่าเป็นหวัดนิดหน่อย"

"คุณย่าเป็นหวัดหรอ? ท่านโอเคใช่ไหม?"

"โอเคดี เธอให้เสี่ยวหลินไปส่งที่โบสถ์ก่อนเลยนะ อีกสักครู่ผมจะรีบตรงไปที่โบสถ์เลย"

"ได้ งั้นคุณขับรถปลอดภัยนะ"

"รับทราบ แต่งตัวสวยๆ หน่อยนะ" หนานกงเฉินเย้าแล้ววางสายไป

หลังวางสาย ไป๋มู่ชิงดูเวลา ถ้าไปโบสถ์ตอนนี้น่าจะเร็วไป แต่เธอเริ่มอยากไปจะแย่แล้ว จึงให้เสี่ยวหลินไปส่งเธอก่อนเวลา

โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์เพียงแห่งเดียวในเมืองซี งดงามตระการตา น่าเกรงขาม

ตอนที่ไป๋มู่ชิงเดินเข้าไป ตกอยู่ในมนต์สะกดของกลิ่นอายความน่าเกรงขามนี้ทันที ในใจรู้สึกตื้นตันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

กลับเป็นซูซี่และเหยาเหม่ยไม่สำรวมเลยสักนิด เดินเข้ามาจากข้างนอกพร้อมเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน แซวพลางเดินเข้ามาด้านใน: "อุ้ย มาไวจัง กลัวว่าจะไม่ได้แต่งหรอ?"

ไป๋มู่ชิงหันไปหาเพื่อนรักทั้งสอง เก็บความรู้สึกตื้นตันใจแล้วโต้กลับ: "พูดอะไรหน่ะ ฉันแต่งงานแล้วนะ?"

"ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าสาวป้ายแดง ทำไมยังตื้นตันขนาดนี้อีกล่ะ? ดูสิ ตื้นตันจนตาแดงแล้ว" เหยาเหม่ยยื่นมือออกไปบีบแก้มของเธอ

"พอๆ ห้ามบีบแก้มนะ ฉันลงเครื่องสำอางไว้แล้ว"

"ชิ หนานกงเฉินจูบยังได้เลย พวกเราแตะแค่นิดเดียวก็ไม่ได้"

"นี่เขาเรียกว่ารักแฟนมากกว่าเพื่อน" ซูซี่พูดเสริม

ไป๋มู่ชิงไม่สนใจที่เพื่อนๆ แขวะ ยิ้มแล้วหมุนตัวตรงหน้าทั้งสองคน พูดพลางยิ้มกว้าง: "พูดความจริงนะ ฉันสวยไหม?" พูดจบ เพิ่มความจริงจังในน้ำเสียง: "ฉันต้องการฟังความจริง"

ซูซี่สบตาเหยาเหม่ย ตอบพร้อมกันด้วยรอยยิ้มว่า: "สวยสุดๆ ไปเลย!"

"จริงหรอ?"

"จริงสิ!"

"สมกับเป็นเพื่อนสนิท รักพวกเธอนะ" ไป๋มู่ชิงกอดทั้งสองด้วยมือข้างละคน

อีกครึ่งชั่วโมงก็จะ 9 โมงแล้ว ทั้งสามคนนั่งหยอกล้อกันบนเก้าอี้

ผ่านไป 20 นาที บาทหลวงก็มาถึง

ซูซี่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา: "นี่ ท่านนั้นของเธอหน่ะ มีความตั้งใจจริงไหม ให้ทุกคนรอเขาคนเดียว"

ไป๋มู่ชิงแก้ตัวแทนหนานกงเฉิน: "บ้านตระกูลหนานกงอยู่ไกลจากที่นี่ มาช้าหน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดานะ"

แม้ปากจะพูดแบบนี้ จริงๆ แล้วในใจก็ผิดหวังอยู่ไม่น้อย อีกสิบนาทีก็จะถึงเวลาเข้าพิธีแล้ว หนานกงเฉินกลับยังมาไม่ถึงงาน หรือเขาต้องการทำเหมือนในภาพยนตร์ ผลักประตูเข้างานในวินาทีสุดท้าย เซอร์ไพร์เธอหรอ?

คิดถึงตรงนี้ เธอสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย เริ่มมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย

แต่รอครบ 10 นาทีก็แล้ว เสียงนาฬิกาบอกเวลา 9 โมงดังขึ้น ประตูไม่ได้เปิดออกเหมือนที่จินตนาการไว้ เงาของหนานกงเฉินก็ไม่ได้ปรากฏเหมือนในภาพยนตร์

แม้แต่บาทหลวงบนเวทีก็อดถามขึ้นไม่ได้: "ทำไมคุณชายเฉินยังไม่มาอีก? เลยฤกษ์ไปแล้วนะ"

"นั่นสิ นี่มันยังไงกกัน ฉันบอกแล้วว่าเขาไม่เห็นความสำคัญ" เหยาเหม่ยกล่าว

"มู่ชิง รีบโทรไปหาเขาสิ" ซูซี่พูดรบเร้า

ตอนแรกไป๋มู่ชิงไม่รู้จะทำอย่างไรดี พอถูกซูซี่รบเร้าจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหนานกงเฉิน เธอโทรติดไวมาก เพียงแต่ไม่มีคนรับสาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด