เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 162

สรุปบท บทที่ 162 จุดประสงค์ของคุณหนูจู: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

อ่านสรุป บทที่ 162 จุดประสงค์ของคุณหนูจู จาก เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด โดย เยว่กวางจู่อวี

บทที่ บทที่ 162 จุดประสงค์ของคุณหนูจู คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เยว่กวางจู่อวี อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

"คุณบอกฉันเรื่องพวกนี้ทำไมหรอ?" ไป๋มู่ชิงสูดลมหายใจเข้าเบาๆ แล้วตัดบทเขา

เธอเตรียมใจให้เขาไปได้แล้ว เลิกก็เลิก ไม่เห็นจำเป็นต้องมีเหตุผลหรือข้ออ้างมากขนาดนี้?

"ไม่ทำอะไร แค่อยากให้เธอรู้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัด" หนานกงเฉินกุมมือเธอแน่น: "เธอเลือกวันมาใหม่ ผมจะไม่ผิดนัดอีกแน่นอน ดีไหม?"

ไป๋มู่ชิงเหล่ตาจ้องหน้าเขา ด้วยความประหลาดใจ

เขายังอยากจัดงานแต่งงานกับเธอ? เขายังอยากใช้ชีวิตกับเธอต่อไปหรอ?

"คุณรู้ไหม ฉันคิดว่าคุณเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง เป็นห่วงคุณมาครึ่งวัน แต่คุณกลับอุ้มรักแรกของคุณเข้าบ้านในวันแต่งงานของพวกเรา คุณเคยจินตนาการถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม?"

"ขอโทษ แต่เรื่องความเป็นความตายของคน ผมเห็นเธอตายไปต่อหน้าแบบไม่ช่วยไม่ได้" สีหน้าของหนานกงเฉินยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

"คุณบอกว่าจะจัดงานแต่งงานกับฉันต่อ แล้วคุณหนูจูจะทำยังไง?" เขาจะทิ้งโอกาสที่จะได้อยู่กับคุณหนูจูหรอ?

"เธอ......ผมจะจัดการให้เรีียบร้อยเอง" หนานกงเฉินสูดหายใจเบาๆ น้ำเสียงไม่อาจซ่อนความกังวลไว้ได้

ใช่ว่าไป๋มู่ชิงจะมองไม่เห็นสีหน้ากังวลของเขา ในตอนนี้เขาเลือกยากมากเธอก็เข้าใจเช่นกัน เขาเลือกเธออาจจะเป็นแค่ชั่วคราว อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกผิด ในเมื่อตอนเช้าเขายังกอดเธอจูบเธอ หยอกล้ออวยพรให้เธอมีความสุขในวันแต่งงาน!

"แล้วเธอล่ะ? คุณคิดว่าเธอจะยอมรับสิ่งที่คุณจัดการให้หรอ?" เธอถามต่อ

หนานกงเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ปัญหานี้เขายังไม่ได้คิดอย่างละเอียด

เขายิ้มเล็กน้อย: "แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมและเธอก็ไม่มีทางมีความสัมพันธ์แบบนั้นอีก ผมคิดว่าเธอเข้าใจเรื่องนี้ดีนะ"

เธอเข้าใจสิแปลก ไป๋มู่ชิงหัวเราะเย็นๆ ในใจ

ผู้หญิงคนนี้เห็นชัดๆ อยู่แล้วว่ามาเพื่อหนานกงเฉิน จะมาฟังสิ่งที่เขาจัดการ ปล่อยเขาไป ได้ยังไง?

แต่ว่าเธอไม่ได้พูดออกมา ไม่ว่ายังไงหนานกงเฉินก็ชอบคุณหนูจูของเขาขนาดนั้น คงไม่อยากได้ยินใครพูดไม่ดีเรื่องของเธอ

คุณหนูจูหลับยาวจนถึง 1 ทุ่มกว่าๆ

ตอนเธอตื่นหนานกงเฉินกำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือ เสี่ยวหยวนไม่กล้าเข้าไปรบกวน จึงวิ่งเบาๆ ลงไปแจ้งไป๋มู่ชิงว่าคุณหนูจูตื่นแล้วที่ชั้นล่าง พูดจบจึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด จึงรีบหุบปากแล้วจ้องเธออย่างระวัง

ไป๋มู่ชิงนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก เมื่อได้ยินเรื่องที่เธอมาแจ้งจึงหันหน้าไปจ้องเธอ: "ทำไมเธอไม่ไปแจ้งคุณชายใหญ่ล่ะ?"

เสี่ยวหยวนสะดุ้งเล็กน้อย คิดในใจว่านายหญิงน้อยไม่พอใจจริงๆ ด้วย เธอรีบตอบ: "เวลาคุณชายใหญ่ทำงานไม่ชอบให้ใครไปรบกวน"

แย่จริง เธอลืมได้ยังไงว่าศัตรูหัวใจเจอกันยังไงก็หึงกัน เป็นเรื่องที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง โชคดีที่นายหญิงน้อยไม่ได้โกรธจนเขวี้ยงแก้วชาใส่เธอ ไม่อย่างนั้น......

ไป๋มู่ชิงสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ลังเลเล็กน้อยก่อนจะลุกจากโซฟา เดินขึ้นชั้นบนไป

เธอมาถึงห้องนอนของหนานกงเฉิน เห็นจูจูขยับตัวด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด เพราะแผลบนหลัง เธอยังคงนอนคว่ำอยู่บนเตียง

เมื่อเห็นไป๋มู่ชิงเดินเข้ามา เธอหยุดขยับตัวทันที ประเมินไป๋มู่ชิงด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วพูดว่า: "ทำไมเป็นเธอ? เธอคือมู่ชิงเพื่อนรักของซูซี่ไม่ใช่หรอ? พวกเราเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน"

ไป๋มู่ชิงสูดลมหายใจเข้าเบาๆ จ้องเธอแล้วพูดว่า: "คุณหนูจู พวกเรามาเปิดอกคุยกันเลยดีกว่า คุณอย่ามาเสแสร้งอีกเลย"

สีหน้าของจูจูประหลาดใจขึ้น: "มู่ชิง คุณกำลังพูดเรื่องอะไรหรอ? ทำไมฉันฟังไม่เข้าใจ?"

"คุณแอบสะกดรอยตามฉันมาหลายวันแล้วไม่ใช่หรอ? หรือคุณจะบอกว่าที่เจอกันในตลาดหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมด?"

"ฉันแอบสะกดรอยตามคุณ? มู่ชิง คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ฉันจะสะกดรอยตามคุณได้ยังไงกัน?"

ไป๋มู่ชิงเห็นเธอปั้นหน้างุนงง รู้ทันทีว่าถามต่อไปก็ไม่เป็นผลอะไร จึงเปลี่ยนน้ำเสียงให้เบาลง: "งั้นหรอ? หรือว่าจะไม่ใช่คุณ? ขอโทษด้วยนะ ผู้หญิงของเฉินเยอะเหลือเกินจนฉันก็สับสนบ่อยๆ "

"ไม่เป็นไร" จูจูส่ายหัวเล็กน้อย เธอพยายามจะชันตัวขึ้นนั่ง แต่ไปโดนแผลทำให้สีหน้าเธอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

"ระวังค่ะคุณหนูจู" ไป๋มู่ชิงเข้าไปพยุงเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง: "คุณหนูจูมีแผลอยู่อย่าเพิ่งลุกขึ้นนั่งเลย นอนพักบนเตียงเถอะนะ"

"ขอบใจนะ ฉันลุกขึ้นนั่งได้" เธอนั่งอยู่บนเตียง ประเมินไป๋มู่ชิง อมยิ้มแล้วพูดว่า: "ที่แท้ที่ซูซี่บอกว่าคุณแต่งเข้าตระกูลหนานกงคือแต่งกับเฉินหรอ? แต่ว่าเธออย่าเข้าใจผิดเลยนะ ฉันกับเฉินเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก สนิทกันเหมือนพี่น้อง ดังนั้นเขาจึงดีกับฉันขนาดนี้"

"ฉันรู้ค่ะ เมื่อกี้นี้เขาอธิบายให้ฉันเข้าใจแล้วล่ะ" ไป๋มู่ชิงตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ

"เธอไม่ได้ไม่พอใจก็ดีแล้ว"

"ได้ยังไงล่ะ ใครๆ ก็มีเพื่อนรู้ใจกันทั้งนั้นจริงไหม?" ไป๋มู่ชิงพูดจบ ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ภายในตรงหัวเตียง กดเบอร์ชั้นล่างพร้อมมอบหมายงานให้เสี่ยวหยวน: "อาหารค่ำของคุณหนูจูอุ่นเสร็จหรือยัง? ถ้าอุ่นเสร็จแล้วก็นำขึ้นมาได้เลยนะ"

ไม่ช้า เสี่ยวหยวนก็นำอาหารค่ำขึ้นมา

ไป๋มู่ชิงยืนอยู่บริเวณหัวเตียงพูดกับจูจูว่า: "คุณหนูจู ตอนนี้คุณบาดเจ็บอยู่ ทานอาหารรสจืดสักหน่อยเถอะ"

จูจูมองโจ๊กในถ้วย สีหน้าขอบคุณ: "ขอบคุณนะ มู่ชิง"

"ดูสิ คุณเกรงใจกับฉันอีกแล้ว" ไป๋มู่ชิงพูดปลอบ: "ทานเสร็จก็พักผ่อนนะคะ แผลจะได้หายไวไว"

"อืม ฉันเข้าใจค่ะ"

ไป๋มู่ชิงกวาดสายตามองรอบห้อง: "จริงๆ แล้วนี่เป็นห้องนอนของเฉิน แต่ช่วงนี้เขานอนกับฉันที่ชั้น 3 ก็ถือว่าเป็นห้องที่ว่างอยู่ คุณพักที่นี่สักคืนก่อนแล้วกัน"

"ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว"

"นั้นฉันไม่รบกวนคุณหนูจูแล้วนะคะ"

"อิม ราตรีสวัสดิ์"

ไป๋มู่ชิงเดินออกไป ในห้องเหลือแค่เสี่ยวหยวนที่อยู่รับใช้คุณหนูจูทานอาหารค่ำ"

จูจูถามเสี่ยวหยวนด้วยความสงสัย: "ปกติแล้วนายหญิงน้อยบ้านเธอนอนไวหรอ?"

"ป่าวค่ะ นายหญิงน้อยไปต้มยาให้คุณชายใหญ่ ยังไม่นอนหรอกคะ" เสี่ยวหยวนตอบ

"อาการป่วยของคุณชายใหญ่......ดีขึ้นบ้างไหม?" จูจูถามอย่างลังเล

เสี่ยวหยวนส่ายหน้า ตอบด้วยสีหน้ารู้สึกผิด: "ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ต้องเป็นนายหญิงน้อยถึงจะทราบค่ะ"

ตั้งแต่มาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังเล็กแห่งนี้ ไป๋มู่ชิงรับหน้าที่ต้มยา และรับผิดชอบอยู่เป็นเพื่อนดูแลหนานกงเฉินทานยา

ไป๋มู่ชิงนำยาไปห้องหนังสือหลังต้มยาจีนเสร็จ เธอชิมยาก่อนหนึ่งคำก่อนจะส่งยาไปให้เขา หนานกงเฉินเงยหน้ามองเธอ เห็นเธอยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนเดิม

เขายิ้มบางๆ รับยามาแล้วจูบลงไป และยื่นมือไปรั้งตัวเธอมานั่งบนตักเหมือนที่ผ่านๆ มา จุ๊บริมฝีปากที่มีรสฝาดของเธอ

ไป๋มู่ชิงหลบริมฝีปากของเขาเล็กน้อย จ้องเขาแล้วพูดว่า: "คุณหนูจูตื่นแล้ว คุณไม่ไปดูเธอหน่อยหรอ?"

"เธอเป็นยังไงบ้าง?"

"ดูเหมือนเธอยังเจ็บมาก"

หนานกงเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า: "ให้เสี่ยวหยวนดูแลเธอก็พอแล้ว"

ไป๋มู่ชิงเข้าใจว่าจริงๆ แล้วใจเขาอยากไปดูเธอมาก แต่พูดเหมือนไม่ได้มีอะไรแค่อยากดูแลอารมณ์ของเธอแค่นั้น

ความรู้สึกในใจตีกันไปหมด ไม่รู้ว่าความดีใจหรือควรเสียใจดี ดีใจที่เขายังเป็นห่วงความรู้สึกของตัวเธออยู่บ้าง

เขายอมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอยอมอย่างแน่นอน ใช้แขนโอบคอเขาไว้ เธอเริ่มยิ้มอย่างมีความสุข: "นั้นคุณจะทำงานจนถึงเมื่อไหร่หรอ? ฉันจะไปนอนแล้วนะ"

หนานกงเฉินจูบปากของเธอที่ยื่นออกมา แล้วอุ้มเธอขึ้นในแนวขวาง: "แน่นอนว่าต้องนอนพร้อมภรรยาสิ"

ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นจากพื้น เธออุทานเสียงต่ำด้วยความกลัว ตั้งแต่คุณหนูจูเข้ามา นี่เป็นร้อยยิ้มแรกของเธอ

เธอโอบคอของหนานกงเฉินแน่น โวยวายด้วยรอยยิ้ม: "คุณปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเป็นโรคกลัวความสูง"

"นั้นผมจะรักษาโรคกลัวความสูงของเธอเอง" หนานกงเฉินอุ้มเธอเข้าห้องนอน วางเธอลงบนเตียง

หนานกงเฉินก้มลงมาจูบเธอ ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นห้ามไว้: "ตกลงกันแล้วนี่ว่าจะพักสะสมสเปิร์ม รอบเดียวท้อง?"

หนานกงเฉินถอนจูบจากเธอด้วยความลังเล พลิกตัวไปด้านข้างแล้วคร่ำครวญว่า: "ผมเลี้ยงมานานขนาดนั้นแล้ว จะให้ผมเลี้ยงถึงเมื่อไหร่กัน?"

"ใกล้แล้ว เลี้ยงอีกหนึ่งสัปดาห์นะ" ไป๋มู่ชิงปลอบพร้อมแตะแก้มเขา

"อีกตั้งหนึ่งสัปดาห์?"

"ใช่ หลังจากหนึ่งสัปดาห์ เป็นช่วงไข่ตก โอกาสสูงมาก"

"เป็นเรื่องจริงหรอ?"

"ทำไมเลียนแบบคำพูดติดปากของฉันล่ะ?" ไป๋มู่ชิงพูดยิ้มๆ

ครั้งนี้เธอจะต้องคว้าโอกาสไว้ให้ได้ พยายามให้ติดในครั้งเดียว การเข้ามาอยู่ของคุณหนูจูทำให้เธอตัดสินใจแน่วแน่ขึ้น

คุณหนูจูจะเล่นเล่ห์เพทุบายกับเธอ เธอก็ต้องใช้ลูกในการผูกมัดหนานกงเฉิน ก่อนที่เธอจะแย่งหนานกงเฉินไปสำเร็จ ซูซี่และเหยาเหม่ยพูดถูก เธอไม่ควรเป็นคนดีขาวบริสุทธิ์เหมือนดอกบัวขาวตลอดไป ยอมให้คนอื่นมาบีบมานวดมาสั่งได้

เธอเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดของหนานกงเฉินแบบไม่รู้ตัว ถามเบาๆ ในอ้อมกอดของเขา: "คุณสามี คุณยังอยากให้ฉันมีลูกให้คุณอีกหรอ?"

"แน่นอนสิ" หนานกงเฉินชายคางเธอขึ้น: "บอกเธอแล้วไม่ใช่หรอ? จูจูเธอเป็นแค่อดีตไปแล้ว เธออย่ากังวลเลยว่าผมและเธอจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกัน"

"ไม่ค่ะ ฉันไม่สบายใจ" ไป๋มู่ชิงส่ายหน้า สีหน้าจริงจัง

"แล้วเธอจะให้ทำยังไงจึงจะยอมเชื่อล่ะ?"

"หลังจากแผลเธอหายดีแล้ว ให้เธอไปอยู่ที่อื่น" ไป๋มู่ชิงไม่ไว้ใจหนานกงเฉิน ไม่ไว้ใจคุณหนูจูคนนั้นยิ่งกว่า เธอรู้ดีกว่ารักแรกนั้นลืมยากที่สุด

หนานกงเฉินได้ยินเธอพูดดังนั้น ลังเลเล็กน้อยก่อนพูดว่า: "ตอนนี้เธอไม่มีที่อยู่ ถ้าไล่เธอออกไป เธอก็ต้องเร่ร่อนอยู่ข้างนอกสิ"

ไป๋มู่ชิงตั้งใจจะถามเขาว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูจูกันแน่ แต่เธอไม่อยากพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก จึงอดใจไว้ไม่ถามต่อ

เธอรู้อยู่แล้วว่าหนานกงเฉินไม่ยอมไล่เธอออกจากบ้านแน่นอน เธอแค่อยากลองถามดูเฉยๆ เธอซุกหน้าเข้าไปในอ้อมกอดอีกครั้ง ไม่พูดอะไรอีก

หนานกงเฉินก้มหน้าจูบศีรษะเธอ และไม่พูดอะไรอีก

ไป๋มู่ชิงโชคดีมากที่ตัวเองยังสามารถนอนอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเฉินอีก โชคดีมากที่เขาไม่ได้จู่จู่ก็ไปจากเธอเหมือนหลินอันหนาน ทำให้เธอตั้งตัวไม่ทัน ในสมองของเธอสับสนมาก ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนกว่าเธอจะหลับไป

ในคืนนั้น ไป๋มู่ชิงสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกรีดร้องโหยหวน คนที่สะดุ้งตื่นพร้อมเธอคือหนานกงเฉิน เธอยังไม่ทันรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น หนานกงเฉินก็เลิกผ้าห่มพุ่งตัวออกจากห้องนอนไปแล้ว มีเพียงเสียง'ตึงตึง'ดังขึ้นนอกประตู

เธอนั่งเหม่ออยู่บนเตียงครู่หนึ่ง กว่าจะได้สติจากอาการมึนงง แล้วลงจากเตียงไปตามไปยังชั้น 2

หนานกงเฉินพุ่งเข้าไปในห้องนอนของจูจู เห็นฉากที่จูจูตื่นตระหนกร้องเสียงหลงแล้วล้มลงบนพื้นพอดี เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเข้าไปพยุงเธอลุกขึ้นอย่างร้อนรนพร้อมถามอย่างเป็นห่วง: "จูจู คุณเป็นอะไรหรอ? ทำไมหล่นมากองกับพื้นล่ะ?"

จูจูที่ก่อนหน้านี้หลับตากางแขนกางขาดิ้นรนอยู่นั้น เมื่อได้ยินเสียงของหนานกงเฉิน รีบโถมตัวเข้าสู่อ้อมอกของเขาแล้วร้องไห้เสียงดัง

"อย่ากลัวไปเลย ผมอยู่นี่แล้ว เป็นเด็กดีนะ" หนานกงเฉินโอบเธอไว้ ลูบผมเธอเบาๆ: "เกิดอะไรขึ้นหรอ? ฝันร้ายใช่ไหม?"

จูจูยังคงซบอกเขาและร้องไห้อยู่ และยังคงตื่นกลัว: "เฉิน ฉันฝันว่าแม่ฉันจับตัวฉันกลับไป ฉันกลัวมาก......!"

"อย่ากลัวไปเลย เธอไม่มีทางมาหาถึงนี่หรอก" หนานกงเฉินลูบไหล่เธอ

"ฉันกลัว ฉันกลัวจริงๆ นะ ทำยังไงดี?" จูจูน้ำตานองหน้ากอดเขาไว้แน่น: "เฉิน อย่าไปจากฉันได้ไหม? ฉันนอนไม่หลับ ฉันกลัว......"

หนานกงเฉินพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้: "ได้ ผมไม่ไปไหน ผมจะอยู่กับคุณที่นี่"

หลังจากปลอบอยู่นานมาก จูจูเงียบลงในที่สุด เพียงแต่มือทั้งสองข้างยังคงกอดหนานกงเฉินแน่น

หนานกงเฉินพูดด้วยเสียงอ่อนโยน: "พอแล้วนะ ผมอุ้มคุณไปพักผ่อนบนเตียงนะ"

จูจูกลับกอดตัวเขาแน่นขึ้น พึมพำในอ้อมกอดของเขา: "เฉิน ถ้าแม่ฉันยังคงบีบให้ฉันแต่งงานกับตาแก่แซ่หลี่นั่นจะทำยังไงดี? แต่งงานกับคนแบบนั้น ฉันยอมตายดีกว่า"

"ไม่หรอก วันหลังผมไปคุยกับท่านให้" หนานกงเฉินตอบ

จูจูพยักหน้า: "ขอบคุณนะ เฉิน ถ้าไม่ใช่คุณฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำยังไง"

"ขอบคุณอะไรกัน นี่เป็นเรื่องที่ผมควรทำอยู่แล้ว" หนานกงเฉินพูดกับเธออย่างอดทน

"ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าในโลกนี้ทำไมมีแม่ที่รักเงินมากขนาดนี้" จูจูพูดพร้อมน้ำตา: "ตอนนั้นที่เธอรู้ว่าคุณจะขอฉันแต่งงาน ก็ให้ฉันตามคุณกลับมาเมืองซีทันที ยังรับคฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนั้นจากคุณ หลังจากนั้นพอได้ยินคนอื่นลือกันว่าผู้หญิงที่แต่งงานกับคุณต่างมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 1 เดือน ก็รีบหลอกให้ฉันไปอยู่เมืองนอก เฉิน ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เธอหลอกให้ฉันไปเมืองนอก ยึดเอกสารทั้งหมดของฉันไป ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีทางไปจากคุณแน่นอน"

ไม่เพียงแต่หนานกงเฉินที่โอบเธอไว้จะตกใจ แม้แต่ไป๋มู่ชิงที่ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะเข้าไปยังไง ก็ตะลึงตามไปด้วย

ตอนนั้นที่เธอหายไปอย่างกระทันหัน ที่แท้ไม่ใช่เพราะเธอกลัวโรคของหนานกงเฉิน แต่เป็นเพราะแม่ของเธอหลอกให้เธอไปเมืองนอกหรอ? และยังถูกยึดเอกสารกลับประเทศไม่ได้?

"คุณพูดว่าอะไรนะ? ตอนนั้นคุณถูกคุณแม่คุณหลอกไปเมืองนอกหรอ?" หนานกงเฉินถามด้วยความประหลาดใจ

จูจูพยักหน้า: "ใช่ค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะหายไปจากคุณอย่างกระทันหันได้ยังไงกัน? เฉิน คุณลืมเรื่องที่เราเคยสัญญากันไว้แล้วหรอ? พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่จะแก่ตัวไปหรือป่วยหรือตาย!"

"อืม"

"ที่แท้ที่เธอรีบขังฉันไว้ที่เมืองนอก เพราะจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือหาเงิน ขอแค่อีกฝ่ายมีเงิน ต่อให้เป็นตาแก่เธอก็ไม่สนใจ" เป็นสูดลมหายใจเข้าอย่างขมขื่นใจ: "ฉันเริ่มสงสัยจริงๆ ว่าฉันเป็นลูกแท้ๆ ของเธอจริงหรือเปล่า"

หนานกงเฉินฟังที่เธอพูดจบ จู่จู่ก็นึกถึงไป๋มู่ชิงที่มีชะตาชีวิตที่ลำบากเหมือนกับเธอ

"คุณดูแผลบนตัวฉันสิเธอเป็นคนลงมือเอง เธอบอกว่าถ้าคราวหน้ากล้าหนีงานแต่งอีก จะตีขาให้หักทั้งสองข้าง" จูจูพูดไปเรื่อยๆ น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง

หนานกงเฉินยื่นมือไปหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าให้เธอ: "แม่เธอรับสินสอดมาเท่าไหร่ ผมจะใช้คืนให้คนแซ่หลี่นั่นเอง คุณอย่าคิดมากเลยนะ ไปนอนพักบนเตียงก่อนเถอะ"

"ฉันไม่นอน ฉันกลัวฝันร้าย" จูจูส่ายหน้า

"ไม่พักผ่อนแผลจะหายได้ยังไงล่ะ? คืนพรุ่งนี้ผมให้เสี่ยวหยวนมานอนเป็นเพื่อนคุณดีไหม?"

"ได้ค่ะ แต่ว่าคืนนี้คุณต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันนะ" จูจูพูดอ้อน

หนานกงเฉินส่ายหัว: "ไม่ได้ ผมเป็นผู้ชายคุณเป็นผู้หญิง"

"คุณเคยรับปากฉันว่าจะดูแลฉันตลอดชีวิต คุณลืมแล้วหรอ?

"ผมไม่ได้ลืม"

"นั้นทำไมคุณไม่ยอมอยู่เป็นเพื่อนฉันล่ะ?"

"จูจู......" หนานกงเฉินยิ้มเฝื่อนๆ : "ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ"

"ฉันรู้ เพราะว่าคุณแต่งงานแล้ว"

"ใช่ ผมและเธอรักกันดี มีความสุขกันมาก"

จูจูยังคงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย: "ฉันดูออก เฉิน คุณสบายใจเถอะ ฉันจะไม่ทำลายความสัมพันธ์ของพวกคุณ ฉันจะมองคุณเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ นะ"

"เด็กดี ต่อไปเธอจะต้องเจอผู้ชายที่เธอรักและแต่งงานกันแน่นอน" หนานกงเฉินอุ้มเธอขึ้นจากพื้นในที่สุด วางเธอลงบนเตียง

ใช่ ต่อให้เป็นการทำเพื่อลูกสาว เธอก็ห้ามยกหนานกงเฉินให้คุณหนูจูคนนั้นเด็ดขาด

"พวกเธอคิดว่า ทำไมหนานกงเฉินดูไม่ออกว่าคุณหนูจูกำลังเสแสร้งหรอ?" เธออดไม่ได้ที่จะระบาย เธอไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเมื่อคืนคุณหนูจูไม่ได้ฝันร้ายจริงๆ ไม่ได้กลัวจริงๆ แต่กำลังใช้อุบายยอมเจ็บตัว เพื่อแลกให้หนานกงเฉินอยู่กับเธอ แต่หนานกงเฉินกลับกอดเธอแน่น เหมือนว่าถ้าคลายมือออก เธอจะตายเพราะกลัวซะอย่างนั้น

"ที่รักคะ ในสายตายคนรักย่อมมีซีซืออยู่แล้ว หนานกงเฉินรักเธอมากขนาดนั้น เห็นเธอทำอะไรก็ดีที่สุดอยู่แล้ว" ซูซี่ยักไหล่ยิ้มอย่างเย็นๆ

เหยาเหม่ยพูดเสริมอยู่ข้างๆ: "นั่นสิ ตอนนี้ขอแค่คุณหนูจูขมวดคิ้วนิดเดียว เขาก็คงอดไม่ได้ที่จะกอดเธอไว้แล้วปลอบประโลมอย่างทะนุถนอม อย่าว่าแต่บาดเจ็บหนักขนาดนี้เลย"

ก็จริง ในใจของหนานกงเฉิน คุณหนูจูก็เหมือนตุ๊กตาในดวงใจที่แตะนิดเดียวก็แตกสลายไปได้

ไป๋มู่ชิงถอนหายใจด้วยรอยยิ้มขมขื่น

หนานกงเฉินและเสี่ยวหยวนมาที่ห้องของจูจูด้วยกัน จูจูกำลังเหม่อมองไปทางหน้าต่าง พอได้ยินเสียงฝีเท้า ก็พูดเสียงเบาว่า: "เสี่ยวหยวน ฉันยังไม่อยากอาหารเหมือนเดิม"

เสี่ยวหยวนมองหนานกงเฉิน แล้วยักไหล่อย่างอดไม่ได้

หนานกงเฉินพิจารณาหุ่นที่บอบบางบนเตียง ในใจเกิดความรู้สึกเจ็บปวดและสงสารขึ้นอย่างอดไม่ได้ ตอนนั้นเธอไม่ผอมขนาดนี้

เขารับถ้วยในมือของเสี่ยวหยวนมา เดินไปวางไว้บนหัวเตียง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: "ต้องกินข้าวตรงเวลาแผลจึงจะหายไวนะ ร่างกายก็จะแข็งแรงขึ้นด้วย"

เมื่อได้ยินเสียงเขา จูจูหันหน้ามาทันที

"เฉิน? ทำไมเป็นคุณล่ะ?" บนหน้าของเธอมีความรู้สึกยินดีปรากฎขึ้นแวบหนึ่ง: "เมื่อกี้ฉันรู้จากเสี่ยวหยวนมาว่ามู่ชิงออกไปเดินเล่น คุณไม่ได้ไปกับเธอหรอ?"

"เปล่า เธอไปเดินเล่นกับเพื่อนรักเธอน่ะ" หนานกงเฉินเอนตัวไปพยุงเธอขึ้นจากเตียง: "มา ลุกขึ้นมากินอะไรสักหน่อย"

"อิจฉาคนที่มีเพื่อนจัง" จูจูปั้นหน้าแสดงความอิจฉา

"อยู่ที่เมืองซีนานอีกหน่อย คุณก็จะมีเพื่อนเอง" หนานกงเฉินพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ

หนานกงเฉินยกโจ๊กบนโต๊ะขึ้นจะป้อนเธอ จูจูรีบรับถ้วยมาไว้แล้วพูดว่า: "เฉิน ฉันกินเองดีกว่า"

หนานกงเฉินประหลาดใจเล็กน้อย

จูจูกินโจ๊กในถ้วยพลางพูดด้วยความรู้สึกผิด: "เฉิน เมื่อคืนฉันเสียมารยาทมากไปใช่ไหม ขอโทษนะ ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ซะนาน จึงฝันร้ายแล้วรู้สึกกลัวไปหมด"

"ไม่เป็นไร"

"หวังว่ามู่ชิงจะไม่เข้าใจคุณผิด"

"ไม่หรอก มู่ชิงเป็นคนเข้าใจโลกเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร"

"จริงหรอ?" จูจูพูดด้วยสีหน้าเซอร์ไพร์: "ถ้าเป็นแบบนี้จริงก็ดีมากเลย คุณรู้ไหม? หลังจากที่ตื่นมาเมื่อเช้าพอคิดๆ ไปก็รู้สึกเสียใจมาก พวกคุณก็เพิ่งแต่งงานกันใหม่ด้วย ถ้าฉันเป็นเหตุไปกระทบความรู้สึกของพวกคุณเข้า ฉันคงไม่สบายใจเอามากๆ"

"ไม่หรอก"

เสียงรถยนต์ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จากชั้นล่าง จูจูกวาดสายตายไปนอกหน้าต่าง รีบรบเร้าว่า: "เฉิน คุณรีบออกไปเถอะ อย่าให้มู่ชิงเห็นว่าคุณอยู่ในห้องฉันแล้วเข้าใจผิด ถ้าเป็นอย่างนั้นจะไม่สบายใจเอา"

หนานกงเฉิน เห็นเธอเข้าใจอะไรง่ายขนาดนี้ รู้สึกสบายใจมากขึ้น

เขาเองก็ไม่อยากให้มู่ชิงเข้าใจผิดเหมือนกัน จึงลุกขึ้นจากขอบเตียงแล้วพูดว่า: "นั้นเธอกินเสร็จก็พักผ่อนนะ มีความต้องการอะไรก็บอกเสี่ยวหยวนได้"

"ได้ค่ะ" จูจูพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

หนานกงเฉินเดินออกจากห้องของจูจู พอดีกับที่ไป๋มู่ชิงเดินขึ้นมาจากชั้นล่าง ยังไงก็ช้าไปก้าวนึงสินะ

เขามองไป๋มู่ชิง ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรอธิบาย เรื่องแบบนี้ยิ่งอธิบายยิ่งวุ่นวายอยู่แล้ว

ไป๋มู่ชิงมองเขาอยู่เช่นกัน จึงยิ้มบางๆ แล้วถามว่า: "คุณหนูจูเขาโอเคไหม?"

"โอเคดี" หนานกงเฉินเดินเข้าไป โอบเธอไว้ในอ้อมกอด จูบริมฝีปากเธอแล้วถามว่า: "ทำไมกลับมาเร็วจัง"

จุมพิตอย่างสนิทสนมเป็นการอธิบายที่ดีที่สุดแล้ว เขารู้สึกอย่างนั้น

แต่ไป๋มู่ชิงกลับเห็นต่าง เธอเชื่อว่าหนานกงเฉินจะต้องรู้สึกผิด รู้สึกทำผิดต่อเธอจึงใช้จูบในการปลอบประโลมเธอ

เขายังยอมปลอบเธอ แสดงว่าเธอยังพอมีน้ำหนักในใจเขาอยู่บ้าง แสดงว่าเธอยังมีต้นทุนพอที่จะแย่งชิงกับคุณหนูจูได้บ้าง เธอควรพอใจแล้วไม่ใช่หรอ

ในคืนนั้น ไป๋มู่ชิงคิดว่าจูจูจะก่อเรื่อง ดึงหนานกงเฉินไปอีก จึงหลับไม่สนิทตลอดคืน โชคดีที่ปลอดภัยทั้งคืน จูจูไม่ได้ก่อเรื่องอะไรอีก

วันนี้เป็นวันจันทร์ วันที่ต้องทำงาน

ไป๋มู่ชิงตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เรื่องแรกที่เธอทำหลังลืมตาขึ้นคือสำรวจว่าหนานกงเฉินยังนอนอยู่ข้างกายเธอไหม

พอเธอเห็นหนานกงเฉินหลับอยู่ข้างหมอนของเธอ รู้สึกสบายใจขึ้น

โชคดี เขาอยู่!

เธอยิ้มเล็กน้อย ยกนิ้วชี้ไปจิ้มจมูกของเขาแล้วเรียกเบาๆ : "สามีคะ ตื่นไปทำงานได้แล้วค่ะ"

หนานกงเฉินยกมือขึ้นรวบมือของเธอไว้ในกำมือ พูดด้วยเสียงงัวเงียว่า: "นอนเป็นเพื่อนผมอีก 3 นาที พูดจบก็โอบเธอไว้ในอ้อมกอดแล้วหลับตานอนต่อ

เมื่อเห็นสภาพขี้เกียจของเขา ไป๋มู่ชิงเริ่มแซว: "ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณไม่ขี้เซานะ ทำไมตอนนี้ขี้เซาบ่อยจัง"

"ติดมาจากเธอนั่นแหละ"

"ฉันทำตอนไหน"

"เธอทำ" หนานกงเฉินตอบพลางจูบเส้นผมเธอ: "เธอคิดว่าถ้าพวกเราออกกำลังกายยามเช้าสักยกนึง จะทันเวลาไหม?"

"ไม่ทันค่ะ และจะถูกบริษัทลงโทษว่าโดดงาน" ไป๋มู่ชิงรีบดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา พูดพลางลงจากเตียง: "ถ้าคุณไม่อยากให้พนักงานมองว่าเป็นเจ้านาย แต่นำทีมไปทำงานสาย ก็รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว"

หนานกงเฉินคว้าเธอไว้ไม่ทัน จึงต้องลุกขึ้นจากเตียงอย่างว่าง่าย

หลังจากที่ทั้งสองล้างหน้าแปรงฟันแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปกินอาหารเช้า

เห็นเสี่ยวหยวน หนานกงเฉินจึงถามว่า: "คุณหนูจูตื่นหรือยัง?"

"ตื่นแล้วค่ะ คุณชายใหญ่" เสี่ยวหยวนตอบ

หนานกงเฉินพยักหน้า แล้วถามต่อ: "เธอกินอาหารเช้าหรือยัง?"

"กินแล้วค่ะ"

หนานกงเฉินไม่ได้ถามต่อ กินอาหารเช้าพร้อมไป๋มู่ชิงแล้วพูดกับเธอว่า: "ไปเยี่ยมคุณหนูจูกับผมหน่อย"

ไป๋มู่ชิงมองเขา ให้เธอไปเยี่ยมคุณหนูจูด้วยกันเนี่ยนะ?

แต่เธอรู้ว่าทำไมหนานกงเฉินจึงทำแบบนี้ เขาอยากให้เธอรู้ว่า เขาและจูจูบริสุทธิ์ใจกัน ไม่จำเป็นต้องทำอะไรลับหลังเธอ

ในเมื่อหนานกงเฉินมีใจขนาดนี้ เธอก็ยอมรับไว้อยู่แล้ว

"ได้สิ" เธอพยักหน้ารับ แล้วเดินขึ้นชั้น 2 พร้อมหนานกงเฉิน

ทั้งสองมาถึงห้องของจูจูพร้อมกัน จูจูสามารถลงจากเตียงได้แล้ว ตอนนี้กำลังใช้รีโมทเปลี่ยนช่องโทรทัศน์อยู่บนโซฟา

เห็นพวกเขาทั้งสองเข้ามา เซอร์ไพร์เล็กน้อย ยืนขึ้นจากโซฟาและประเมินพวกเขา แล้วยิ้มพลางพูดว่า: "เฉิน มู่ชิง พวกคุณตื่นแล้วหรอ?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด